ถอดบทเรียนในช่วงท้ายขั้นพื้นฐาน เขียนภาวนา รุ่นที่ 14

  เขียนภาวนา รุ่นที่ 14 ได้ผ่านสี่วันแรกของขั้นพื้นฐานแล้ว เหลืออีก 3 สัปดาห์สำหรับการฝึกขั้นปฏิบัติที่เข้มข้นขึ้น ขออนุโมทนาในบุญกุศลและผลจากการฝึกตนเองจากการภาวนาของผู้เรียนทุกท่าน 🙏 รวมถอดบทเรียนในช่วงท้ายขั้นพื้นฐาน… 📒 บทเรียนสำคัญที่ได้รับ : ต้องพัฒนาพละ 5 ในวิริยะ ศรัทธา สมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา, น้อย แต่ มาก, เขียนน้อยแต่ลายมือสวยขึ้น คิดน้อยลง เขียนมากขึ้น, ได้รู้หลักธรรมมากขึ้น ได้แนวทางที่เป็นแก่น รู้เทคนิคการฝึกสติ, ได้ใช้ประโยชน์จากการเขียนมาในการฝึกสติ, รู้จักหยุด ดึงใจกลับบ้าน ส่องใจทุกทาง ซื่อสัตย์ต่อตนเอง, มรรคมีองค์ 8 ต้องสอดคล้องกับไตรลักษณ์ การคิดอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง การอดทนเผชิญกับความจริงทำให้รู้ว่าไม่ได้ทุกข์อย่างที่คิด, ปักใจ ขัดใจ จูงใจ, มองเห็นว่าการคิดล่วงหน้าว่ายากเป็นอุปสรรค, การภาวนาเหมือนการทดลองลงมือทำและสังเกตผลลัพธ์ บันทึกการเปลี่ยนแปลง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดกำลังใจ, การฝึกฝนต้องมีครูที่เข้าใจและสามารถอธิบาย, ได้ฝึกการทำซ้ำ เห็นนิวรณ์ที่เคยเกิดขึ้น ยอมรับและปล่อยวาง, ทำให้เห็นว่าการเขียนโดยที่อยู่กับปัจจุบันทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าตอนที่อยาก เห็นสิ่งที่ปัญญาบอกตอนนั้นจริงๆ โดยไม่ต้องพยายามปรุงแต่ง… Continue reading ถอดบทเรียนในช่วงท้ายขั้นพื้นฐาน เขียนภาวนา รุ่นที่ 14

มาเติมไฟให้ชีวิต ด้วยการสำรวจตัวตน และก้าวข้ามขอบความคิด ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 55

  มาเติมไฟให้ชีวิต ด้วยการสำรวจตัวตน และก้าวข้ามขอบความคิด ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 55 การเขียนบำบัดเพื่อการเปลี่ยนแปลง เรียนออฟไลน์-ค่าใช้จ่ายตามทุนทรัพย์-รับจำนวนจำกัด มีสองหัวข้อให้เลือกหรือเข้าครบทั้งสองกิจกรรม . “เขียนค้นตน : Self-Discovery Journal” วันที่ 2-3 กันยายน 2566 เวลา 9.30 – 16.30 น. ณ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ คลองสี่ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เรียนการเขียนบำบัดเพื่อการรู้จักตนเองในหลากหลายด้าน ทั้งในจิตสำนึกและใต้สำนึก หากสนใจหลักสูตรนี้ คลิกเลยด้านล่าง https://www.dhammaliterary.org/selfdiscoveryjournal/ . “เขียน.ข้าม.ขอบ : การเขียนบำบัดเพื่อปลดล็อกความคิด” วันที่ 9 – 10 ธันวาคม 2566 เวลา 9.30 – 16.30 น. ณ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ คลองสี่ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี… Continue reading มาเติมไฟให้ชีวิต ด้วยการสำรวจตัวตน และก้าวข้ามขอบความคิด ในหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 55

กิจกรรมอ่านหนังสือ ดอกไม้และความหวัง

  “ผมแปลหนังสือ Hope for the flowers เมื่อปี 2554 จนแล้วเสร็จเป็นรูปเป็นร่างได้จัดพิมพ์ปี 2555 โดยมีอาจารย์ประชา หุตานุวัตร เป็นบรรณาธิการและผู้ประสานสิบทิศช่วยติดต่อผู้เขียน โรงพิมพ์ และผู้เชี่ยวชาญด้าน Artwork จนเล่มหนังสือออกมาสวยงามและใกล้เคียงกับต้นฉบับ ถือเป็นเวอร์ชั่นแปลไทยครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตถูกต้องจากผู้เขียน – ทริน่า พอลัส นักกิจกรรมตลอดชีวิต เช่นเดียวกันกับอาจารย์ประชา “ผมได้แปลเล่มนี้จากความอยากรู้อยากเห็นว่าเวอร์ชั่นแอบแปลของไทยที่มีมาก่อนหน้า ซึ่งผู้เขียนเรียกว่าเวอร์ชั่นโจรสลัด มีความแตกต่างจากต้นฉบับอย่างไร จึงสั่งทางไกลมาลองอ่าน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ริเริ่มแปลใหม่เอง เพราะเมื่อได้อ่านฉบับของไทยที่แปลมาก่อนหน้าสองเวอร์ชั่นพบว่าเนื้อหาหรือบางข้อความถูกตัดทอนออกไป ด้วยการแปลแบบเน้นเนื้อความและเรียบเรียงใหม่ ซึ่งทำให้ความหมายแฝงที่สื่อถึงเรื่องทางสังคมถูกลดทอน “อีกเสน่ห์หนึ่งของต้นฉบับในมุมมองผมคือการใช้คำที่ง่าย สั้น กระชับ แต่สวยงาม บางจุดอ่านแล้วมีความคล้องจองเหมือนอ่านบทกวีฝรั่ง นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจในการแปลเล่มนี้ให้เหมือนกับการแปลบทกวีชิ้นหนึ่ง พยายามสื่อเสน่ห์แบบเดียวกันนี้ในแบบฉบับภาษาไทยให้ได้มากที่สุด โดยมีอาจารย์ประชาช่วยตัดแต่งให้กระชับ และตรงความหมายของคำในต้นฉบับมากขึ้น “ชื่อหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใช้เวลานานในการเลือกและคิดกันในทีมงาน ตอนแรกผมลงไว้ในฉบับร่างว่า “ความหวังแด่มวลดอกไม้” แปลตรงจากชื่อและเห็นว่ามันสะท้อนเจตนาของผู้เขียนที่ต้องการให้หนังสือเล่มนี้เป็นความหวังที่จะมี “ดอกไม้” งอกงามมากขึ้นบนโลก แต่ชื่อนี้ก็ยังไม่ลงตัว ยาวเกินไป ยังไม่สวยงาม จนสุดท้ายก็ได้ชื่อ “ดอกไม้และความหวัง” ชื่อเล็กๆ เรียบง่าย แต่มีความหมายยิ่งใหญ่ในตัวเอง “ความดีงามของหนังสือ… Continue reading กิจกรรมอ่านหนังสือ ดอกไม้และความหวัง

“Self-Hypnosis การโปรแกรมจิตตัวเอง” รุ่นแรก

  การอบรม “Self-Hypnosis โปรแกรมจิตตัวเอง” รุ่นแรกได้จบลงแล้ว โดยเป็นหลักสูตรพิเศษที่ต่อยอดจากการอบรม “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” ทั้ง 18 รุ่นที่ผ่านมา โดยได้ต้อนรับศิษย์เก่าสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ร่วมเรียนในรอบปฐมฤกษ์ กิจกรรมนี้เป็นการฝึกเป็นนายเหนือความคิดและจิตใจของตนเองผ่านศาสตร์การโปรแกรมจิตด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ติดตัว บนพื้นฐานของหลักธรรมและการสะกดจิตบำบัด ผ่านการอบรมที่เน้นการลงมือทำทั้งในคาบเรียนผ่าน Zoom และหลังการเรียนแต่ละคาบ   “ประเด็นที่มีอิทธิพลกับตัวเองมากๆ คือคำสอนคุณครูที่ว่า “เราถูกโปรแกรมจิตอยู่แล้วทุกๆวัน” ไม่ว่า จะถูกปัจจัยภายนอกโปรแกรม หรือตัวเราโปรแกรมตัวเอง คำพูดนี้กระตุ้นให้ได้คิด จริงๆแล้ว การสะกดจิตไม่ใช่เรื่องไกลตัว เราถูกสะกดจิตอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ เมื่อไม่รู้เท่าทัน จิตของเราจะถูกโปรแกรมแบบไม่มีระบบ ไม่มีสติ เป็นชีวิตที่ปล่อยไหลไปตามยถากรรม ตามกิเลสที่ยั่วยวนเรา ส่งผลให้เราสุข ทุกข์ไปตามกรรม แต่การเรียนรู้จากคอร์สนี้ ทำให้เข้าใจและเห็นจริงผ่านประสบการณ์ของกิจกรรม ว่า การโปรแกรมจิตให้เป็นระบบ ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเราเอง เพียงรู้เท่าทัน และ ใช้สติกำหนด ความรู้สึก นึก คิดเราเอง ก่อนจะส่งผลไปสู่การกระทำทางกาย วาจา ใจ ช่วยให้เราทำในสิ่งที่ควรทำ และพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจได้” /… Continue reading “Self-Hypnosis การโปรแกรมจิตตัวเอง” รุ่นแรก

อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม

  ไม่มีทางที่จะเอาชนะความเลวร้าย ด้วยความเลวร้าย หนทางเดียวที่จะกำราบความชั่วช้า คือความไม่ชั่วช้า กำจัดปีศาจ อย่างไม่กลายร่างเป็นมาร ทำลายความหลงผิดให้พินาศ ต้องยึดความถูกต้องในทุกด้าน * ไม่มีทางที่ความดีงามจะเอาชนะ หากพยายามด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ทำเช่นนั้นก็เพียงสร้างมารร้ายขึ้นมา ด้วยใจหวังดีที่แสนมัวหม่น อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม อย่าเป็นจิตใจที่หยาบกระด้าง เพียงเพื่อแตกหักกับสิ่งไม่น่าคบหา จงเคารพตัวเองและมนุษย์ เพื่อฉุดพวกเขาจากการไม่เคารพตน จงเป็นแสงสว่างที่แตกต่าง ใช่กลมกลืนกับความมืดมนตรงนั้น มองให้เห็นกลเกม เล่ห์กิเลสชักใย เอาตัวห่างออกมาจากรังแมงมุม มีอุเบกขาและปัญญา ดูเถิด… ความดีที่เปื้อนทิฐิ ก่อวิหิงสา ** มากมาย หนทางในการแก้ไขปัญหา ต้องไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคืออัตตา ที่ก่อวิหิงสา ความโง่เขลาที่โกรธเกลียดและละโมบ เธอไม่ใช่เจ้าของสิ่งเหล่านี้ สนามปะทะแห่งนามรูป ไม่มีชัยชนะใดยืนยง จงมองวิธีการของมารร้าย ให้เห็นความว่างเปล่า มองให้ดี ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น… นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน ครูโอเล่ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่ 44 19 กรกฎาคม 2566… Continue reading อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม

รอบสุดท้ายของปี ! ห้องเรียน พลังแห่งจิต รุ่นที่ 19

  รอบสุดท้ายของปีนี้ ! ห้องเรียน พลังแห่งจิต 🧚‍♂️ รุ่นที่ 19 เรียนการสะกดจิตบำบัดและฝึกหัดใจ ผ่านหลักคิดวิธีพุทธและศาสตร์ Hypnosis “ตอนแรกคิดว่าการฝึกสะกดจิตตัวเองหรือผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องยากและค่อนข้างไกลตัว เมื่อมาเรียนแล้วจึงพบว่าเราสะกดจิตตัวเอง ผู้อื่น และโดนผู้อื่นสะกดจิตตลอดเวลาในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ผ่านทั้งคำพูด การกระทำ และสัญลักษณ์ต่างๆ “ครูโอเล่ได้สอนความเข้าใจหลายๆ อย่างที่คิดว่ายากให้เป็นสิ่งที่ง่ายและจับต้อง เข้าใจได้ง่าย อันนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก อีกทั้งบรรยากาศในห้องเรียนที่อบอุ่น เป็นกันเองของทุกคนที่ร่วมกันเรียนรู้ ทำให้เกิดความสงบ สบาย สนุก วางใจได้โดยง่าย” / คุณเจี๊ยบ ผู้เรียนรุ่นที่ 5   👉 เนื้อหาการอบรมสี่วัน (ขั้นต้นและกลาง รุ่นที่ 19) : วันที่ 9 – 10 , 16 – 17 กันยายน 2566 (เสารอาทิตย์) เรียนผ่านโปรแกรม Zoom 1. ทำความรู้จักการสะกดจิต และแก่นแท้ของการสะกดจิตที่มีอยู่ในชีวิต… Continue reading รอบสุดท้ายของปี ! ห้องเรียน พลังแห่งจิต รุ่นที่ 19

ใกล้ปิดรับสมัคร เขียนภาวนา ประจำปี 2566

  “ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน ที่ได้เรียนคอร์สเขียนภาวนา นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตตั้งแต่เกิดมา ในทุกๆวันได้มีกิจกรรม มีภาวะความรู้สึกที่เคล้าเคลียอยู่กับการภาวนา การเรียนรู้กายใจตลอด “กิจกรรมหัวข้อต่างๆที่ลงมือทำ ก่อให้เกิดการเห็น ความเข้าใจ การยอมรับสภาวะต่างๆ คลายความหนัก ความยึดถือลงเนืองๆ คำสนทนา การชี้สภาวะหรือสิ่งที่ติดอยู่จากครู อาจไม่ใช่คำชื่นชมให้กำลังใจทั้งหมด จนบางครั้งเกิดความขุ่นมัวในใจ แต่เมื่อม่านหมอกกิเลสนั้นสลายไป ได้เห็นว่าทุกคำชี้แนะนั้นเป็นความจริงอย่างที่สุด และกลับก่อเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกที่ควรมากยิ่งๆขึ้น “ความฟุ้งซ่าน นิวรณ์ห้า รู้สึกลดลง มีสมาธิมีสภาวะตั้งมั่นมากขึ้น มีความอดทน ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรทำ แม้ในตอนเริ่มต้นก่อนที่จะลงมือทำกิเลสจะหลอกให้เราหยุด ในกับทั้งทางการภาวนาและบทบาทหน้าที่ทางโลก อุเบกขา เป็นสิ่งที่มักมองข้าม จนทำให้ทุกข์ รู้สึกผิด และเบียดเยียนตัวเอง ได้เข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น “อิสระนั้นมิได้หมายถึงการทำอะไรก็ได้ตามใจอยาก แต่การทำตามใจอยากนั้นแหละ อาจเป็นคุกที่คุมขังเราไว้เรามิได้เดินเพื่อถึงจุดหมายใด แต่เพื่อทำให้ทุกย่างก้าวมีคุณค่าอย่างแท้จริง ยิ่งรีบ ยิ่งเร่ง ยิ่งออกไป ยิ่งค้นหา ยิ่งไม่เจอ” / คุณจักรทิพย์ (โจ๊ก) ผู้เรียนปี 2563   🌼 หลักสูตร #เขียนภาวนา Meditation Writing :… Continue reading ใกล้ปิดรับสมัคร เขียนภาวนา ประจำปี 2566

สิ่งที่ผู้ต้องขังได้รับในกิจกรรมเขียนบำบัด ในวันที่ 4 และ 5 ประจำปี 2566

  …รู้สึกดีใจที่ได้ระบายลงสมุดเวลาเราเครียดมันจะทําให้เรารู้สึกดีค่ะ …รู้สึกดีที่เราได้ระบายในเรื่องที่เราไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเราเราสามารถเขียนระบายลงในกระดาษ ได้ โดยที่เขาไม่รู้สึกอะไร ฟังได้หมด ถ้าเป็นคนอาจฟังแล้วรับไม่ได้ …ถ้าเราเขียนในข้อดีๆเราก็จะมีแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนหรือทําสิ่งที่ดีต่อไปนํามาเป็นแรงบันดาลใจได้ 📒 นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผู้เรียนของเราได้รับจากการเขียนบำบัดใน “โครงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบําบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงในเรือนจําสมุทรปราการ” ในวันที่ 4 และ 5 จากทั้งหมด 12 วัน (เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566) กิจกรรมในสองวันนี้เป็นการทบทวนชีวิตจากความทบทวนและเส้นทางที่ผ่านมา ใคร่ครวญความรู้สึกและความต้องการของตนเองในเหตุการณ์เหล่านั้นเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และความเข้าใจต่อตนเอง ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ต้องคดีจากเรื่องยาเสพติด เกือบทุกคนมีโรคเรื้อรัง เป็นคนชายขอบที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้ที่ดี แม้แต่กิจกรรมในเรือนจำบางครั้งก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้เพราะถูกจัดเป็นกลุ่มเปราะบางเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ มีพื้นเพที่ต้องพบเจอกับปัญหาความยากจน ความร้าวฉานในครอบครัว และความทุกข์ยากตั้งแต่วัยเด็ก เป้าหมายของเราคือการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา โดยเริ่มจากความเข้มแข็งทางใจ แล้วบ่มเพาะกำลังของสติปัญญา เพื่อการเติบโตและการเลือกเส้นทางชีวิตในวันหน้าอย่างมีภูมิต้านทานต่อโลกที่หลายครั้งๆ ก็โหดร้ายกับเราเหลือเกิน …ชีวิตเหมือนกับสายน้ําต้องผจญกับทุกข์ปัญหาแต่เราก็ต้องสู้ต่อไปชีวิตจะสอนให้เรารู้ว่าต่อไปนี้เราต้อง ปรึกษาครอบครัวเราให้มากที่สุด อย่าใช้ชีวิตลําพัง …วันนี้รู้สึกมีความรู้สึกดีๆให้กับเพื่อนที่เราไม่ได้สนิทกัน พอได้จับคู่กันได้เล่าความรู้สึกของกันเราอาจจะ มองไม่ถึงจุดนี้ของเขา ทําให้เรามีความรักความเมตตาให้กับเขามากขึ้น …ได้รู้เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของแต่ละคนไม่ได้มาจากที่สูงหรือต่ำเกินไป เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ มีความสุขในแบบหนึ่งได้ • เหมือนได้ย้อนอดีตและความทรงจําเก่าๆดีๆ ได้มิตรภาพจากเพื่อนทุกคน มีที่มามีเหตุการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน รู้สึกทําให้เราดีขึ้น 🙏 ติดตามกิจกรรมเปิดรับคนทั่วไปของเราได้ที่ https://www.dhammaliterary.org/open-course/ และเพจเฟสบุ๊ค สถาบันธรรมวรรณศิลป์… Continue reading สิ่งที่ผู้ต้องขังได้รับในกิจกรรมเขียนบำบัด ในวันที่ 4 และ 5 ประจำปี 2566

ในเมื่อเราทุกคนต้องตาย จึงควรเมตตากัน

  หลายๆ ครั้งเราก็ทะเลาะกัน เพราะเอาสิ่งอันไม่จีรังยั่งยืนมาเปรียบเทียบแข่งกัน ฉันเก่งกว่าบ้าง ฉันมีคุณธรรมมากกว่าบ้าง ฉันรักชาติยิ่งกว่า หรือฉันด้อยมากเรื่องทักษะนั้น ความรู้นี้ ถึงแม้สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่กล่าวได้ว่าเป็นของฉันหรือตัวตนฉันได้อย่างแท้จริงเลย “สัตว์ที่ยืน นั่ง นอน หรือเดินอยู่ อายุสังขารหาได้เป็นไปตามด้วยไม่ วัยย่อมเสื่อมไปทุกขณะที่หลับตาและลืมตา” **** เราจึงไม่ควรประมาทเสียเวลาไปกับการจ้องจับผิดผู้อื่น จ้องทำร้ายและบาดหมางต่อกัน เพราะเวลาชีวิตของเราเองก็ถอยหลังลงไปเรื่อยๆ ในทุกขณะที่หลับตาและลืมตา เราเดินเข้าไปหาความตายใกล้มากขึ้นตามลำดับ ไม่พึงถือความผิดพลาดของผู้อื่นเป็นเรื่องจริงจังจนเป็นทุกข์ เพราะการกระทำทางกาย วาจา และใจของเขาเองก็อยู่ในกฎไตรลักษณ์ คือไม่เที่ยงแท้ ย่อมมีเสื่อมลง และเป็นไปตามปัจจัยต่างๆ แม้แต่การกระทำดีๆ ของคนอื่นก็ไม่เอาเป็นตัวตนของเราหรือของๆ เราให้ยึดถือได้ตลอดไป ในนิทานชาดกของพระไตรปิฎกยังกล่าวอีกว่า “เพราะวัยเสื่อมไปอย่างนั้นหนอ อัตภาพย่อมบกพร่อง หนทางที่คนเดิน เมื่อต้องมีความพลัดพรากจากกันโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ ควรมีเมตตาเอ็นดูกัน ส่วนที่ตายไปแล้ว ไม่ควรจะต้องเศร้าโศกถึง” **** คนทะเลาะกันเพราะจิตไปยึดติดในท่าทีการกระทำและบางด้านของอีกฝ่ายในลักษณะความเป็นตัวตน คิดไปเองว่าฉันและเธอไม่เหมือนกัน จนหลงลืมว่าวันหนึ่งต่างฝ่ายต่างก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยและตายลงทั้งสิ้น เป็นเพื่อนร่วมทุกข์บนโลกใบนี้ทั้งสิ้น ในเมื่อทุกคนต่างต้องตาย เราจึงควรเมตตาต่อกัน ใช้เวลาที่ยังมีอยู่ของชีวิตตนเองเพื่อความสงบสันติแก่ตัวเองและผู้อื่น การยิ่งจงเกลียดจงชังให้ร้ายต่อกัน มิเคยทำให้ใจถึงความสงบสันติได้เลย และมีแต่พาชีวิตล่วงไปอย่างไร้ความหมาย สิ่งที่ล่วงไปแล้วไม่อาจคว้ามา สิ่งที่ยังมีอยู่คือสิ่งที่เราควรใส่ใจอย่างแท้จริง คนที่ยังอยู่กับเราคือคนที่เราควรเมตตาต่อกัน… Continue reading ในเมื่อเราทุกคนต้องตาย จึงควรเมตตากัน

หลักสูตรพิเศษ “บทกวี กับ การภาวนา”

  ขอเชิญศิษย์เก่าครูโอเล่และนักเรียนหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ร่วมเรียนรู้ผ่านกิจกรรม “บทกวี กับ การภาวนา” ค่าใช้จ่ายบริจาคตามกำลังทรัพย์ ในวันที่ 24 – 25 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. – 16.30 น. ณ สำนักงานใหม่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ซอย หมู่บ้านอยู่เจริญ 3 คลองสี่ ลำลูกกา (ระยะทาง 10 กิโลเมตร จากสถานี BTS คูคต / 13 กิโลเมตร จากสถานี BTS รังสิต) แผนที่ : https://goo.gl/maps/yRhQMPmr1nGSnJvB8   การอบรมพิเศษนี้ประกอบด้วยกิจกรรมการอ่านบทกวี การนั่งสมาธิ การฝึกเขียนบทกวีง่ายๆ ในรูปแบบของกลอนเปล่า กลอนสามบรรทัด กลอนไฮกุ และเทคนิควิธีการจากหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต และ เขียนภาวนา เน้นการฝึกปฏิบัติและการแลกเปลี่ยนทบทวนกับเพื่อนร่วมเรียน… Continue reading หลักสูตรพิเศษ “บทกวี กับ การภาวนา”