เรื่องเล่าจากโครงการอบรมเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขัง รุ่นที่ 3 ของเรา (3)

 
…คำบอกเล่าหลังจบการเรียนรู้…
 
“มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนทุกข์มาก และมาระบายกับเรา ซึ่งบางทีเราก็ให้คำแนะนำเค้ามากไม่ได้ ก็เลยยื่นสมุดให้ และให้เค้าเขียน พอเขียนเสร็จแล้วก็ถามเค้าว่ารู้สึกยังไง เค้าก็บอกว่าโอเค มันดีขึ้นนะ มันได้ปลดปล่อยบางสิ่งที่เค้าพูดกับเราไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในภาษาเค้าหรือภาษาเราก็ตาม จบออกไปแล้วก็คิดจะเขียน เขียนไว้มันดีกว่า มันมี space ของเรามากขึ้น”
 
เมื่อกิจกรรมการเขียนบำบัดแก่ผู้ต้องขังแดนหญิงสมุทรปราการ ได้มาถึงครั้งที่ 12 ในช่วงปัจฉิมนิเทศ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 เราได้ชวนเขาทบทวนถึงการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองจากการเข้าร่วมโครงการที่ผ่านมา โดยใช้ “ไพ่กัลยาณมิตร” เป็นเครื่องมือ พวกเขาได้บอกเล่ากับเรา อาทิ
 
“ได้สติมากขึ้น ได้แสดงออกมากขึ้น จากคนที่คิดว่าตัวเองไม่ค่อยอยากจะพูด ไม่ค่อยอยากจะอะไรกับใคร ก็ทำให้เราสามารถพูดกับเพื่อนได้ แคร์ความรู้สึกกัน บอกกันได้ ทำให้เรารู้สึกดี และพอมีสมุด บางอย่างที่เราคิดอยู่คนเดียวในใจ ไม่สามารถที่จะบอกใครในเรื่องของเราได้ เราก็สามารถที่จะเขียนลงสมุดได้ ทำให้เรารู้สึกดีเวลาได้ระบายสิ่งที่เราอึดอัดในใจออกไป มันทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยเราก็มีสมุดที่ยังเก็บความลับของเราได้ มันไม่สามารถที่จะพูดให้ใครฟังได้ เพราะสมุดไม่มีปาก”
 
“ตอนแรกที่เค้าให้มาเรียนก็สงสัยว่าเค้าอบรมคนที่เป็นจิต แต่เราไม่ได้เป็น ถ้าอบรมไปนานๆฉันจะเป็นจิตไหม พอได้มาอบรมแล้ว จริงๆไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูดหรือเราคิด คุณหมอและวิทยากรได้ให้ความรู้ ให้ความมั่นใจกับตัวเราเอง ตลอดเวลาที่มีการอบรมแต่ละครั้ง ก็รู้สึกดี และอยากมาทุกครั้ง ทำการบ้านทุกครั้งที่มีให้ จะไม่เพิกเฉย”
 
“ก่อนหน้านี้บางครั้งเราก็ตัดสินใจผิดพลาด คิดมาก จากการเรียนสอนให้เราตัดสินใจอย่างระมัดระวัง ระวังความใจร้อนของตนเอง ทำให้ใจเย็นขึ้น ไม่ทะเลาะกับคนอื่น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ใจเย็นขึ้น มีสมาธิขึ้น อดทนได้มากขึ้น สบายใจมากขึ้นเยอะ”
 
“ก่อนหน้าที่จะมาเรียน รู้สึกท้อ ไม่อยากขึ้นมาเรียน แต่มาวันนี้ พอเรียนจบแล้ว รู้สึกโอเคมาก ได้ความรู้ ได้การกล้าแสดงออก ให้เรากล้าพูดกล้าทำ เมื่อได้มาเรียนวิชานี้ ได้รู้จักเพื่อน รู้จักความคิดความอ่าน อะไรที่เราเคยทำผิดต่อกัน ถือโทษโกรธกัน ก็ให้อภัย ได้ความคิดความเข้าใจ สุดท้ายก็กลับมามีความสุข”
 
“พอได้เขียนความรู้สึก ทุกๆหน้าที่เขียนออกมา มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ทำให้เราได้พูด ได้ระบายสิ่งที่เราคิดมาก เราเป็นคนมีปมเยอะในอดีต ชอบคิดบั่นทอนตัวเอง แต่พอได้คุย ได้พูด ทำให้รู้สึกว่าได้ระบายบางส่วนออกไปจากใจของเรา สิ่งที่คิดว่าควรพัฒนาขึ้นก็คือความคิด ซึ่งตอนนี้ก็รู้สึกว่าคิดอะไรที่เกี่ยวกับอดีตน้อยลง จะพยายามไม่รื้อฟื้นขึ้นมาเพื่อบั่นทอนจิตใจตัวเองอีกแล้ว เพราะมันไม่ใช่นิสัยจริงๆของเรา เลือกคิดในสิ่งที่ควรคิด”
 
“ตั้งแต่ที่อาจารย์สอนเรามาตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้าย ทำให้เรามีความคิดหลายอย่าง ต่อไปจะทำยังไง หรือบางเรื่องที่เราคิดอยู่ในใจ ไม่รู้จะระบายกับใคร อาจารย์ก็จะให้เราเขียนบันทึกลงในสมุด เพื่อระบายความในใจ ทำให้ดีขึ้น ขอบคุณสิ่งดีดีที่มีให้ในวันนี้และที่ผ่านมา”
 
“ขอบคุณในทุกอย่างที่อาจารย์ให้พวกเรา ทำให้พวกเรากล้าที่จะแสดงออก ทุกอย่างที่สอนมามีประโยชน์มาก”
.
แม้โครงการนี้จะจบลงแล้ว แต่เราก็หวังให้เขาได้ใช้เครื่องมือใกล้ตัวที่เรียบง่ายอย่างการเขียนบันทึก เป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพทางใจและปัญญาของตนเองต่อไป เพื่อเริ่มต้นใหม่กับชีวิตของตนเอง ไม่ว่าเขาจะยังต้องอยู่ในเรือนจำหรือได้พ้นโทษแล้วก็ตาม
 
“ตั้งแต่เรียนมาทำให้รู้ชีวิตหลายๆคน มีความทรงจำทั้งดีและไม่ดี ทำให้เห็นว่าบางทีอดีตของคนอื่นมันทำให้รู้ได้เห็นมากขึ้นว่ายังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราเยอะนะ ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการออกไปทำชีวิตให้มันดีขึ้น เข้ามาวันแรกไม่มีสติเลย ด้วยคดีของเราด้วย ไม่มีสติ ร้องไห้อย่างเดียว ใครถามอะไรก็ร้องไห้ ถามว่ามาคดีอะไรก็ร้องไห้ เคสเรามันกระทบกระเทือนจิตใจเราเยอะพอสมควร พออยู่ไปเรื่อยๆ เริ่มฟุ้ง เหมือนคนเพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ คิดหาคำตอบวนอยู่อย่างนั้น คิดวนไปแต่เราก็ไม่ได้คำตอบ อยู่ที่นี่ได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็มาเจอคอร์ส เลยขออบรมด้วย อย่างที่บอก พอมันฟุ้งมาก ก็ต้องหาที่ระบาย เราต้องรอให้ความคิดมันตกตะกอน พอมันเริ่มตกตะกอน ทำให้ balance กันมากขึ้น”
 
.
อ่านรายงานโครงการนี้ได้ที่
.
เข้าร่วมกิจกรรมรับสมัครบุคคลทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการของเรา