“เป็นช่วงเวลาที่ สับสนวุ่นวาย ในภาระงานต่างๆ แต่การ “เขียนภาวนา” ช่วยทำให้ได้พักใจพักความสับสนของสมอง ขอบคุณหลักสูตร ขอบคุณครูโอเล่” . / คุณชัชวาลย์ อาชีพ ครู : : : “ชิเห็นถึงความอยาก ในตัวเองหลายอย่าง จากเป้าหมายแรกๆ คือ อยากหายทุกข์ ต่อมาอยากรู้ ตอนนี้อยากดี กำลังรับรู้กับความอยากที่พุ่งขึ้นมา ตลอดเวลา ชิเห็นการสื่อสารที่ใจร้อน ทั้งตัวเองก็อาจจะตอบตัวเองไม่ได้ ไม่กล้าเขียนลงมาชัดๆ เห็นได้ ถ้าหยุดมอง หรือคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นจะมองเรื่องนี้อย่างไร ทำให้คิดได้ว่านี่ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้เป็นพฤติกรรมคิดมาก ก็ต้องมีสติในการเลือกเรื่องที่จะคิดให้มาก ชิเห็นการเลือกหัวข้อของเพื่อนและของตนเอง ก็ทำให้เข้าใจได้ว่า สิ่งที่เราเป็นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลกใบใหญ่นะ เรียนรู้จากคนอื่นช่วยลดเรื่องเห็นทุกข์ของตัวเองเล็กลงนิดเดียว ชื่นชมและขอบคุณเพื่อนทุกคน” . / คุณรัตน์รวี อาชีพ พนักงานอิสระ : : : “ระหว่างที่เขียนบทบันทึกนี้ สัมผัสได้ถึงการ empathy ที่รินไหลในตัว ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ นอกจากปล่อยวาง… Continue reading รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๔)
Author: admin
ปัญหาอยู่ที่เราแก้มัดตัวเองไม่ได้ | เขียนภาวนา บันทึกผู้เรียน
: : : บันทึกผู้เรียน “เขียนภาวนา” หลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๑๙ หัวข้อ “ทำอย่างไม่ทำ” จากคุณมีมี่ย์ อ่านโดย ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org
รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๓)
“การเขียนบันทึกนี้มันช่วยทำให้เราเห็นตัวตน และการลอกตัวตนออก มันเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่แปลกใหม่ดีครับ … การเขียนบันทึกครั้งนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ด้วยความที่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเช่นบันทึกก่อน แต่เขียนด้วยจิตใจที่นิ่ง มีสติ รู้ตัว เห็นอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน” / คุณคณัส (ตุ้ม) อาชีพ พ่อค้า . ภาพบันทึกและบทเรียนจาก คุณนัยรัตน์ (ณแนน) อาชีพ พนักงานบริษัท , คุณปัทมา (เปิ้ล) อาชีพ ที่ปรึกษาด้านเทคนิค , คุณสรินยา (เอ็ม) อาชีพ พนักงานราชการ . จากการอบรม “เขียนภาวนา” กึ่งออนไลน์ หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิตรุ่นที่ ๑๘ www.dhammaliterary.org
7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สาม)
7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สาม) คนเราหลายคนใช้ชีวิตเหมือนฝันกลางวันโดยไม่รู้ตัว บางครั้งหนึ่งวันก็จบลงอย่างไม่มีความหมายแตกต่างจากวันก่อนๆ ตื่นขึ้นไม่นาน หนึ่งวันก็จบลงอย่างว่างเปล่าและบ้างก็เหนื่อยล้า ใจบางทีก็ฝันหรือหวังในสิ่งที่ไกลแสนไกล และแปลกแยกกับชีวิตวันนี้ของตนเอง . บทความวิธีเลิกฝันกลางวัน จึงเป็นหัวข้อที่ชวนคิดชวนทบทวนชีวิต เรากำลังใช้ชีวิตอย่างฝันไป หรือใช้ชีวิตอย่างตื่นขึ้น เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างสองอย่างนี้ คือการมีสติและเห็นคุณค่าในชีวิตปัจจุบัน แล้วเราทำสิ่งต่างๆ อย่างมีคุณค่าสอดคล้องและเหมาะสมหรือไม่ . บางคนรู้สึกว่าชีวิตไม่มีตัวเลือกหรือทางเลือกเลย แต่ไม่ยอมลงมือทำเพื่อสร้างทางเลือกนั้นขึ้นมา เพราะจำกัดตัวเองอยู่ในความคิด และการยอมจำนน บางคนรู้สึกว่าตัวเองมีตัวเลือกมากมาย แต่กลับไม่อาจแน่ใจว่าทิศทางใดควรก้าวไป . บางชีวิตฝันกลางวันอยู่กับคุณค่าปลอมของชีวิต โหยหาไขว่คว้าสิ่งที่ไม่อาจทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง ได้มาอย่างไม่อาจเติมเต็มหัวใจ หรือคอยเที่ยวเทียวนำตนเปรียบเทียบกับใครๆ แต่ไม่เคยมีความพอใจกับตนเอง . บทความสองตอนแรก ได้แนะนำเราเกี่ยวกับการหยุดชีวิตฝันกลางวันแล้วจดจ่อกับคุณค่าที่เราพึงมีตรงหน้า ผ่านการลงมือทำและเปลี่ยนวิธีคิด สองข้อต่อไปนี้เป็นการปิดท้าย ผู้อ่านคนใดมีข้อคิดใดแลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติมก็ขอเชิญตามช่องทางที่สะดวก และสามารถอ่านสองตอนแรกได้ตามลิงค์ท้ายบทความ . 6 มองเล็ก ทำน้อย แต่ลงลึก : มีมากก็ใช่ว่าจะดี ทำเยอะมากใช่ว่าจะเกิดผล คนเรามักโฟกัสสิ่งที่ใหญ่และเยอะ เพราะเห็นง่ายเตะตาต้องใจ แต่ความเยอะและใหญ่ไม่เคยประกันคุณภาพและความสุข .… Continue reading 7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สาม)
รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๒)
“เติมเต็มใจเราด้วยน้ำเปล่า ใส และธรรมดา หัวใจแห้งผากด้วยมานะ ความอยาก และยึดมั่น เพิ่มความอ่อนโยนด้วยศรัทธา ยืดหยุ่น และวางใจ ค่อยค่อยปล่อยให้น้ำไหลรินช้าช้า มองสายน้ำที่กำลังหล่นจากหยดน้ำ จนกลายเป็นสายเดียวกัน ทีละหยด ทีละหยด เชื่อมั่นว่าความธรรมดาของน้ำที่ใสสะอาด มีคุณค่าในตัวเอง ยิ่งธรรมดาเรียบง่าย ยิ่งพิเศษน่าค้นหา เสียงจังหวะเต้นของหัวใจถี่ขึ้น ราวกับการรอคอยฝนหน้าแล้ง ค่อยซึมค่อยซับ ค่อยยอมรับการเติมเต็มทีละเล็กละน้อย ความอยากนี้ก็ดี ทำให้หัวใจมีพลังขับเคลื่อน ความยึดนี้ก็ดี ทำให้จิตตั้งมั่น ความเพียรนี้ก็ดี ทำให้ฝาฟันอุปสรรคปัญหาได้ ความคิดนี้ก็ดี ทำให้มีการสร้างสรรค์ ความกังวลนี้ก็ดี ทำให้มีความละเอียดรอบคอบ ความสงสัยนี้ก็ดี ทำให้เราแสวงหาคำตอบ ความทุกข์นี้ก็ดี ทำให้เราเข้าใจสัจธรรมได้เร็ว ความสุขนี้ก็ดี ทำให้เรามีกำลังใจ ทั้งปวงนี้ควรมีอยู่ เป็นอยู่ วางอยู่ อย่างพอดีพอควร และทั้งหมดนี้ก็ไม่ควรมีอยู่ เป็นอยู่ วางอยู่ตลอดไป แม้มันจะคงอยู่อย่างพอดีสักเพียงใดก็ตาม รับรู้ ดูเห็น ถือ-วาง จับ-ปล่อย ให้เป็นธรรมดา… Continue reading รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๒)
เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง ประตูบานอื่นจะเปิดออก | เขียนภาวนา บันทึกผู้เรียน
เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง ประตูบานอื่นจะเปิดออก | เขียนภาวนา บันทึกผู้เรียน จากบันทึก เขียนภาวนา หัวข้อ “พลัดพรากและไม่ยั่งยืน” โดยคุณคณัส (ตุ้ม) ผู้เรียนหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๑๘ อ่านโดยครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org : : : ดนตรีประกอบ “Melody Of The Night” โดย Jin Shin
รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๑)
รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๑๘ (ชุดแรก) “ทำให้ได้ใคร่ครวญ และทำให้ได้เรียนรู้ว่าต้องฝนทั่งให้เป็นเข็มให้ได้จริง จากที่ผ่านมาพยายามพาใจกายไปเรียนรู้ แต่ก็ไม่ต่อเนื่องทำให้หยุดแล้วหายไป ในหลายวิธีการ แต่ครั้งนี้วิธีการเรียนรู้จิต “การเขียนภาวนา” ทำให้ได้รู้จัก “จิต” ลึกซึ้งจริงๆ และที่สำคัญได้ทบทวนดูตนอีกครั้ง หลังการเขียน การฝึกเช่นนี้ คล้ายกับการกระเทาะเมล็ดพันธุ์ออกจากเปลือกที่ห่อหุ้มไว้ได้ดีทีเดียวค่ะ” / คุณพรทิพภา (ทิพย์) อาชีพ นักวิชาการอิสระ : : : “เมื่อไขรหัสออกมา รู้สึกประหลาดใจปนดีใจ เมื่อเขียนเสร็จใจโล่งขึ้น ความรู้สึกที่มีต่อส่วนที่ปิดกั้นคือ มันเป็นธรรมชาติของชีวิต ที่เราทำให้มันซับซ้อนมานาน …เริ่มเขียนภาวนา คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา เห็นว่าตัวเอง ทำได้บ้าง ผิดบ้าง แต่ใจก็ถอยห่างความสมบูรณ์ หากแต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยิ่งเขียน ยิ่งผ่อนปรน ยิ่งเห็นความธรรมดา แต่ก็รู้สึกอยากที่จะอยู่อย่างให้มีการภาวนาในวิถีชีวิตจริงๆ การพูดความจริงกับตัวเอง มีความหมาย ดังเช่นการยอมรับความผิด แต่ไม่ใช่อารมณ์ตำหนิ บางทีความดีร้าย ความกลัว ความเจ็บปวด… Continue reading รวมบทเรียน “เขียนภาวนา” ๒๕๖๐ (๑)
ฉันพลัดพรากเพื่อเรียนรู้ | เขียนภาวนา บันทึกผู้เรียน
อ่านบันทึก เขียนภาวนา หัวข้อ “พลัดพรากและไม่ยั่งยืน” จากคุณเมย์ ผ่านหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ ๑๙ โดยครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org : : : ดนตรีประกอบ Album Moonlight Valley โดย Bandari
7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สอง)
7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สอง) บ่อยครั้งที่เราคิดว่า เวลามีไม่พอ หรือ ความสามารถมีไม่พอ แต่สิ่งที่จำกัดเราจริงๆ ก็มิใช่เวลาหรือความสามารถแต่เป็นความคิดเหล่านี้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีเวลามากกว่าเรา ต่อให้เป็นยาจกหรือเศรษฐี และก็ไม่มีใครสามารถมากไปกว่าเรา มีเพียงแต่ผู้ที่ฝึกฝนมากในด้านใดมากกว่าเราเท่านั้น . การที่เราจำกัดตัวเองอยู่ด้วยความคิดและการใช้ชีวิตนั้น ส่งผลให้เราฝันกลางวันถึงความอยากได้ อยากเป็น และกลุ้มกังวลใจ มิว่าฝันกลางวันในความคิดหรือด้วยการอยู่อย่างไร้จุดหมาย เพราะการที่เราจำกัดตัวเองไว้นั้นก็ทำให้ใจเรามีรูรั่ว รู้สึกดีไม่พอหรือมีไม่พอ ด้วยเราไม่อาจนำศักยภาพในตัวเราออกมาใช้ได้เต็มที่และตกร่องเดิมๆ ของตนอย่างเหนื่อยหน่าย . ชีวิตมิเคยกักขังใครไว้เลย มีแต่เราเองที่ขังตนไว้ ใครเล่าจะปลดพันธนาการให้เราได้ หากเราไม่ก้าวออกอย่างเห็นคุณค่าในชีวิต ด้วยตนเอง . ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำให้เราเลิกฝันกลางวัน หรือเลิกใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอยแล้วผลักดันตนเองสู่สิ่งที่ควรค่า โดยต่อเนื่องจากตอนที่ผ่านมาอีก 2 ข้อ หากผู้อ่านคนใดมีความคิดเห็นหรือคำแนะนำอื่นอันเป็นประโยชน์ต่อเรื่องนี้ก็สามารถแลกเปลี่ยนบอกได้ที่ช่องความคิดเห็น . 4 เรามีชีวิตอยู่ได้เพียงวันนี้เท่านั้น : เมื่อปล่อยวันเวลาให้ล่วงเลย ชีวิตก็เลื่อนลอย แล้วความสามารถหรือโอกาสที่มีก็ร่วงโรย สาเหตุหนึ่งคือการไม่ตระหนักเราทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือมีวันนี้เท่านั้น . เพราะเมื่อวานนี้ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว วันพรุ่งก็ยังมาไม่ถึง ทุกคนมีเวลาอันมีค่าแค่เวลาเดียว คือตอนนี้ในวันนี้ .… Continue reading 7 วิธีเลิกฝันกลางวัน แล้วผลักดันชีวิต (ตอนที่สอง)
“มีความอยากเกิดขึ้นมากมายในใจฉัน” | เขียนภาวนา บันทึกผู้เรียน
อ่านบันทึกผู้เรียน การอบรม เขียนภาวนา หลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ ๑๙ จากคุณวันเพ็ญ อ่านและสอนโดย ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ www.dhammaliterary.org : : : ดนตรีประกอบ “Melody Of The Night” โดย Jin Shin
