ฟังเสียงข้างน้อยในใจบ้าง…” ประชาธิปไตยในกายจิต

  ฟังเสียงข้างน้อยในใจบ้าง : . การฟังคือหัวใจสำคัญของการปกครอง รวมทั้งการปกครองหรือดูแลตัวเองก็ย่อมต้องใช้การฟังด้วยเช่นกัน การฟังที่ดี มิใช่การเลือกฟังแต่เพียงบางส่วน แต่คือการรับฟังทั้งหมดอย่างลึกซึ้ง แม้ในส่วนที่เราไม่อยากได้ยินและเสียงกลุ่มเล็กๆ ที่มักถูกละเลย . ในสังคมภายนอกมักมีคนชายขอบที่ถูกละเลยความใส่ใจ ในจิตใจเราเองก็มีคนชายขอบที่มักถูกละเลยการรับฟังจากเราเช่นกัน คนชายขอบเหล่านี้คือตัวตนและตัวแทนของความรู้สึกกับความต้องการพื้นฐานที่ถูกปิดกั้นหรือปล่อยปละ . “จิตสำนึก” คือส่วนของจิตที่รับรู้ เป็นเสมือนเมืองหลวงของประเทศ มี “จิตใต้สำนึก” เป็นดั่งจังหวัดอื่นๆ ที่ไกลออกไปตามลำดับ ประเทศมิใช่จังหวัดเมืองหลวงเพียงหนึ่งเดียว เหมือนกับความเป็นตัวเรานั้นมิใช่แค่บุคลิกภาพเดียว แต่ประกอบด้วยบุคลิกภาพย่อยและตัวตนหลากหลายมากมาย ซึ่งในจำนวนเหล่านี้ก็จะมีบางด้านที่ถูกใส่ใจมาก เรียกว่า “ตัวตนหลัก” ในจิตสำนึก และอีกหลายด้านที่ถูกใส่ใจน้อย เรียกว่า “ตัวตนรอง” ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก . ตัวตนอย่างหลังนี้ก็จะมีอีกบางส่วนซึ่งเราแทบไม่ได้สนใจเลย อยู่ในจังหวัดของจิตที่ไกลออกไปตามชายแดนของความใส่ใจ พวกเขาจะคอยประท้วงและสื่อสารกับเรา เป็นเสียงเล็กๆ ดังในจิตใจเช่นว่า ควรใส่ใจอย่างนี้บ้างนะ หรือทำอย่างนี้บ้างนะ คอยเอ่ยถามบ้างว่า “นี่คือคุณค่าจริงๆ ของชีวิตแล้วหรือ” หรือบอกเตือนล่วงหน้าว่าทำอย่างนี้ต่อไปอาจเป็นอย่างไร แต่เราก็มิได้แลเหลียวหรือให้ค่าเสียงเหล่านั้นเท่าที่ควร . เสียงข้างน้อยในใจเหล่านี้มักจะเป็นความรู้สึก ความต้องการ และศักยภาพในตัวเราที่ถูกละเลย เมื่อส่วนใดของประเทศไม่ได้รับความใส่ใจก็ขาดการพัฒนา หรือเมื่อเราพยายามพัฒนาจากศูนย์กลางหรือเมืองหลวง โดยที่มิได้เข้าใจอัตลักษณ์ของภาคส่วนนั้นๆ ก็จะกลายเป็นการบั่นทอนและปิดกั้นคุณค่าของที่นั่น… Continue reading ฟังเสียงข้างน้อยในใจบ้าง…” ประชาธิปไตยในกายจิต

เดือนที่สอง โครงการเขียนบำบัดผู้ต้องขังปีที่ 4

  กิจกรรมเดือนที่สองของการอบรมการเขียนบำบัด เพื่อผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการที่มีโรคเรื้อรัง ปีที่ 4 เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญาและการเห็นคุณค่าในตัวเอง ในเรือนจำแดนชาย จากการสร้างความรักต่อการเขียนบันทึกและการทบทวนความสุขกับเรื่องราวชีวิตในเดือนแรก สำหรับเดือนที่สองนี้เราได้ชวนพวกเขาสู่การทบทวนตัวเอง ผ่านวาดภาพรูปธรรม-นามธรรม การเขียนบันทึก Self-Reflection และการทำกิจกรรมกลุ่ม แล้วสรุปปิดท้ายด้วยการสรุปบุคลิกภาพสี่แบบ ตามหลักสี่ทิศ ผู้เรียนได้เห็นและยอมรับคามหลากหลายของเพื่อน ได้รู้จักกันมากขึ้น ได้ทบทวนและยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาตัวเองและการเข้าใจในคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตต่อไป กิจกรรมโครงการมีระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน ร่วมกับนักจิตวิทยาและทีมพยาบาลเรือนจำกลางสมุทรปราการ ในการฝึกการเขียนบันทึกและการเขียนบำบัด ด้วยโมเดลการเขียนบำบัดสี่แบบที่โครงการพัฒนาขึ้นจากการศึกษาในปีที่ผ่านมา โดยจะมีการเก็บข้อมูลและประเมินพัฒนาการด้านสุขภาวะทางปัญญาและการเห็นคุณค่าในตัวเองเมื่อจบโครงการ เป็นอีกหนึ่งโครงการการกุศลที่ทางเราจัดทำขึ้นในปีนี้โดยใช้งบประมาณจากการเปิดหลักสูตรอบรมและการจำหน่ายสื่อต่างๆ โดยไม่ได้ขอทุนสนับสนุนจากองค์กรใด ในระหว่างนี้ทางเราก็ได้เปิดหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 56 แบบมีค่าใช้จ่ายตามกำลังทรัพย์ เป็นจำนวน 3 เดือน เพื่อให้พื้นที่เรียนรู้และดูแลจิตใจแก่บุคคลทั่วไปในการเขียนบำบัดพัฒนาชีวิตของตนเอง ด้วยการเรียนรู้แบบออนไลน์ทุกคืนวันพุธ-วันพฤหัสบดี เริ่มคืนวันที่ 14 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ติดตามกิจกรรมต่างๆ ของทางโครงการได้ที่เพจ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ และไลน์แอด @khianpianchiwit   กิจกรรมเปิดรับสมัคร  

“ความอยากมีตัวตนนั้นเอง จึงเป็นศัตรูที่แท้จริงของเรา มิใช่ใครเลย”

  เพราะสิ่งที่เชื่อว่าดี จิตมักนำมาเป็นตัวแทนของตัวตนและคุณค่าของตนเอง เราจึงหวังให้คนอื่นยอมรับในสิ่งที่ดีนั้นๆ มิว่าจะเป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของ หรือนามธรรมใด เพื่อให้เรารู้สึกว่าตนเองได้รับความสำคัญไปด้วย เมื่อถืออะไรเป็นตัวแทนของตนและคุณค่าของเราแล้ว เราก็ย่อมพยายามปกป้องสิ่งนั้น เสมือนปกป้องเลือดเนื้อของตน ใครดูหมิ่นเหยียดหยามหรือทำร้ายเจ้าสิ่งนั้นก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าคุณค่าของเราน้อยลงไปด้วย ดังนั้นการทะเลาะวิวาทกันด้วยอุดมการณ์หรือความเห็นต่างอย่างไรก็มาจากความอยากมีตัวตนของทั้งสองฝ่าย มิว่าเรื่องใดๆ ที่เชื่อว่าดีก็ตาม เมื่อมีคนเห็นต่าง เมื่อมีคนกล่าวโจมตี หรือไม่พอใจสิ่งที่เราเชื่อว่าดี เราจึงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับตัวตนของเราได้รับบาดเจ็บ เราต้องถามตนเองว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้เราทุกข์ใจ สิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาเชื่อ มันทำร้ายกายและใจเราจริงๆ หรือเป็นความคาดหวังและความเชื่อของเราเองที่ทำร้ายตัวเราให้เจ็บปวด ในเมื่อเราก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า เขาไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนเรา ไม่จำเป็นต้องทำหรือคิดเหมือนกันกับเรา ไม่จำเป็นต้องดีเหมือนกัน และไม่สามารถที่จะเป็นเหมือนเราได้ทุกคน เหตุใดเราจึงคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เราโกรธก็คือตัวเราเองที่พยายามรักษาตัวตนไว้ สิ่งที่ผลักดันให้เขาทำ คิด หรือเป็นเช่นนั้นก็คือความอยากมีตัวตนของเขาเอง ดังนั้นความอยากมีตัวตนนั้นเองจึงเป็นศัตรูที่แท้จริงของเรา มิใช่ใครเลย เมื่อเราลืมไปว่าแต่ละคนมีสิทธิที่จะชื่นชอบ ชื่นชม หรือศรัทธา ไม่เหมือนกัน เมื่อลืมไปว่าแต่ละคนมีความแตกต่างกันอยู่เป็นธรรมดา จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า การเหมารวม ดังเช่นคำพูดประมาณว่า ทุกๆ คนต้อง… คนไทยทุกคนกำลัง… คนทั้งเมืองรู้สึก… ทั้งๆ ที่เราก็รู้ดีว่าคำพูดแบบนี้เป็นการขยายความเพื่อเร้าอารมณ์ และมีสิทธิ์ไม่ใช่ความจริงสูง เพราะเราไม่ได้นำความเห็นของทุกคนมาแยกแยะจริง… Continue reading “ความอยากมีตัวตนนั้นเอง จึงเป็นศัตรูที่แท้จริงของเรา มิใช่ใครเลย”

“มั่นคงจากข้างใน” ชุดหลักสูตร ห้องเรียน วิถีครู รุ่นที่ 6 ได้จบลงแล้ว

  มั่นคงจากภายในตนเอง ไม่ยากเลย เพียงเรียนรู้ที่จะกลับมาสังเกตตนเอง ฝึกยึดวางกำปล่อย กลับมาที่ฐายกาย และทดลองออกไปเผชิญกับจุดหวั่นไหวบนรอยต่อของพื้นที่ปลอดภัย กิจกรรมอบรม 2 คืน ในวิชา “มั่นคงจากข้างใน” ชุดหลักสูตร ห้องเรียน วิถีครู รุ่นที่ 6 ได้จบลงแล้ว เมื่อคืนวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เรียนออนไลน์ผ่านทาง Zoom มีผู้เข้าร่วมประมาณ 128+ ท่านในรอบนี้ ยินดีกับทุกท่านที่ได้ฝึกฝนตนเองผ่านการเขียนใคร่ครวญตน (Self-Reflection) และการเขียนปรับกิริยาทางกาย (Kinesthetic Writing) ร่วมแลกเปลี่ยนการบ่มเพาะจากวัยเด็ก ความเชื่อเรื่องความมั่นคงของชีวิต และธรรมะเพื่อพัฒนาความมั่นคงของชีวิตต่อไป รวมข้อความส่วนหนึ่งหลังการอบรม… “ทุกสิ่งล้วนแล้วไม่แน่นอน สิ่งที่แน่นอนคือการสร้างความมั่นคงจากข้างใน” “รู้สึกปลอดโปร่ง ได้เข้าใจตัวเองเพิ่มขึ้น, ได้เกิดมุมมองใหม่จากการเขียน “ขอบคุณที่จัดอบรมคอร์สนี้ เรียนจบทำให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับความมั่นคงเข้าใจมากขึ้น มั่นคงมากขึ้น” “การเขียนแบบต่างๆที่เป็นบทเรียนช่วยให้เราค่อยๆปล่อยวางและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคิดว่าต้องหาเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆเหล่านี้เพื่อให้กลับมาอยู่กับใจตัวเองและเข้าใจตัวเองมากขึ้น” “รู้สึกปล่อยวาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยอมรับมัน” “ได้ทบทวนความต้องการที่แท้จริงในใจ และเห็นกิเลสที่เข้ามาทำให้เขว” “รู้สึกดีกับตัวเอง… Continue reading “มั่นคงจากข้างใน” ชุดหลักสูตร ห้องเรียน วิถีครู รุ่นที่ 6 ได้จบลงแล้ว

ร่างกายเป็นโรค… ฉันเป็นโรค…

  มิใช่ไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือภัยจากธรรมชาติ ที่พึงเห็นว่าเป็นโรค แต่ร่างกายนี้เองที่พึงเห็นเป็นโรค เราไม่ค่อยกล่าวกันว่าไวรัสเป็นโรค เชื้อรา แบคทีเรีย ฯ เป็นโรค ในการพูดสื่อสารทั่วไป แต่เรามักจะพูดกันว่า ฉันเป็นโรค… ร่างกายเป็นโรค… นั่นก็เป็นปริศนาธรรมให้ทายกันในชีวิตประจำวันแล้ว เพราะไวรัสไม่ใช่โรคในทางธรรมะ แต่ร่างกายเรานี้เองที่เป็นโรค และการยึดมั่นในตัวตนฉันนี่เองที่เป็นโรค… . ความไม่มีโรค สำหรับคนทั่วไป คือการมีร่างกายที่แข็งแรงและไม่เจ็บป่วย แต่ในทางธรรมะหรือความเป็นจริงแล้ว ความไม่มีโรค คือการพ้นจากอำนาจของร่างกาย ซึ่งเป็นโรคอย่างแท้จริง เหตุใดพุทธศาสนาจึงกล่าวว่า ร่างกายคือโรค ลองพิจารณาจากคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า . “กายนี้มีรูป (เป็นวัตถุ) เป็นที่ประชุมมหาภูต (ธาตุ) ทั้งสี่ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุกและขนมสด ต้องอบและขัดสีกันเป็นนิจ มีความแตกกระจัดกระจายเป็นธรรมดา ท่านควรพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้ เป็นดังผู้อื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของว่างเปล่า เป็นของมิใช่ตน . “เมื่อท่านพิจารณาเห็นกายนี้ โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์… Continue reading ร่างกายเป็นโรค… ฉันเป็นโรค…

เข้าอบรมฟรี !! ในกิจกรรมหัวข้อ ” มั่ น ค ง จ า ก ข้ า ง ใ น “

  เข้าอบรมฟรี !! ฝึกทักษะที่ต้องมีเพื่อรับมือความไม่แน่นอนและสถานการณ์ที่ท้าทาย ในกิจกรรมหัวข้อ   ” มั่ น ค ง จ า ก ข้ า ง ใ น “   ลดทุกข์จากสิ่งนอกตัว ด้วยการกลับมามั่นคงในตนเอง กิจกรรม “ห้องเรียน วิถีครู” รุ่นที่ 6 – บ่มเพาะครูภายในตน เรียนทักษะสำคัญเพื่อเป็นที่พึ่งแก่ตัวเองและผู้อื่น (เข้าเรียนได้ทุกอาชีพ) คืนวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2567 รวมสองคืน เวลา 19.30 น. – 21.30 น. ออนไลน์ผ่าน Zoom ลงทะเบียนล่วงหน้าทาง Inbox เพจเฟสบุ๊ค “สถาบันธรรมวรรณศิลป์” หรือไลน์โครงการ https://lin.ee/k1LOh5d   🌼… Continue reading เข้าอบรมฟรี !! ในกิจกรรมหัวข้อ ” มั่ น ค ง จ า ก ข้ า ง ใ น “

ตั้งคำถามเพื่อสอนตัวเราและเด็กๆ

  ตั้งคำถาม เพื่อสอนตัวเราและเด็กๆ เนื้อหาต่อยอดจากการอบรม “ห้องเรียน วิถีครู” รุ่นที่ 6   คัมภีร์สอนเด็กที่ดีที่สุดนั้น ก็คือการกลับมาทบทวนประสบการณ์วัยเด็กของตัวเอง เราในวัยเด็กรู้ว่าการตั้งคำถามแบบใดของผู้ใหญ่จึงจะเป็นประโยชน์กับเขา รวมทั้งท่าทีแบบใดและวิธีการใดบ้างที่จะช่วยให้ผู้ใหญ่เกื้อกูลการเรียนรู้ของเด็กได้ ตัวเราในวัยเด็กนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว ผ่านประสบการณ์ทั้งสุขและทุกข์ในห้องเรียนและครอบครัว หากต้องการตั้งคำถามที่ทรงพลังกับเด็ก คุณครูต้องกลับมาถามตนเองก่อน เช่น ประสบการณ์วัยเด็กที่ผ่านมาสอนอะไรฉันบ้างในฐานะครู ? การที่ฉันในวัยเด็กจะเปิดใจกล้าพูดกล้าตอบกับผู้ใหญ่คนใด ต้องอาศัยเหตุปัจจัยใดบ้าง ? อย่าเพียงถามว่า “จะถามคำถามอย่างไรให้เด็กกระตือรือร้นที่จะตอบ” แต่ต้องกลับมาถามตนเองว่า ฉันมีสิ่งที่ดีอะไรที่จะทำให้เด็กสนใจอยากเรียนรู้และพูดคุยกับฉัน ? ฉันจะสร้างพื้นที่ที่ทำให้เด็กรู้สึกวางใจในและมีสมาธิในการทบทวนสิ่งต่างๆ ด้วยกันอย่างไร ? …และควรถามว่า ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันก็อยากให้ผู้ใหญ่ พ่อแม่ และคุณครู ถามอะไรกับฉันบ้าง ? ก่อนที่เราจะถามคำถามยากๆ หรือซับซ้อนให้กับเด็ก เราควรเริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ที่จริงใจและทำให้เขารู้สึกวางใจว่า ครูรับฟังทุกคำตอบของเขา ไม่ใช่เฉพาะคำตอบที่ถูกต้องตามใจครูเท่านั้น เพราะมิเช่นนั้นแล้ว เขาจะไม่กล้าคิดและไม่กล้าตอบ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีหรือไม่ฉลาดพอที่จะตอบได้ ซึ่งบั่นทอนศักยภาพการเรียนรู้ของเขาอย่างมหาศาล การสอนให้เด็กตอบคำถาม ต้องควบคู่ไปด้วยกับการสร้างพื้นที่ในการเรียนรู้ และกระตุ้นให้เด็กเห็นความสำคัญของการตั้งคำถาม หากเราสอนแบบเดิมๆ ที่เน้นให้เด็กได้คำตอบตามตำรา หลักการ และความเห็นของครู… Continue reading ตั้งคำถามเพื่อสอนตัวเราและเด็กๆ

สำเร็จรุ่นที่ 18 แล้ว 🥳 หลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์”

  สำเร็จรุ่นที่ 18 แล้ว 🥳 สำหรับหลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา (จำนวน 5 วัน พร้อมการบ้านระหว่างสัปดาห์) ขอขอบคุณทั้งศิษย์ใหม่และเก่าที่เข้ามาเรียนรู้การใช้ไพ่ทาโรต์ และการสะท้อนทบทวนตนเองกับชีวิตในรุ่นนี้ ไพ่ทาโรต์ไม่เพียงเป็นเครื่องมือของการทำนาย แต่ยังสามารถใช้เป็นประตูสู่การสำรวจตัวเองและการใคร่ครวญ ด้วยหลักการและวิธีฝึกในควบคู่กับการพัฒนาจิตใจ   …สิ่งที่ผู้เรียนได้รับ…   “ได้เรียนรู้เทคนิคการตีความหมายหน้าไพ่, มุมมองการอ่านไพ่ที่หลากหลายจากเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจากตำราที่เรียนมา เป็นการอ่านไพ่ที่นุ่มลึก รับรู้ถึงพลังบวก ฟังแล้วรู้สึกดีต่อใจ, ได้เรียนรู้วิธีการวางไพ่แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นการวางไพ่ที่สะท้อนตัวเองดีมาก อยากพัฒนาตัวเองเยอะๆ เพราะมีบางมุมที่ไม่เคยมีใครบอกให้เรารู้เลย” “การเรียนครั้งนี้ได้เห็นความก้าวหน้าในการรักตัวเอง มีความสุขในใจได้จากตัวเราเอง ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้มาหยุดพักทบทวนความคิด และได้พลังใจในการก้าวต่อไปค่ะ” “ทำให้รู้จักตัวเองจากไพ่ทาโรต์ ได้รับความรู้จากการดูไพ่ เข้าใจสัญลักษณ์ไพ่ แต่ละใบว่ามีความหมายว่าอะไร โดยการเปิดไพ่ สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงทำให้มีทัศนคติที่ดีขึ้น” “ดีใจที่ได้รับโอกาสการเข้ามาเรียนในฐานะศิษย์เก่า หลังจากที่เรียนผ่านไปหลายปี ได้กลับรีเฟรช… Continue reading สำเร็จรุ่นที่ 18 แล้ว 🥳 หลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์”

เปลี่ยนคำถาม เปลี่ยนชีวิต

  “เปลี่ยนคำถาม เปลี่ยนชีวิต” เนื้อหาต่อยอดจากการอบรม “ห้องเรียน วิถีครู” รุ่นที่ 6   การตั้งคำถามต่อตนเองเป็นการกำหนดวิธีคิดและการตัดสินใจ ซึ่งจะส่งผลไปยังท่าทีที่มีต่อสถานการณ์ในชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม จิตใจนั้นมีการตั้งคำถามอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อกำลังเผชิญกับจุดหวั่นไหว – ขอบรอยต่อระหว่างพื้นที่ปลอดภัยและพื้นที่เสี่ยง รวมถึงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตในช่วงวัยต่างๆ คำถามที่ดีมักทำให้เกิดการสะกิดใจให้ฉุกคิดและตัดสินใจอย่างเหมาะสม ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การต่อยอด และการเติบโตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะคำถามเป็นเครื่องมือของธรรมชาติที่มอบให้มนุษย์ไว้ใช้รับมือกับความเปลี่ยนแปลง เป็นเครื่องมือในการแสวงความรู้และสร้างมิตรแท้ที่เติบโตไปด้วยกัน มิว่าเขาจะอยู่ในฐานะนักเรียน เพื่อน หรือกระทั่งตัวเราเองก็ตาม ขณะเดียวกันคำถามที่ไม่ดีมักเป็นการตอกย้ำและกักขังเราไว้ในวิธีคิดและวิธีการแก้ปัญหาที่วกวนไม่สิ้นสุด โดยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ความสุข และการบรรลุจุดหมายเท่าที่ควร การถามอย่างตอกย้ำเช่นว่า “ทำไมจึงเป็นแบบนี้” “ทำไมจึงเป็นแบบนั้น” ซึ่งทำให้เรากล่าวโทษสิ่งต่างๆ มิว่าตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ทำให้เห็นหนทางในการก้าวออกจากความมืดมนตรงหน้านั้นเลย มันเป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์เพราะแค่ทำให้เราโกรธ เศร้าหมอง และอยากเอาชนะ แต่ไม่เกิดปัญญา การโฟกัสไปที่ปัญหาและถามซ้ำๆ ไม่สิ้นสุด เช่น “ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขเรื่องนี้ได้” “ทำอย่างไรจึงจะทำได้สำเร็จ” อาจไม่ใช่คำถามที่เหมาะสม หากเมื่อถามแล้วคำตอบก็ยังเวียนวนในแบบเดิม และไม่ช่วยให้เกิดมุมมองที่นำไปสู่การพัฒนาให้ดีขึ้น การตั้งคำถามโดยโฟกัสไปยังปัญหามากเกินไปก็เปรียบเหมือนการอยู่ในบ้านที่ไฟกำลังลุกไหม้ แต่มัวจ้องไปยังกองเพลิง แทนที่จะมองหาทางออก ลองกลับมาตั้งคำถามใหม่ว่า ตอนนี้ยังมีโอกาสอย่างไร ? ประสบการณ์นี้สอนอะไรกับฉันบ้าง ?… Continue reading เปลี่ยนคำถาม เปลี่ยนชีวิต

เริ่มเดือนแรก โครงการเขียนบำบัดผู้ต้องขังปีที่ 4

  การเขียนมิใช่เพียงเครื่องมือในการสื่อสาร แต่ยังเป็นเครื่องมือในการฝึกสมาธิ ดูแลจิตใจ และสร้างพลังในการเปลี่ยนแปลงตนเอง เรากลับมาสอนผู้ต้องขังในเรือนจำอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่สี่ของโครงการอบรมเขียนบำบัดผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการที่มีโรคเรื้อรัง ร่วมกับนักจิตวิทยาและทีมพยาบาล โดยเริ่มเมื่อเดือนมิถุนายนรวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน (เลื่อนกำหนดการไปหนึ่งเดือนตามสะดวกของทางเรือนจำ) ในการฝึกการเขียนบันทึก และการเขียนบำบัด ด้วยโมเดลการเขียนบำบัดสี่แบบที่โครงการพัฒนาขึ้นจากการศึกษาในปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้เราตั้งใจให้เขาได้เห็นคุณค่าในตนเอง ทบทวนชีวิต พัฒนาสมาธิและคุณธรรมในจิตใจ มีสุขภาวะทางปัญญาด้วยมือและการฝึกฝนของเขาเอง เพื่อร่วมสร้างพลังและกระบวนการพัฒนาบุคคลที่ต้องขังในเรือนจำแห่งนี้ ให้เป็นดั่งรังไหมที่มอบโอกาสในการตื่นรู้และการเริ่มต้นใหม่แก่ผู้ที่เคยกระทำความผิด ทั้งเนื่องมาจากการขาดสุขภาวะทางจิตและปัญญา รวมทั้งการขาดทางเลือกที่เหมาะสมเมื่อถูกบีบคั้นด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต เราทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ คือความสามารถในการตื่นรู้อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของตนเอง เพียงเราต้องมีพื้นที่ที่สำรวจลงไปผ่านชั้นของอารมณ์และความคิดต่างๆ จนกระทั่งได้เห็นคุณค่าอันแท้จริงที่ซ่อนอยู่ในตนเอง ในกระบวนการอบรมนี้ เราเก็บข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจสุขภาพจิตใจและสุขภาวะทางปัญญาและเปลี่ยนแปลงก่อน-หลังของพวกเขา โดยได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าในกลุ่มผู้ต้องขังที่ร่วมเรียนในชุดนี้ขาดการเห็นคุณค่าในตนเอง การเข้าใจผู้อื่น มีความรู้สึกว่าชีวิตล้มเหลว และขาดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญและความเชื่อมโยงของตนเองต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่เราจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงเมื่อพวกเขาได้เขียนบันทึกเพื่อฝึกสมาธิและการทบทวนตนเองอย่างต่อเนื่องในสี่เดือนนี้ ขอบคุณกำลังใจจากผู้สนับสนุนกิจกรรมและสื่อของสถาบัน ลูกศิษย์ของครูโอเล่ทุกท่าน ตลอดจนถึงผู้ติดตามในช่องทางออนไลน์ของเรา ท่านสามารถติดตามกิจกรรมฝึกสมาธิ การเขียนบำบัด และการพัฒนาจิตใจด้วยเครื่องมือต่างๆ ทางเพจและไลน์ของโครงการ โดยจะมีกิจกรรมเข้าฟรีและหลักสูตรต่างๆ ของโครงการ   กิจกรรมเปิดรับสมัคร กิจกรรมการอบรมที่เปิดรับสมัคร