คุณค่าแท้การให้ “อภัย” การให้อภัยไม่ใช่การให้คนอื่น แต่เป็นการให้แก่ตัวเอง : การให้อภัยนั้นเรามักเข้าใจว่าเป็นการให้กับผู้อื่นที่ทำร้ายหรือกระทำสิ่งผิดต่อเราและสิ่งที่เราเกี่ยวข้อง ทว่าจริงๆ แล้วนั้นการให้อภัยเป็นการย้อนกลับมาให้ตัวเอง มอบทานที่ล้ำค่าให้แก่จิตใจนี้ . เมื่อใครอื่นทำให้เราเป็นทุกข์ เราย่อมเสียใจและเจ็บปวด อยากให้เขาชดใช้ หวังให้เขาสาสมแก่สิ่งที่กระทำ เมื่อนั้นแล้วเรากำลังทับถมตนเองด้วยความโกรธ ความเกลียด และกิเลสทั้งหลาย เราคิดจงเกลียดจงชังเช่นนั้น เรารู้สึกพยาบาทเช่นนี้ เพื่อปกป้องหัวใจตัวเองจากความเจ็บปวด แต่เราเองกำลังทำร้ายตนด้วยสิ่งลบร้ายในหัวใจ ซึ่งมีอยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน . การให้อภัยแท้จริงแล้วคือการให้ตัวเองเป็นอิสระ จากความโกรธแค้น ความผูกใจเจ็บ และความเจ็บปวดที่เราทับถมตนเอง . เพราะแม้อีกฝ่ายจะได้รับผลสาสมดั่งใจเราอยากให้เป็น ความเจ็บปวดที่มีก็ใช่ว่าจะหายไปจากหัวใจ . เพราะหัวใจเรานี้จะเปรียบก็เหมือนภาชนะ ทุกสิ่งที่เราคิด พูด และทำโดยขาดสติ ย่อมเหมือนเก็บดองนองเนื่องไว้ภายในหัวใจเรานั้น . ความเจ็บปวดอันเกิดจากบุคคลอื่นกระทำต่อเรา มิได้เป็นนรกอันเลวร้าย มากไปกว่าการขังหัวใจตัวเองไว้ในความชิงชังและความเศร้าโศก . เราอาจรู้สึกว่าการบอกให้อภัยนั้นมันง่าย แต่ใจที่จะให้อภัยมันยาก ความรู้สึกที่อีกฝ่ายกระทำต่อเรามิได้หายไปง่ายดาย นั่นเพราะการให้อภัยมิใช่คำพูด แต่เป็นการทำที่หัวใจเรา ทำใจของเรา . การให้อภัยคือการปลดปล่อยใจจากความคิด ความรู้สึก และการกระทำของความโกรธเกลียดและเศร้าหมอง เพื่อให้หัวใจเราไม่ทิ่มแทงหัวใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า… Continue reading คุณค่าแท้การให้อภัย
Author: admin
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักอย่างไม่สมปรารถนา
ความรักไม่อาจเป็นของฉัน ฉันไม่อาจเป็นคนรักของเธอได้ รักนั้นมิอาจเป็นดั่งใจ เพราะรักยิ่งใหญ่กว่าตัวตน . เมื่อฉันถือว่าความรักเป็นของฉัน ดั่งดอกไม้ถูกเด็ดขึ้นมาจากต้นน้อย ฉันจะชื่นชมความงดงามได้นานเพียงใด ก่อนเหี่ยวเฉาเศร้าใจ เมื่อฉันถือว่าคนรักเป็นตัวฉัน หัวใจก็กลายเป็นกรงขัง เธอจะเห็นคุณค่าในตัวเองแท้จริงได้อย่างไร เมื่อฉันถือความรักต้องเป็นเช่นใจปรารถนา ฉันจะไม่รู้เลยว่า มีเธออยู่ในดอกไม้และดวงดาราอย่างไร . เมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักอย่างไม่สมปรารถนา เราจึงจะรักกันได้นานแสนนาน ปล่อยดอกไม้ให้อยู่กับต้น ปล่อยรักให้เป็นความรัก แล้วเราจะเห็นความรักอยู่ตรงนั้นเสมอ ในเวลานี้ ณ ตอนนี้ ฉันเห็นเธอในแสงแดดนั้น และเราในต้นไม้ต้นน้อยๆ . . มองให้ดี ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น… นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน . . อนุรักษ์ ครูโอเล่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” www.dhammaliterary.org
บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (5)
” เมื่อเริ่มคิดจะฝึกด้วย”การเขียนภาวนา” ก็ได้แต่มีความสงสัยในเบื้องต้นกับวิธีการไม่ให้คิดแล้วจะเขียนเป็นคำตอบได้อย่างไร? จะเขียนมันต้องคิดก่อนหรือเปล่า? แต่แล้ว..คำตอบก็มาให้รับรู้ได้ด้วยตัวเองในขณะที่ลงมือทำตามขั้นตอนที่บทเรียนให้มา รู้สึกเหมือนการได้ทำสมาธิที่มีการกำกับด้วยสติและการตื่นรู้จากการเขียนที่มีหัวข้อความคิดโฟกัสให้แคบลงกำกับความคิดไว้ด้วย การเขียนภาวนาให้ความรู้สึกของการได้นิ่งสงบในบางขณะได้โดยไม่ต้องคิดล่วงหน้า ไม่ต้องเตรียมการณ์ รู้ว่าต้องทำเพียงหายใจเข้าให้อยู่กับความรู้สึกนั้น หายใจออกก็ให้เขียน เพิ่งรู้ว่า..การเขียนโดยไม่คิดทำได้ไม่ยากอย่างที่กลัวล่วงหน้าไว้ก่อน อาจไม่ลื่นไหลและติดขัดในตอนเริ่มต้น แต่เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รู้สึกดีและสนุกการได้ทำแบบฝึกหัดมาก รู้สึกได้ถึงความรู้สึกและใจที่นิ่งขึ้น และรับรู้ได้ถึงความอยากทั้งหลายทั้งปวงในสิ่งที่คิดและทำได้อย่างชัดเจนมาก ไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตที่พยายามและตั้งใจทำให้ดีที่สุดมากเกินไป นอกจากส่งผลไม่ดีต่อใจและความคิดแล้วยังส่งผลต่อกายได้ด้วย . ” ความอยาก คือตัวการสร้างความกดดันให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัวมานานมาก เริ่มรู้สึกได้ถึงการปล่อยวางในสิ่งที่ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่รู้สึกผิดและคิดโทษตัวเองเหมือนที่เคยเป็น สามารถบอกกับตัวเองได้ว่า..เมื่อเราทำดีที่สุด ณ เวลานั้นแล้ว ก็ควรปล่อย ละและวางให้เป็น รู้สึกได้อีกว่าความคิดในการเลือกที่จะโฟกัสและเรียงลำดับความสำคัญกับสิ่งที่ต้องทำในชีวิตประจำวันชัดเจนขึ้นกว่าเดิมมาก เหมือนจะมีสติกับการรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิม เข้าใจที่มาของปัญหาและแก้ปัญหาที่เจอได้ในเวลาไม่นาน ไม่จ่อมจมกับอารมณ์นั้นจนทำให้เกิดปัญหาในใจยาวนานเหมือนที่เคยเป็น มีความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกภายในในการรับมือกับสิ่งที่มากระทบใจและความรู้สึกชัดเจนจนสามารถถาม-ตอบกับตัวเองให้มีบทสรุปได้ . ” การอบรมนี้ทำให้ ได้ฝึกการรู้จักที่จะหยุดความอยาก ความพอได้มากขึ้นกว่าเดิม ได้รับรู้ถึงความพยายามที่ทำให้เกิดความกดดันภายในตนได้อย่างชัดเจนมาก ได้ทบทวนตัวเองในหลายเรื่องราว รู้จักที่จะละ วางและปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เป็นได้บ้าง อาจยังไม่สมบูรณ์นักแต่รู้สึกได้ถึงการมีแนวทางในการที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขตามที่เป็นได้มากกว่าเดิมมากๆ สามารถที่จะสร้างความสงบในใจด้วยการอยู่นิ่งๆได้ ไม่ทุรนทุรายและต้องมีอะไรทำตลอดเวลาเพื่อให้รู้สึกว่า“ดี”เหมือนที่เคย สบายตัว สบายกาย สบายในการคิดและตัดสินใจขึ้นอย่างมากมาย . ” รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงได้จากความรู้สึกภายในอย่างชัดเจน มีความสงบในใจมากขึ้น… Continue reading บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (5)
บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (4)
” การได้รู้จักวิธีภาวนาแบบใหม่ผ่านการใช้ลมหายใจกำกับการเขียนนั้น ไม่เพียงเปิดโลกทัศน์แห่งการภาวนาผ่านการเขียน ยังทำให้จิตได้ตระหนักรู้ถึงการมีมีสติอยู่กับลมหายใจและการทำกิจวัตรประจำวันมากขึ้นตามไปด้วย ประกอบคำคำแนะนำของครูโอเล่ที่มีความเข้าใจในสภาวะจิตและการภาวนาอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้ผู้เรียนได้ทั้งรับทั้งแง่คิดในการพัฒนาจิตและการฝึกภาวนาได้อย่างตรงจริตและตรงประเด็น ได้ผลลัพธ์เป็นความสุขสงบอิ่มเอมใจ รวมถึงการเข้าใจ เห็นตัวเองเป็น และวางตัวเองได้ และที่สำคัญสุดคือ เกิดปัญญา เมื่อใจได้วาง และว่างพอ . ” ได้ฝึกการลดอัตตา ลดความสงสัย ในการวางทุกอย่างที่เคยฝึกมา และลองมาฝึกตามวิธีใหม่ที่ครูแนะนำ อย่างเปิดใจ เข้าใจ และยอมรับ และลองดูผลที่ประจักษ์ได้เองแก่ใจตน เพื่อได้ฝึกที่จะเข้ามารู้ ดูใจตัวเองตามความจริงอย่างตรงไปตรงมา ยอมรับ และเข้าใจ เพื่อที่จะได้รู้ว่าแล้วเราจะปรับปรุงแก้ไข หรือเรียนรู้การวางใจได้อย่างไร ผ่านการเขียน ที่ไม่ได้เตรียมอะไรล่วงหน้า แต่ปล่อยให้ความคิดที่ผุดขึ้นมาในจิตภายใต้การกำหนดผ่านหัวข้อกิจกรรม และถ่ายทอดผ่านการเขียนที่มีลมหายใจกำกับอีกที จึงทำให้ตัดความฟุ้ง ปรุงแต่งออก กรองให้เหลือแต่สิ่งที่ใจคิดตามจริง จึงได้เห็นตัวเองตามความเป็นจริงของมันอย่างตรงไปตรงมา . ” ได้เห็นตัวเองมากขึ้น รู้จักยอมรับตัวเองตามความเป็นจริง และกระจ่างชัดขึ้นในการเห็นความเป็นไปในปัจจุบันของตัวเอง และทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายชีวิต และพัฒนากายใจของตัวเองมากขึ้น รู้จักการใช้ชีวิตให้ช้าลงผ่านการใช้ลมหายใจกำกับการเขียน การรู้จักมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะมากขึ้น . ” ก่อนจะคิดว่าเราเป็นใคร กำลังทำอะไร และจะไปทางไหนนั้น การ… Continue reading บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (4)
2 ละ 1 เริ่ม เพื่อปีใหม่ของชีวิต
2 “ละ” 1 “เริ่ม” เพื่อปีใหม่ของชีวิต 1 ละเลิกการสร้างเงื่อนไขไม่ให้ตัวเองทำสิ่งที่ควร : กำแพงที่ขวางกั้นตัวเรามากที่สุดก็คือความเชื่อที่เราสร้างขึ้นให้ตัวเอง ปีใหม่อาจมิได้แตกต่างจากปีเดิมเท่าไรนัก หากเงื่อนไขของหัวใจทั้งหลายยังผูกพันใจเราอยู่เช่นปีเก่า . บ่อยครั้งที่เราอาจย้ำคิดแก่ตัวเองว่า “ถ้า…ฉันก็จะสามารถ…” หรือ “เพราะฉันไม่ได้… ฉันจึงไม่สามารถ…” นี่คือหนึ่งในเงื่อนไขที่เราผูกพันตัวเองไว้ เพราะเมื่อใดที่ใจเราคิดเช่นนี้ จิตและสมองก็จะไม่ได้โฟกัสว่า แท้จริงแล้วเราสามารถทำอะไรได้ แต่มัวใส่ใจว่า “ถ้า…” หรือไม่ . ปีเก่าล่วงเลยไปกี่ปีแล้วที่เราย้ำซ้ำอยู่เหมือนเดิม เพราะสมองและจิตตกร่องเงื่อนไขที่เราป้อนให้ตัวเองแบบนี้ และหวังกับตนเองว่า “ปีหน้า ฉันจะ…” แล้วก็ “จะ” อยู่อย่างนั้น วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า . ปีใหม่ของชีวิตไม่ได้เริ่มต้นเพราะเปลี่ยนปฏิทิน แต่เริ่มต้นที่การก้าวข้ามของหัวใจ หลายครั้งเรารู้ตัวว่าควรทำอะไร แต่ใจลังเลที่จะทำ เพราะ “มันจะดีกว่าถ้า…” หรือ “ฉันมันก็แค่…” สมองและจิตก็เลยจมอยู่กับกำแพงของคำว่า ถ้า และ แค่ ที่เราสร้างขึ้น จนมองไม่เห็นหนทางที่มีอยู่แล้วในตอนนี้… Continue reading 2 ละ 1 เริ่ม เพื่อปีใหม่ของชีวิต
บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (3)
” เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่พบว่า การเขียนง่ายๆ ที่เราใช้ทุกวัน สามารถพาเรารู้จักตัวเองได้ เทคนิคที่ง่าย แต่ทรงพลัง ในการรู้จักความคิด ตัวตน อันจะนำไปสู่การแก้ไข ที่ถูกจุดที่สุด . ” การออกจากสิ่งที่คิดว่าปลอดภัย ด้วยวิธีการง่ายๆ แค่กระดาษกับปากกา การยอมสละเวลา การยอมทำสิ่งที่แตกต่าง จนพบว่า เราเองที่ถือกุญแจดอกสำคัญ ในอันที่จะเข้าใจตัวตนอย่างลึกซึ้ง ด้วยตัวเราเอง เราอาจจะหาทางแก้ปัญหาชีวิตมามาก แต่ล้วนไม่ถูกจุด เพราะคนที่ จะแก้ปัญหาให้เราได้นั้น คือ ตัวเราเองเพียงผู้เดียว . ” การอบรมทำให้ยอมรับตนเอง ทั้งด้านดี และไม่ดี เหนืออื่นใด การยอมรับว่าความคิดเราเอง ก่อปัญหาชีวิตเราเอง หาใช่ภายนอก และความคิด ก็ใช่ว่า ต้องควบคุม แค่รู้ ตามความเป็นจริง ยอมรับมัน นั่นคือ อิสระ แท้จริง อิสระทางความคิด นำไปสู่ทางแก้ปัญหา ที่ต่างจากเดิม คุณ ” .… Continue reading บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (3)
บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (2)
” ความรู้และความประทับใจที่ได้รับในการอบรม อย่างแรกก็คือ เป็นกิจกรรมท่ีเราได้เปิดประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ การที่จะเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นั้น หากมีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนจากครูบาอาจารย์หลายสำนักที่มีวิธีการสอนแตกต่างกันก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจสิ่งนั้นได้ดีขึ้น ค่อยๆปะติดปะต่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆ เหมือนต่อภาพจิกซอว์ ความยากง่ายขึ้นอยู่กับความตั้งใจ จำนวนแผ่น และลวดลายที่เราเลือก การที่จะต่อภาพนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ได้นั้นก็ต้องสังเกต เรียนรู้ ลองผิดลองถูก ลงมือฝึกฝนในรูปแบบต่างๆกว่าจะได้ภาพที่สวยงามตามอย่างต้นแบบ กิจกรรมเขียนภาวนาก็เป็นหนึ่งวิธีการที่ดีและน่าสนใจมากค่ะ . ” อย่างที่สองคือ ชอบที่กิจกรรมในละขั้นมีหัวข้อให้เลือกเยอะ เลือกได้ตามความสนใจ เป็นสิงที่ชอบมากค่ะ เพราะการที่คนเรามีโอกาสได้เลือกที่จะทำหรือเลือกที่จะไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นทุกคนย่อมต้องมีเหตุผลให้กับตัวเองเสมอ การได้เลือกหัวข้อได้ทดลองปฏิบัติจากในสิ่งที่ชอบที่สนใจสำหรับเราถึือว่าตรงใจมากค่ะ ตามสไตล์ของคนที่ไม่ขอบถูกบังคับ ถ้าจะทำอะไรทุกอย่างต้องเริ่มจากความสนใจเป็นหลักค่ะ ^__^ เมือเรียนรู้จากสิ่งที่ชอบแล้ว การที่จะเปิดใจเรียนรู้สิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัดก็น่าจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างมีสองด้านเป็นคู่เทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่าง เพื่อให้เข้าใจ ได้เรียนรู้ความเป็นไป และได้ประโยชน์จากความต่าง ไม่ว่าจะเป็นความสุข- ความทุกข์ ดีใจ-เสีย ดี-ชั่ว เร็ว-ช้า ชอบ-ไม่ชอบ เป็นต้น . ” อย่างสุดท้ายคือ ชอบคำแนะนำต่างๆที่ครูโอเล่ตอบกลับมาค่ะ ประมาณว่าส่งการบ้านไปแต่ละครั้งก็จะรอลุ้นว่า ครูโอล่จะเขียนอะไรกลับมายังไงบ้าง การรู้จักตัวเองผ่านสายตาผ่านความคิดของตัวเอง กับการได้เห็นภาพของตัวเองผ่านสายตาผ่านความคิดของผู้รู้ผู้ที่มีประสบการณ์ย่อมเป็นภาพสะเทือนที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเราเองได้อย่างเป็นกลาง ไม่มีอคิตไม่โอนเอียงคิดเข้าข้างตัวเองค่ะ ที่สำคัญก็คือคำแนะนำต่างๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้รู้ว่า ในการฝึกปฏิบัติแต่ละครั้งนั้นสิ่งใดที่เราทำได้ดีแล้วและสิ่งใดที่เราต้องเพ่ิมเติม ต้องกลับมา… Continue reading บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (2)
บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (1)
” รู้สึกโชคดี ที่ได้เจอครูที่มีหัวใจของความเป็นครู เข้าใจผู้เรียนว่ามีความรู้สึกอย่างไร แล้วประคับประคองให้วิชา เพื่อให้ ผู้เรียนสามารถเริ่มต้นได้ เห็นวิธีการของครูที่แจ้งให้รับรู้เป็นระยะ เหมือนเป็นแผนที่ที่กำหนดจุดว่าถึงไหนแล้ว ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างค่า . ” ในการอบรมได้ฝึกเห็นสภาวะของอารมณ์ที่ เวลาลืมลมหายใจ จะกลับมาที่ลมหายใจ จะเห็นว่า ตัวเองจะเห็นสิ่งของหรือผู้คนจากความรู้สึกและประสบการณ์เก่า ไม่ได้ออกมาเห็นด้วยดวงตาจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะ ทำให้เห็นด้วยตามากขึ้น ทำให้ลดอารมณ์อารมณ์ความคาดหวัง มองปกติได้ จากการอบรมเห็นว่า การเขียน และมาสำรวจอีกครั้ง รู้สึกดีมาก มันช่วยเรียบเรียงความคิดให้เห็นว่าเราเห็นอะไรบ้าง ” . คุณปินญา (อ่าย) อาชีพ พนักงาน . . ” รู้สึก อบอุ่น ปลอดภัย ในการสื่อสารเล่าเรื่องราวออกมาให้กับครูให้กับเพื่อนๆ การอบรมกึ่งออนไลน์แบบนี้ ทำให้รู้สึกไม่ห่างเหินและไม่บีบคั้นจนเกินไป ครูสามารถถ่ายทอดได้ดี ทำให้เข้าใจ ได้รู้จักได้เห็นความเป็นจริงในตัวเองมากขึ้นค่ะ รวมๆแล้วสำหรับการจัดการ รวมถึงผู้ประสานงาน มีความน่าเชื่อถือ อันที่จริงไม่เคยอบรมกับที่อื่นแต่ก็พึงพอใจกับการอบรมของสถาบันฯมากค่ะ . ” ได้ฝึกเขียนเฉพาะตอนลมหายใจออก ซื่อสัตย์ต่อตัวเองไม่เบ่งลมหายใจเพื่อให้เขียนจนจบคำ ไม่ยึดติดกับคำหรือประโยค… Continue reading บทเรียนและความประทับใจ เขียนภาวนา 2560 (1)
รวมบทเรียน “เขียนข้ามขอบ” ในหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 22
บทเรียนและความประทับใจจากการอบรม หัวข้อ “เขียนข้ามขอบ” ในหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต กึ่งออนไลน์ รุ่นที่ ๒๒ การเขียนบันทึกสร้างสรรค์เพื่อพาชีวิตก้าวข้ามขอบและความกลัวในหัวใจ อ่านรายละเอียดของหลักสูตรการอบรมได้ที่ www.dhammaliterary.org
อย่าถือความผิดพลาดเป็นตัวตนฉัน
อย่าถือความผิดพลาดเป็นตัวตนฉัน อย่าถือความพลาดพลั้งเป็นของฉัน อย่าถือความล้มเหลวเป็นความล้มเหลว . แต่ก็อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบที่ฉันจะแก้ไขและเรียนรู้ . เมื่อถือความผิดพลาดเป็นตัวตนฉัน เมื่อนั้นฉันจึงซึมเศร้าและแตกสลาย เมื่อถือความพลาดพลั้งเป็นของฉัน เมื่อนั้นฉันจะกอดกุมความทุกข์ไว้ และเฝ้าตอกย้ำตนเอง เมื่อถือความล้มเหลวเป็นความล้มเหลว เมื่อนั้นฉันจะเฝ้ากล่าวโทษ จ่อมจมในมุมมองเดิม และปฏิเสธที่จะใช้โอกาสนี้บ่มเพาะการเติบโตของหัวใจ . เพียงมองให้เห็นเป็นเหตุการณ์ กับเส้นสายแห่งเหตุและผล ไม่ใช่ความเป็นตัวตนที่เที่ยงแท้ ให้ยึดถือ มีแต่หน้าที่ คือธรรมะ ณ จุดที่เราอยู่ เราสามารถทำอะไร ในเวลานั้น ไม่ใช่อยากทำอะไร . . มองให้ดี ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น… นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน . . อนุรักษ์ ครูโอเล่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ติดตามบทความ และ การอบรมหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต www.dhammaliterary.org