สำเร็จรุ่นที่ 19 แล้ว 🥳 หลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์”

  “รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เรียนหลักสูตรนี้ และดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ สิ่งที่ได้รับจากการเรียนหลักสูตรนี้ทำให้ตัวเองได้เห็นถึงความเป็นตัวเอง ทั้งข้อที่เป็นจุดแข็ง/จุดอ่อน ทั้งข้อดี/ข้อเสีย ซึ่งบางเรื่องก็ไม่รู้ตัว บางเรื่องรู้แต่ก็ไม่ยอมรับ หรือไม่มีความกล้าพอที่จะยอมรับ “ขอบพระคุณไพ่ทาโรต์และตำราดีๆ ที่ให้ความรู้และเป็นสื่อกลางในการสื่อสารบอกเล่าเรื่องราวสถานการณ์ชีวิตทั้งด้านบวก และลบ ตลอดจนคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ขอบคุณเพื่อนๆ กัลยาณมิตรที่ได้มาพบกัน ทั้งหมดล้วนเป็นของขวัญในชีวิตที่มีค่าอีกชิ้นหนึ่งค่ะ” “ดีใจที่ได้เข้าคอร์สนี้ ได้ใช้ไพ่เป็นเครื่องสะท้อนตัวเองในหลากหลายมุม เห็นตัวตนชัดเจนขึ้นโดยที่ไม่ตำหนิตนเอง มองสิ่งที่เป็นจุดแข็งจุดด้อยในตัวเองได้อย่างเป็นกลาง รู้สึกมั่นใจในการนำไพ่ไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้งกับตนเองและคนรอบข้าง การดีไซน์กิจกรรมของครูโอเล่ร้อยเรียงได้ดีมาก ช่วยให้ค่อยๆคลี่เปิดความเป็นตัวตนออก การทำกิจกรรมออนไลน์ไม่ติดขัดใดๆ ครูโอเล่เตรียมเนื้อหาและตัวช่วยมาอย่างดี” “ได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ได้เห็นกิเลสตัวเองบางอย่างที่เราไม่ได้คิดว่าเรามี แต่ไพ่เปิดขึ้นมา ทำให้เราได้ใคร่ครวญลึกลงไปอีกว่าเรามีจริงหรือเปล่า ก็มีอยู่จริงแต่เราไม่ได้แสดงออกมาเพราะว่าไม่ได้คิดว่าเป็นตัวเอง แต่จะแสดงออกมาโดยความไม่ชอบผ่านการเห็นกิเลสตัวนี้ผ่านผู้อื่น นั่นคือสิ่งที่เรามีอยู่ด้วยเราจึงเห็นค่ะ เหมือนได้เรียนธรรมะควบคู่กับเรียนไพ่” / เสียงตอบรับจากผู้เรียน รุ่นที่ 19   🦋 การอบรม “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” เป็นหลักสูตรการเรียนรู้การใช้ไพ่ทาโรต์เพื่อรู้จักตนเอง ทบทวนชีวิต และเป็นที่ปรึกษาโดยใช้ไพ่เป็นเครื่องมือ ควบคู่กับการฝึกฝนจิตใจและหลักธรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นหลักสูตรที่เราจัดเพียงปีละไม่เกิน 2 รอบ และกิจกรรมแสวงรายได้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการกุศลของโครงการและคอร์สราคาย่อมเยา แม้ไพ่ทาโรต์จะเกี่ยวกับการทำนายและดูเหมือนเป็นเรื่องพิเศษ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถใช้เป็นสะพานเพื่อทบทวนตัวตน สังเกตความคิดและจิตใจตนเอง เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ชีวิต… Continue reading สำเร็จรุ่นที่ 19 แล้ว 🥳 หลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์”

วิถีการคิดที่ผิดเพี้ยน

  วิถีการคิดที่ผิดเพี้ยน   วิธีคิดของคนมีหลายเหตุปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน อาจมี “อวิชชา” คือความโง่หรือไม่ซื่อตรงต่อความจริง เข้ามาผสมเจือปนได้ตลอด อาจมีโลภะ โทสะ โมหะ หรือ “โลภ โกรธ หลง” ทำให้การคิดผิดเพี้ยนไปจากเหตุอันควร การคิดทั่วไปมักเกิดจากการปรุงแต่งจากสิ่งที่รับรู้ผ่านอายตนะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อรับรู้อย่างขาดสติ เป็นไปด้วยอวิชชาคือความไม่รู้จริงในธรรมชาติ สิ่งใดมากระทบก็มัวเมารู้สึกรู้สา เกิดเป็น “ตัณหา” คือความอยาก และนำไปสู่ “อุปาทาน” คือการยึดติด วิธีคิดที่ผิดเพี้ยนก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว เพราะการคิดใดๆ ของเราต่อจากนั้นก็จะเป็นการคิดที่รับใช้อวิชชา รับใช้ตัณหา รับใช้อุปาทาน แต่ไม่ได้รับใช้ความจริง ไม่ได้รับใช้ความถูกต้อง วิถีทางแห่งการคิดที่ผิดเพี้ยนไปนี้ก็คือการมี “อคติ” นั่นเอง แต่คำว่า อคติ นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องความคิดความเห็นอย่างภาษาปากที่คนไทยใช้ แต่ในทางพุทธศาสนานั้น หมายรวมในความประพฤติ ทัศนคติ และการคิดอีกด้วย หากแปลตรงตัว คำว่า อคติ หมายถึง ผิดที่ผิดทาง หรือความเป็นไปอันไม่สมควร แปลแบบไทยก็ใช้คำว่า… Continue reading วิถีการคิดที่ผิดเพี้ยน

ข้อความของผู้ต้องขังเรือนจำ ในหัวข้อ “สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้”

  ทุกสิ่งสอน “ธรรมะ” ให้แก่เรา แม้พวกเขาจะอยู่ในที่ต่ำหรืออบาย หรืออยู่ในเรือนจำก็ตาม ข้อความของผู้ต้องขังเรือนจำ ในหัวข้อ “สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้” อาจให้ข้อคิดบางอย่างไม่มากก็น้อย อาจทำให้ใครสักคนมีสติก่อนที่จะปล่อยให้ความโลภ โกรธ หลง ชักนำไปในทางที่ไม่สมคุณค่าที่ยังมีลมหายใจในวันนี้ บันทึกในกิจกรรมโครงการ พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567 (ครั้งที่ 4 ของโครงการ) . “ชีวิตเราเกิดมาแสนสั้นนัก จงรู้จักทำความดีเร่งขวนขวาย อีกไม่ช้าไม่นานเราก็ตาย สูญสลายเป็นธุลีและผงดิน จงกลัวบาป ละอายต่อบาปก่อน และหลังจากนั้นเราจะเริ่มทำความดี ความดีจะติดตามเราไปทุกภพชาติ ความดีจะขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เช่นกันกับการใช้ชีวิตให้มีความสุข เราจำเป็นต้องมีศีล มีคุณธรรม คนที่มีศีลธรรมย่อมเป็นผู้ปกติสุข ซึ่งต่างจากผู้ไม่มีศีลธรรม ย่อมมีแต่ความกระวนกระวายใจ มีแต่ความทุกข์ ความเบียดเบียน เช่นนั้นแล้วความสุขที่แท้จริงเกิดอยู่ที่ใจ ใจเราเป็นที่ตั้ง หากใจเป็นปรกติสุข ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งตัวเองและผู้อื่น สุดท้ายนี้ขอมอบข้อความนี้ไว้เพื่อใครที่ได้อ่าน และทำความเข้าใจในบทความที่มีประโยชน์นี้ เพื่อประโยชน์ของพวกเราสาธุชนทั้งหลายผู้ซึ่งเจริญด้วยธรรม” “ผมอยากฝากเอาไว้ว่า คนเราทุกคนเกิดมามีรักโลภโกรธหลงเหมือนกัน แต่ต้องคำนึงเอาไว้ว่าเราไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใครเขา เราควรยึดมั่นในสิ่งที่เราทำลงไป และควรทำสิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้ด้วย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่” “จากประสบการณ์ของผมเองครับ ผมอยากฝากเรื่องของผมเองคับ… Continue reading ข้อความของผู้ต้องขังเรือนจำ ในหัวข้อ “สิ่งที่อยากฝากบอกแก่โลกใบนี้”

“บทกวี ลมหายใจ ปล่อยวาง” ประจำปี 2567

  ค้นพบความสุขและความสงบผ่านถ้อยคำเรียบง่าย กับการเขียนบทกวีที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ   “ บ ท ก วี ล ม ห า ย ใ จ ป ล่ อ ย ว า ง . . . ”   📖 กิจกรรมเขียนบทกวีภาวนาเพื่ออิสรภาพแห่งใจ ไม่จำเป็นต้องเขียนเก่งหรือมีคำคล้องจองเป็นคลัง แค่เขียนเพื่อปล่อยวาง ดำรงอยู่กับลมหายใจ และสัมผัสความงามภายใน ผ่าน “กลอนเปล่า” และบทกวีแบบอื่นๆ ที่ชวนใจสงบและเป็นอิสระ ค่าเรียนตามกำลังทรัพย์ ไม่มีขั้นต่ำ ✅   🧭 เรียนคืนวันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2567 เวลา 19.30 – 21.30 น. รวมสองคืน… Continue reading “บทกวี ลมหายใจ ปล่อยวาง” ประจำปี 2567

สรุปโครงการเขียนบำบัดผู้ต้องขังเรือนจำ ครั้งที่ 4

  โครงการ พัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัดกลุ่มผู้ต้องขังแดนชายในเรือนจำกลางสมุทรปราการ ประจำปี 2567 นับเป็นโครงการพัฒนาสุขภาวะของผู้ต้องขังด้วยการเขียนบำบัดเป็นครั้งที่ 4 ที่โครงการสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ได้จัดร่วมกันกับโรงพยาบาลบางบ่อ และเรือนจำกลางสมุทรปราการ โดยปีนี้ได้จัดการอบรมนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึง เดือน กันยายนเป็นจำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 2 วัน รวมเป็นจำนวน 8 วัน โดยใช้การเขียนบำบัดในรูปแบบ Narrative Writing (การเขียนเล่าเรื่อง), Reflection Writing (การเขียนใคร่ครวญ), Persuasive Writing (การเขียนจูงใจ) และ Article Craft (การเขียนงานสร้างสรรค์) พร้อมกับการส่งเสริมการเขียนบันทึกในชีวิตประจำวัน โดยมีผู้ต้องขังเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 27 คน   จากการเข้าร่วมโครงการการเขียนบำบัดเพื่อพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา เมื่อวิเคราะห์จากข้อความบันทึก งานเขียน และการแลกเปลี่ยนของผู้เข้าร่วมแล้ว พบว่าผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความสามารถในการรู้จักและยอมรับตนเองผ่านการทบทวนชีวิต มองเห็นทั้งข้อดีและข้อผิดพลาดในอดีต รู้จักความต้องการของตนเองมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายชีวิตที่มีคุณค่าและมุ่งเน้นการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม มีการพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ การตัดสินใจเลือกความต้องการที่เหมาะสม การควบคุมอารมณ์ การปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้เข้าร่วมยังแสดงถึงความตระหนักในจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง… Continue reading สรุปโครงการเขียนบำบัดผู้ต้องขังเรือนจำ ครั้งที่ 4

ผลลัพธ์จากการเรียน “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 56

  หลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต รุ่นที่ 56 เรียนการเขียนบำบัดและการเขียนใคร่ครวญตนเพื่อพัฒนาชีวิต จำนวน 24 คืน นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 28 ท่าน 🦋 ขอขอบคุณและยินดีแก่ทุกท่านที่ได้เข้าร่วมการเขียนเพื่อดูแลจิตใจและใคร่ครวญในตัวตนอย่างต่อเนื่องจนเกิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะการเขียนไม่ใช่เพียงการสื่อสารกับคนอื่น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับใจและสืบค้นไปยังก้นบึ้งภายในของตนเอง 🌞 ติดตามกิจกรรมได้ที่ไลน์ @khianpianchiwit และหน้าเว็บไซต์ตารางกิจกรรม   🎖 ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากรุ่นนี้ :   “สิ่งที่ได้รับแต่ละเนื้อหาคือ “ความจริงอันอัศจรรย์” เป็นความจริงที่เรารู้ได้เฉพาะตน เกิดปัญญา แสงสว่างอันอัศจรรย์ในหลายๆเรื่อง ที่เราไม่จำเป็นจะต้องสื่อสารกับใคร แต่มันส่งผลโดยตรงกับจิตใจและมีอิทธิพลในการเปลี่ยนทางน้ำไหลของชีวิต… รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เข้าเรียนและหลังเรียนจบในทุกๆ ครั้ง การสอนของครู สนุก เป็นกันเอง ทำให้การนำบทเรียนต่างๆ เข้าถึงจิตใจ ที่แอบซ่อนความกลัวต่างๆ ไว้ภายในอย่างแยบยล ครูมีการอธิบายอย่างเข้าใจและได้แง่คิดในทุกๆคำพูดที่ออกมา” “ได้รู้จักตัวเองดีขึ้น, ได้ค้นใจตัวเอง, ได้กลับไปเข้าใจ พ่อ แม่… Continue reading ผลลัพธ์จากการเรียน “เขียนเปลี่ยนชีวิต” รุ่นที่ 56

จบการอบรม “เป็นดั่งแสงสว่าง” ประจำปี 2567

  ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรม “เป็นดั่งแสงสว่าง” ทุกท่านเมื่อคืนวันเสาร์-จันทร์ที่ผ่านมาจำนวนประมาณ 109+ ท่าน ที่ได้เข้ามาเรียนรู้สำรวจแสงสว่างภายใน การปล่อยวาง เข้าถึงปัญญา และการเป็นดั่งแสงสว่างแก่ผู้อื่นต่อไป 🌞 ชุดอบรมหลักสูตร “ห้องเรียน วิถีครู” รุ่นที่ 6 ประจำปี 2567 ทั้งสี่หัวข้อเนื้อหาที่เราได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมกิจกรรมฟรี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว 🥰 ขอให้ความเป็นครูที่อยู่ในตนเองของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน ได้เติบโตอย่างมั่นคงเพื่อเป็นที่พึ่งแก่ตนเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง 🌳   สิ่งที่ผู้เรียนได้รับจากกิจกรรมในหัวข้อนี้   * ได้ความสงบภายในใจเป็นอย่างมากเลยครับ * รู้สึกอิ่มเอมมากค่ะ ได้เห็นแสงสว่างในตนเองและคนอื่นค่ะ * ❤️ สุดยอดเยี่ยมในทุกมิติ ❤️ * ขอบคุณครูโอเล่ หมอผึ้ง และเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ รู้สึกว่าได้ทบทวนตัวเองและเห็นภาพสะท้อนในการแชร์กับเพื่อนๆ ทำให้เข้าใจตัวเองได้มากขึ้นค่ะ * เป็นคอร์สระยะสั้น แต่เป็นบทเรียนที่มีประสิทธิภาพมากค่ะ * สั้นกระชับตรงเป้า เกิดความมั่นใจมากขึ้นในการเป็นแสงสว่างให้ตนเองและผู้อื่นตามบทบาทหน้าที่ค่ะ * เข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง เห็นแสงสว่างภายในตนเองมากขึ้น ขอบคุณมากเลยนะคะ * รู้สึกประทับใจ… Continue reading จบการอบรม “เป็นดั่งแสงสว่าง” ประจำปี 2567

หากเราปรารถนาทำตนให้เกิดประโยชน์อย่างใหญ่ การเป็นผู้มักน้อยและรู้สันโดษคือสิ่งที่พึงกระทำ

  มีชินแสหนุ่มผู้มีเมตตามาช่วยดูฮวงจุ้ยบ้านครูโอเล่ & สำนักงานสถาบันให้ฟรีในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อย่างก้าวเข้ามาในรั้วบ้านแล้ว แลเห็นกองลังเอกสารหน้าบ้านและต้นไม้ที่เรียงราย จึงได้เอ่ยถามครูโอเล่ว่า “อ้าว รถครูจอดตรงไหนครับ” ครูชี้ไปยังจักรยานสามล้อที่จอดตรงข้างๆ เขาและก็ยิ้ม “นี่ไงครับ รถผม” ดังภาพ รถประจำตำแหน่งผู้อำนวยการและที่จอดรถ ในภาพนี้เป็นตอนก่อนจะปั่นไปส่งหนังสือ “ดังนั้น จึงเป็นครู” ซึ่งเกือบทุกรอบรถคันนี้เป็นดังผีเสื้อที่พาไปส่งความหวัง _____ “บางคนเข้าใจผิดว่า ผมทำงานเช่นนี้ได้จะต้องมีฐานะร่ำรวย ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย แม้มีรายได้เข้ามาก็ต้องใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมต่างๆ เพราะไม่ต้องการขอทุนจากองค์กรใด เงินเหลือเก็บกับตัวไม่มากเท่าใด “เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ลงจนถึงจุดหนึ่งก็เริ่มไม่มีรายได้พอสำหรับการจ่ายค่าเช่าบ้าน แม้ประคองผ่านมาได้ แต่ผมก็เริ่มกลับมาตั้งคำถามตัวเอง “เราต้องมีสำนักงานหลังใหญ่และจะต้องใหญ่ขึ้น เท่านั้นหรือ ? “คำถามข้อนี้ ทำให้ตระหนักว่าที่ผ่านมา ผมหวังให้โครงการจะต้องใหญ่ขึ้น สำนักงานจะต้องใหญ่ขึ้น ความเป็นอยู่ จนถึงความเป็นครูโอเล่ จะต้องใหญ่ขึ้น ดีขึ้น เติบโตเป็นขั้นบันไดขึ้นไป ถือเป็นครั้งแรกที่ได้สำนึกกับตนเองว่า ผมแอบใฝ่หวังถึงการปีนป่ายสู่ความสำเร็จมากเพียงใด “ผมสังเกตตัวเองว่า แม้ในภาษาที่ใช้ในการเขียนหรือการสื่อสารทางอักษร ผมมักจะติดคำว่า “ขี้น” คำว่า “ดี” และ “ดีขึ้น” ซึ่งสำนวนภาษากับคำที่ใช้บ่อยเช่นนี้ มักสะท้อนความเชื่อกับสิ่งที่คนเขียนใส่ใจ “ความคาดหวังของผมถึงการดีขึ้น โตขึ้น… Continue reading หากเราปรารถนาทำตนให้เกิดประโยชน์อย่างใหญ่ การเป็นผู้มักน้อยและรู้สันโดษคือสิ่งที่พึงกระทำ

สิ่งที่ได้รับจากหลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17 – 18

  🦋 สิ่งที่ได้รับจากหลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17 – 18 ที่ผ่านมา   “การเรียนครั้งนี้ได้เห็นความก้าวหน้าในการรักตัวเอง มีความสุขในใจได้จากตัวเราเอง ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้มาหยุดพักทบทวนความคิด และได้พลังใจในการก้าวต่อไปค่ะ” “การเรียนครั้งทำให้ลึกลงไปในจิตใต้สำนึกที่เป็นต้นต่อต้นเหตุแห่งผลที่เรามองไม่เห็นในตัวเอง ในปัจจุบัน ทำให้เห็นถึงการเชื่อมโยง อดีต ปัจจุบัน อนาคตที่จะเกิดกับตัวเราที่สำคัญเราสามารถให้คำแนะตัวเองได้ และเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองได้ เหมือนเราสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของตัวเองโดยผ่านไพ่ ทำให้เราเห็นตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น” “เข้าเรียนแล้วสนุก มีกิจกรรมให้ทำตลอดเวลา ได้ทดลองอ่านไพ่จริงและแชร์สะท้อนตัวตนทุกคาบเรียน และการได้แชร์กับเพื่อนที่เรียนทำให้เปิดมุมมองในการตีความหมายไพ่มากขึ้น ได้รู้จักไพ่ทาโร่ต์แต่ละใบละเอียดมากขึ้น ทั้งที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลย ได้ทราบวิธีการออกแบบการจัดเรียงไพ่เพื่อตอบคำถามสะท้อนตนเองให้ละเอียดชัดเจนขึ้น และได้ทราบว่าไพ่ทาโร่ต์เป็นมากกว่ากว่าคำพยากรณ์เพราะใช้ในการตอบคำถามใดก็ได้ที่อยากค้นหาคำตอบ” “เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเราเองก็ยังมีจุดบอด จุดที่มองไม่เห็น ตัวตนรอง ที่เรามองข้าม หรือกดทับเอาไว้ เลือกที่ปฏิเสธ หรือไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง ว่าเราเป็นคนยังไง เราควรจะต้องพัตนา ปรับปรุงตนเองอย่างไร ถ้าหากอยากจะมีความสุขในการใช้ชีวิต เราต้องทำให้ตนเองมีความสุขให้ได้ก่อน เริ่มจากมองเห็นคุณค่าสิ่งดีๆ สิ่งรอบตัวเราที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อดีต ปัจจุบัน” “เราได้เห็นตัวตนของตนเองได้ชัดเจนขึ้น ทั้งตัวตนหลักและตัวตนรอง ทำให้มีความมั่นใจในการที่จะเชื่อมโยงตัวเองกับไพ่ได้ดีขึ้น ได้อ่านตัวตนของตนเองผ่านไพ่… Continue reading สิ่งที่ได้รับจากหลักสูตร “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นที่ 17 – 18

จบการอบรม “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่ 8

  ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมหลักสูตร “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่ 8 ทุกท่าน เมื่อคืนวันที่ 12 – 13 และ 19 – 20 ตุลาคม 2567 เรียนออนไลน์ภาคค่ำผ่าน Zoom และขอแสดงความยินดีกับ 24 ท่านที่ได้ผ่านการอบรมในรอบนี้ การอบรมนี้เป็นการชวนเราสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเอง เพื่อสำรวจจิตใจ เจาะลึกความรู้สึก และเรียนรู้วิธีการยอมรับทุกส่วนของตัวเอง เพื่อมีความสุขในชีวิตและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยกระบวนการเขียนบำบัด การ์ดออนไลน์ และการทำสมาธิโปรแกรมจิต ที่ทุกๆ คนสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐาน *** เสียงตอบรับจากการอบรมในรอบนี้ : – ขอบคุณครูและเพื่อนๆ มากๆ ค่ะ ได้รับความรู้ทั้งจากที่ครูสอน และสิ่งที่เพื่อนแชร์ ได้รับคำแนะนำและคำตอบให้กับแนวทางดูแลด้านมืดและจิตใจตัวเองค่ะ – เรียนหลักสูตรนี้แล้วเหมือนได้เรียนรู้ด้านต่างๆ ของตัวเอง ซึ่งบางอย่างเรารู้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้วิธีจัดการ แต่พอได้เรียนแล้วก็เหมือนเราได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง ยอมรับตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น ขอบคุณครูและเพื่อนๆ ร่วมห้องเรียนทุกท่านนะคะ – เห็นว่าด้านมืดเตือนเราให้ทำสิ่งดีๆ ให้ตนเองและเราก็สามารถดูแลด้านมืดดั่งเด็กน้อยได้ เขาอยากได้การเชื่อมต่อจากเรา… Continue reading จบการอบรม “โอบกอดด้านมืดแห่งตัวตน” รุ่นที่ 8