ฉวยวันเวลาไว้

  ชีวิตมีคุณค่าเกินกว่าจะพร่าคืนวัน… หายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง  แม้นว่าสิ่งเล็กน้อยนี้เรายังไม่อาจกลับมาดูแล  ไฉนเลยเราจึงดูแลทั้งชีวิตของตนและคนอื่นได้ การกลับมาอยู่กับลมหายใจ คือการกลับมาเห็นคุณค่าของตนและปัจจุบัน ผมขอเล่าที่มาของอนุสารนี้ ในแง่ที่เกี่ยวข้องกับบทความ เป็นปฐมก้าวย่างของอนุสาร  ความคิดความฝันว่าจะเผยแพร่องค์ความรู้และประสบการณ์ “เขียนเปลี่ยนชีวิต” และ “ธรรมวรรณศิลป์” ผ่านสื่อต่อเนื่องอย่างนิตยสาร เกิดก่อในใจผมอยู่นานแล้ว คล้ายรอโอกาสที่เหมาะสม หรือยามเก็บเกี่ยวพืชผลคืนวันอย่างเต็มที่ เก็บข้อคิดข้อเขียนใส่ลิ้นชักความทรงจำไว้ นานวันเข้าฝุ่นจับ ปลวกการเผลอไผลแทะกิน ๓ ถึง ๔ เดือนที่ผ่านมา ความเจ็บป่วยของผู้ใหญ่ที่นับถือ จนถึงญาติและเพื่อนของคนรู้จัก เป็น “สัญญาณชีวิต” แก่ผมอีกครา เป็นหนึ่งในสัญญาณชีวิตรูปแบบเดิมที่ทักเตือนใครต่อใครครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตไม่แน่นอน ทุกก้าวย่างต้องระมัดระวัง  ถามใจตนเองว่า  “ถ้าเกิดตายเข้าอีกไม่ช้า จะเสียดายอะไรมากที่สุด” หนึ่งในคำตอบเหล่านั้น คือ ไม่อาจเผยแพร่ความรู้และผลึกคิดที่มี ส่งมอบให้กับคนอื่นได้เต็มที่ กอดไว้ในโลงลำพัง  เพราะมัวแต่รอโอกาสจากสำนักพิมพ์ และรอเก็บไว้เพื่อการสอนในชุดอบรม เมื่อตระหนักรู้เช่นนี้แล้ว เราจะ “เลือก” หรือ “รอ” ผมเลือกสร้างฝันให้เป็นจริงขึ้น แทนที่จะรอโอกาสอันเหมาะสม อาจมิใช่ นิตยสารที่เผยแพร่บนชั้นวางหนังสือกว้างไกล  แต่อย่างน้อยและมากคุณค่านัก เพียงอนุสารเล่มน้อย ส่งมอบแก่ผู้คนบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต … Continue reading ฉวยวันเวลาไว้

น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา

น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา นายธนสิทธิ์ เหมือนกุล คณะดนตรีและการแสดง “ตอนที่ได้บันทึกเรื่องเล่าทั้งสองเรื่องทุกวินาทีที่ได้ลงมือคิดและเขียนลงไปมันทำให้ผมได้คิดถึงเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิตที่ได้พัดผ่านเข้ามา ทำให้ได้กลับมาทบทวนเรื่องราวต่างๆอีกครั้ง ในระหว่างบันทึกนั้นความรู้สึกหลากหลายนั้นได้เข้ามาเยอะมาก ทั้งความกลัว กลัวที่จะกลับไปนึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นที่เป็นเรื่องราวฝังใจของผม กลัวที่จะนำมันมาเล่าใหม่และทำให้จิตใจของเราแย่ลง แต่พอเราได้เริ่มเขียนลงไป สิ่งเหล่านั้นกลับไม่เกิดขึ้น มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ความสบายใจที่พร้อมจะเล่า มันเหมือนได้กลับมาเปิดใจนึกถึงมันอีกครั้ง ในระหว่างที่เขียนสำหรับผมมันไม่ได้มีเพียงภาพที่เข้ามาในหัว แต่มันมีทั้งเสียง และความรู้สึกต่างๆเข้ามาด้วย ผมพยายามรับและถ่ายทอดมันออกมาให้ดีที่สุด รับมันอย่างจริงจังและเปิดใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระหว่างการบันทึกมันทำให้ผมได้คิดถึงมันและนึกถึงปัญหาที่มันแย่มากๆ แต่มันก็ผ่านมาจนได้ หลังจากการบันทึกเสร็จแล้ว มันมีทั้งความเข้าใจความสบายใจและความเสียใจปะปนกันมาก แต่สิ่งที่ได้สำหรับตัวผมมากที่สุดคือได้มองเห็นเรื่องราวเก่าๆและเอามาเทียบกับเรื่องราว ณ ปัจจุบันว่าเราจะก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนั้น และนำแรงกำลังใจที่เราเคยมีกลับมาใช้อีกครั้งให้เราได้มีกำลังเหล่านั้นและยิ้มรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากบันทึกแล้วผมรู้สึกสบายใจมากที่ได้เล่า มันเป็นความสบายใจที่โล่งมากๆ จากที่ตอนเขียนมันมีทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม  พอผมเขียนเสร็จผมโทรหาแม่และคุยหลายๆเรื่องมันยิ่งทำให้รู้สึกดีและกล้าเปิดตัวเองมากยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับการบันทึกครั้งนี้อีกครั้ง ทุกเหตุการณ์เหล่านั้นมันไม่ได้สวยหรูมากมายแต่มันมีคำสอนที่คอยแทรกเพื่อเป็นบทเรียนให้ผมได้รู้จักกับคำว่า อดทน ที่จะใช้มันตลอดไปเลยทีเดียว ผมนั้นได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่าแท้จริงแล้วเรานั้นเป็นคนอย่างไร อยากทำอะไร และที่อยู่ทุกวันอยู่เพื่อใคร ผมตอบได้เลยว่าที่ยอมเหนื่อยยอมทำทุกวันเพื่อพ่อแม่จริงๆ พ่อแม่ของผมท่านเหนื่อยมาก ผมอยากจบไวๆ อยากมีงานดีๆ มีเงินเดือนที่เลี้ยงท่านได้ หลายคนอาจจะมองว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่สำหรับผมเงินและคุณค่าทางชีวิต มันไม่ต่างกันมากเลย เรามีความรักความเข้าใจจากครอบครัวมันดีมากแล้ว แต่ถ้าเรามีเงินที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราได้มีกิน มีใช้ จะทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์มากขึ้น แต่อย่างไรถ้าความฝันที่มันอาจจะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้… Continue reading น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา

“ค่ายนักฝันกล้าใหม่” ผู้นำที่เติมฝันแก่ชีวิต

โครงการธรรมวรรณศิลป์ ปีที่ ๗ และ บริษัท สูตรคูณสุข จำกัด และ สถาบันยุวโพธิชน ขอชวนเยาวชนหนุ่มสาวผู้มีใจฝันและต้องการพัฒนาตนเอง ร่วมเรียนรู้ใน “ค่ายนักฝันกล้าใหม่” ผู้นำที่เติมฝันแก่ชีวิต   เนื้อหาสำคัญของการอบรม   – เรียนรู้จักตนเอง เราเรียนรู้วิชาต่างๆ มากมายในห้องเรียน แต่น้อยครั้งนักที่เราจะได้กลับมารู้จักตนเองอย่างจริงจัง ในการอบรมมีหลายกิจกรรมและกระบวนการที่พาย้อนกลับมามองและฟังตนเองอย่างเข้าใจ เพื่อตระหนักในสิ่งที่ดีงามและสิ่งที่น่าปรับปรุง รวมทั้งความรู้สึกและความต้องการในหัวใจเรา – พัฒนาภาวะผู้นำแห่งการเรียนรู้ ผู้นำนั้นมีหลายแบบ ทุกคนต่างมีภาวะผู้นำนั้นอยู่ในตน อาจเหมือนหรือไม่เหมือนใคร การอบรมครั้งนี้ให้ได้เห็นความเป็นผู้นำที่หลากหลาย และกระตุ้นเร้าให้นำภาวะนั้นมาใช้ในการทำงานกลุ่มและชีวิต โดยเฉพาะการทำงานที่ไม่เน้นตัวเองเป็นหลักอย่างเดียวแต่เป็นผู้นำที่รับฟังและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในกลุ่ม – ทักษะยุวกระบวนกร คือ ทักษะพื้นฐานของการเป็นกระบวนกร ไม่เพียงเราสามารถเป็นครูหรือผู้นำที่ก่อกระบวนการเรียนรู้ แต่ทักษะเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับชีวิตเราได้ เช่น การฟังอย่างลึกซึ้ง การจับประเด็น การตั้งคำถาม การสรุปเชื่อมโยง สนามพลัง และการจัดกระบวนการ เราจะไม่เป็นเพียงผู้จัดกระบวนการให้แก่ผู้อื่น แต่เป็นกระบวนกรของชีวิตตนเอง – บ่มเพาะปัญญาฐานหัวคิด จิตใจ และร่างกาย ความรู้และปัญญานั้นมีหลายรูปแบบ เราไม่เน้นการเติบโตเพียงฐานคิดหรือการคิดวิเคราะห์เท่านั้น ปัญญาที่มาจากหัวใจและร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เราอาจมองว่าตนเองคิดไม่เก่ง… Continue reading “ค่ายนักฝันกล้าใหม่” ผู้นำที่เติมฝันแก่ชีวิต

ทำดีอย่างไรไม่ให้ติดดี หรือใช้ความดีของเราทำร้ายผู้อื่น

ระดมบทเรียนจากน้องค่ายธรรมวรรณศิลป์ ทำดีอย่างไรไม่ให้ติดดี หรือใช้ความดีของเราทำร้ายผู้อื่น ๑ ทำดีอย่างพอดี ใช้บรรทัดฐานที่เหมาะสม ๒ เข้าใจความต่าง สื่อสารอย่างละเอียดอ่อน ๓ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่อาจตัดสินคนอื่นภายนอก ๔ สร้างเหตุที่ดีโดยไม่คาดหวังผล ๕ เข้าใจ นิยามความดีมีหลากหลาย ๖ ใช้ความดีเป็นรากฐานเพื่อต่อยอดสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความดี ๗ ติดตามผลจากการทำดีของเราด้วย ๘ ส่งต่อความดีด้วยการทำดี ๙ สะท้อนตนเองเพื่อขัดเกลา พัฒนาตน ๑๐ มีกัลยาณมิตรสะท้อนตัวเรา ๑๑ เข้าใจว่า ดี ไม่ใช่ เอ แต่ ดี ไม่ใช่ เอฟ มันเป็นไปเช่นนั้นเอง น้องสมิทขึ้นกระดาน  

เชิญร่วมงานมอบรางวัล ธรรมวรรณศิลป์ ๒๕๕๘

เชิญผู้ผ่านการอบรม เครือข่าย และผู้สนใจ ร่วมงานมอบรางวัล ธรรมวรรณศิลป์ แก่เยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดงานเขียน “ความทุกข์กับชีวิตของฉัน” การประกวดนี้มิใช่รางวัลเพื่อส่วนตัวแต่เป็นรางวัลและโอกาสของสังคม ท่านใดต้องการสนับสนุนรางวัล อาทิ หนังสือ สมุด หรืออุปกรณ์ สามารถติดต่อทางโครงการเพื่อร่วมสนับสนุนได้เช่นกันครับ ทั้งนี้มอบรางวัลในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ อาศรมวงศ์สนิท คลอง ๑๕ นครนายก ท่านใดยินดีเข้าร่วมงาน หรือสนับสนุนรางวัล โปรดแจ้งทางโครงการล่วงหน้านะครับ ได้ที่ youngawakening@gmail.com  

ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา

อาจารย์ของโครงการฯ ได้รับเชิญให้จัดกระบวนการและร่วมออกแบบข้อสอบกลางภาคนักศึกษา ม.บูรพา จำนวน ๓ ห้องเรียน ในวิชาการออกแบบและการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ บันทึกเชิงกระบวนการส่วนตัวพากลับมาทบทวนตนเอง จับประเด็นวิเคราะห์ และเรียบเรียงถ่ายทอด  ดังนี้เป็นส่วนหนึ่งจากงานเขียนข้อสอบ   “ความรู้สึกหลังบันทึก หลังบันทึกนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะเราได้ระบายความผิดพลาดในอดีตลงไปในกระดาษให้กระดาษแผ่นนั้นนำความรู้สึกแย่ๆของเราออกไป รู้สึกว่าตัวเองก็เก่งนะที่สามารถเก็บความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบ1ปี ทำให้รู้ว่าความสุขจริงๆแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาที่เกิดเรื่องดีดีเท่านั้นแต่ความสุขมันเกิดได้ทุกทีขอแค่เรายอมรับในสิ่งที่เราผิดพลาดและก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้ หลังจากได้ระบายความรู้สึกแย่ๆลงไปในกระดาษ มันเหมือนเป็นบทเรียนชิ้นนึงของเรามันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เราสามารถนำมันมาเป็นบทเรียนและนำมันมาเป็นแนวทางและแก้ไข้ปัญหานั้นหากปัญหานั้นกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง” (นายธนบดี พรกระจ่างสกุล)   “ข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวตนเรา ฉันสังเกตได้ว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์แบบว่าใจเย็นแต่บางสถานการณ์ก็ใจร้อนพร้อมหาเรื่องได้ตลอดถ้ามาทำให้โกรธ ไม่ชอบเข้าสังคม รักความสันโดษ สงบนิ่ง ไม่ชอบความวุ่นวาย หัวเราะง่าย เก็บกดไม่ค่อยได้แสดงออก ขี้สงสารใจอ่อนกับคนแก่ ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเป็นคนที่หัวโบราณมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ เวลาทำงานหรือทำอะไรก็ตามจะต้องแผนมีหลักการวางขั้นตอนไว้เสร็จ เป็นคนที่อยู่ในขอบเขตเรื่องกฎระเบียบ เป็นคนตรงต่อเวลาไม่ชอบผิดสัญญา เป็นคนที่รักความอิสระเสรี ทุกคนมีสิทธิทางความคิดการกระทำเท่าๆกัน จริงจังกับงานไม่ชอบการเล่นจนเสียการเสียงาน จริงจังกับการใช้ชีวิตโดยจะท่องไว้เสมอว่าชีวิตคนเราไม่มีวันย้อนกลับได้จึงทำทุกอย่างเต็มที่และไม่ประมาทจนคนอื่นมองว่าเราเครียดเกินไป ที่จริงฉันเองก็มีมุมที่เฮฮาผ่อนคลายแต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นถ้าไม่ใช่ครอบครัวและเพื่อนสนิทจริงๆ ชีวิตของฉันก็เป็นไปแบบเรียบง่ายอยู่ในกฎระเบียบที่ครอบครัววางไว้ ซึ่งตัวตนของฉันจะมีปรากฏอยู่ในบันทึกบางส่วนฉันไม่ได้เลือกที่จะบันทึกตัวตนทั้งหมดของฉันลงไปในบันทึกเพราะเกรงว่าจะดูแย่ไปกว่าเดิมเพราะเท่าที่ได้อ่านบันทึกของฉันทั้ง 2 ก็พอเดาได้ว่าฉันเป็นคนยังไงอาจจะไม่ตรงกับทัศนคติของคนอ่านก็เป็นได้เดี๋ยวจะพาลทำให้คนอ่านหมั่นไส้และไม่ชอบฉันขึ้นมากันพอดี ข้อสังเกตจากบันทึกอีกอย่างคือไม่มีใครรู้จักเราเท่าตัวเราเอง คงยากที่จะให้เราเป็นอย่างที่คนอื่นบอกว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่คนอื่นบอกมันคือตัวตนเราบางทีสิ่งที่คนอื่นบอกอาจจะเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็น ดังนั้นเราจึงต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองแต่ก็อย่าเชื่อมั่นจนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น” (นางสาวอลิษา แก้วบัวดี)     “คนเรามักจะใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบที่ต้องการ ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงแค่ความทรงจำ จนลืมที่จะนึกย้อนกลับไปเพื่อหาบางสิ่งบางอย่างและฉันเองก็เป็นเหมือนกับคนเหล่านั้น แต่เมื่อถึงยามจำเป็นที่ต้องใช้เรื่องราวในอดีตเป็นเครื่องมือในการศึกษาเล่าเรียน… Continue reading ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา

รวมสรุปการเรียนรู้ การอบรม เขียนค้นพบตัวเอง ๒๕๕๘

รวมบทเรียนการเรียนจักตนและการเรียนรู้ จากการอบรมกึ่งออนไลน์ “เขียน = ค้นพบตัวเอง”   ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ebooks.in.th/ebook/32504/รวมบทเรียนการเรียนจักตนและการเรียนรู้_%22เขียน_=_ค้นพบตัวเอง%22_๒๕๕๘/   คุณหญิง อาชีพ พยาบาล “กลับมาเห็นความสำคัญของด้านตรงข้ามที่อยู่ในตัวเรา ที่จะช่วยให้เราได้ปรับใช้กับบางสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมค่ะ ทุกสิ่งอย่างเป็นการเรียนรู้และช่วยให้เราเติบโตได้จริงๆค่ะ เพียงแต่เรามีสติกับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ที่ช่วยเตือนให้มีสติกลับมา และบ่งบอกว่าต้องเจริญสติให้มากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ก้าวข้ามขอบของตัวเอง คือการยอมรับและเปิดเผยตัวตน โดยเฉพาะด้านร้ายของตัวเอง ก้าวข้ามความกลัวจากการปรุงแต่งไปล่วงหน้า ยอมรับการเสียหน้า ความผิดพลาด และล้มเหลว (แต่ยังทำได้ไม่ดี เพียงแค่คิดว่า ไม่ใช่ปัญหา…แต่คือการเรียนรู้) ”   คุณปวี อาชีพ วิศวกร “ผมคิดว่าหลังจากจบหลักสูตรนี้แล้ว ผมจะใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเองให้น้อยลงนะครับ เพราะรู้สึกเลยว่าลึกๆแล้วตัวเองอยากจะลงมือทำแล้ว รู้สึกว่าคิดทบทวนเรื่องตัวเองโดยไม่ได้ทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมมานานเกินพอละ และก็จะพยายามมองหาความสุขรอบๆตัวให้มากขึ้น อยากที่จะตื่นขึ้นมาทุกวันโดยรู้ตัวว่าวันนี้เราอยากทำอะไร ไม่ใช่ว่าตื่นมาพร้อมกับความเบื่อหน่ายที่ว่าวันนี้เรามีสิ่งที่ไม่อยากทำ แล้วมานั่งคิดถึงสิ่งที่อยากจะเป็นในวันพรุ่งนี้ บางทีแล้ว เราอาจจะได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการได้ โดยที่เราไม่ต้องแก้ไขอะไรมากมายเลยก็ได้”   คุณกอบกุล  อาชีพ แม่บ้าน ” การบันทึก เป็นสิ่ง มหัศจรรย์ทำให้เรา เจอปม อะไรบางอย่าง… Continue reading รวมสรุปการเรียนรู้ การอบรม เขียนค้นพบตัวเอง ๒๕๕๘

มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง

มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์ งานเขียนต่อยอดจากบันทึกการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง”     20 ธ.ค. 2545  เป็นอีกวันหนึ่งที่คงจะอยู่ในความทรงจำของฉันไปอีกนาน  วันนั้นเป็นวันที่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทยมาเลย์นัดหมายเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีที่สัญจรมาประชุมที่หาดใหญ่ทบทวนโครงการดังกล่าว ฉันเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ  ทั้งในฐานะผู้สังเกตการณ์และในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรง  ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดและคับแค้นใจของประชาชนที่ถูกแย่งชิงทรัพยากรจากผู้มีอำนาจโดยไม่เป็นธรรม   ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจทำให้ฉันพร้อมที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน ก่อนหน้านี้เคยมีการจัดทำประชาพิจารณ์โครงการนี้มาแล้วถึงสองครั้ง  และจบลงด้วยการที่ชาวบ้านล้มเวทีทุกครั้ง  ทั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าการจัดประชาพิจารณ์ดังกล่าว  จะเป็นเพียงการสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการมากกว่าการรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง   ฉันเองได้ช่วยถ่ายวีดีโอทั้งสองครั้ง  ครั้งนี้เพื่อนจึงโทรมาขอให้ช่วยถ่ายวีดีโอให้อีก  แต่เพราะมีงานที่นัดหมายล่วงหน้าแล้วจึงปฏิเสธ  แต่ตกลงจะให้เพื่อนยืมกล้องไปถ่ายเอง  บังเอิญวันนั้นมีนักพัฒนารุ่นน้องสองคนที่มาช่วยงานอยากไปร่วมชุมนุมด้วย  ฉันจึงตัดสินใจขับรถไปส่งและถือโอกาสเอากล้องวีดีโอให้เพื่อน  ตั้งใจว่า เมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะเดินทางกลับบ้านทันที   เราถึงหาดใหญ่ก่อนเวลานัดหมาย  จึงรับรุ่นพี่อีกคนเพื่อไปกินข้าว  แต่ยังไม่ทันได้กินก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนบอกว่า  ตอนนี้ตำรวจตั้งด่านสกัดไม่ให้ชาวบ้านเดินทางเข้ามาในหาดใหญ่  ด้วยความเป็นห่วงพวกเราจึงขับรถไปยังจุดดังกล่าว  แต่เลือกเส้นทางลัดเนื่องจากคาดว่าเส้นทางปกติคงมีตำรวจสกัดอยู่  เมื่อไปได้ราวครึ่งทางเพื่อนโทรมาบอกว่าตำรวจยอมเปิดเส้นทางแล้ว  ชาวบ้านกำลังเดินทางเข้าหาดใหญ่ให้พวกเราไปรอที่ทางเข้าโรงแรมซึ่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีพัก  เรารีบกลับมายังจุดนัดหมาย  ฉันตัดสินใจจอดรถห่างจากจุดนัดหมายราวสองร้อยเมตร  เพราะเห็นว่าเริ่มมีรถยนต์จอดหลายคัน  หากไปด้านหน้าแล้วไม่มีที่ว่างจะต้องขับรถเวียนหาที่จอดทำให้เสียเวลามากขึ้น  เมื่อพวกเราทั้งสี่คนเดินไปถึงก็พบว่ามีตำรวจนับสิบนายใช้แผงเหล็กกั้นปิดเส้นทางเข้าโรงแรม  พวกเราจึงรอดูสถานการณ์อยู่ในบริเวณนั้น กว่าขบวนรถของชาวบ้านจะมาถึงก็เกือบสองทุ่ม  เมื่อเจอแผงกั้นขบวนจึงหยุดรอให้แกนนำชาวบ้านและ นักพัฒนาเจรจากับตำรวจเพื่อขอให้เปิดเส้นทาง  ระหว่างรอการเจรจาชาวบ้านบางส่วนนั่งลงกินข้าว  บ้างก็ทำละหมาด บางส่วนก็ยืนจับกลุ่มติดตามสถานการณ์… Continue reading มองโลกมุมใหม่ผ่านใจตากล้อง

“แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก

“แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน งานเขียนต่อยอดจากการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง”   ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอีกอาทิตย์หนึ่งที่รู้สึกถึงการเข้าใกล้วิกฤตของชีวิต การได้เห็นความเจ็บป่วยของแม่ที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง และการซ้ำเติมความเจ็บป่วยด้วยอุบัติเหตุล้มหัวฟาดของแม่ ภาพของแม่ที่ไร้เรี่ยวแรง มึนงง ตอบสนองช้า … มันเป็นภาพที่น่าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาแม้จะรับรู้ภาวะโรคร้ายที่ปรากฎแต่ด้วยสภาพร่างกายทั่วไปภายนอกที่ดูปกติ มันทำให้เชื่อเสมอว่าแม่ยังไหว ไม่ว่าจะอยู่ในระยะที่ใครๆเค้าว่านี่คือระยะสุดท้ายแล้ว แต่ภาพที่เห็นแม่ยังทานข้าวได้ ยังอยากทานนู่นทานนี่ ยังมีความพยายามดั้นด้นลากจูงพ่อไปตระเวณตามใจปาก มันทำให้มีความหวังและรู้สึกว่าแม่แค่ผู้หญิงไม่มีผม … จากวันนั้นถึงวันนี้สามปีผ่านไป แม่อยู่ในภาวะไม่มีผม สลับกับมีผม และยังคงตระเวณหาของกินที่เห็นในรายการทีวี แต่แล้วสองเดือนที่ผ่านมาภาวะอยากอาหาร หายไป แม่ปวดท้องตลอด ทานได้น้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่ทานเพราะกลัวคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง … สัญญาณบางอย่างปรากฎในใจ ความไม่เที่ยง … ในที่สุดสิ่งที่กลัวก็เป็นจริง โรคร้ายลุกลาม ความใจสู้ของแม่ลดลง แม่ที่อยากทานนู่นทานนี่หายไป เหลือแต่ผู้หญิงที่ผ่ายผอม ไร้เรี่ยวแรง นอนซม แล้วหมอก็ตัดสินใจให้เคมีบำบัดรอบที่สาม ร่างกายไม่พร้อมเหมือนครั้งก่อนๆ เพียงเข็มที่สองก็อยู่ในสภาพทรมาน ต้องกินยาแก้ปวดและยานอนหลับ … แม่เบลอ เชื่องช้า … และในที่สุดก็เกิดเหตุ… Continue reading “แสงสว่างกลางวิกฤต” คุณนก

ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์

  ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์ ธรรมนนท์ กิจติเวชกุล งานเขียนต่อยอดจากการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง”   ในเส้นทางการเดินทางของชีวิต ฉันเคยยึดมั่นธรรมเนียมของการซื้อของฝาก การส่งการ์ดในวาระสำคัญของชีวิต การแลกเปลี่ยนของขวัญกับคนที่เจอะเจอกัน แม้ในหลายปีที่ผ่านมาของขวัญ ของฝากที่เป็นวัตถุจางหายไปทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ แต่ฉันเชื่อว่าการมอบของขวัญยังคงมีเสมอในทุกวันของชีวิต ในวันนี้ที่ฉันเดินทางมาถึงวัยกลางคน น่าจะเป็นจุดสำคัญในการทบทวนว่าของขวัญที่ให้มันมีคุณค่าหรือความหมายต่อชีวิตของคนๆหนึ่งและผู้คนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างไร และอะไรคือของขวัญที่คนเล็กๆคนหนึ่งได้นำมาสู่โลกใบนี้ หลายปีก่อนเจอข้าราชการป่าไม้คนหนึ่งเดินมาทักทาย ว่าเป็นรุ่นน้องและจำได้ว่าได้รับของฝากที่ระลึกหลังจากฉันกลับจากญี่ปุ่น เขารู้สึกดีใจ ปลื้มใจมาก ฉันเองก็ปลื้มใจว่าของเล็กน้อยที่นำมาฝากผู้คนหลังเดินทางไกลยังอยู่ในความทรงจำของคนบางคน และนี่คงเป็นคุณค่าหนึ่งของของขวัญ คือการรับรู้ว่าการให้ยังคงมีความหมายในโลกใบนี้ ฉันมักให้ของขวัญกับคนที่พบเจอในช่วงเวลานั้นๆของชีวิต เมื่อถามตัวเองว่า เราหลงลืมผู้คนไปมากมายหรือ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามีความหมายต่อชีวิตหรือไม่ แล้วมิตรภาพที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร การเก็บรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ของเราคือการสื่อสารหรือของขวัญที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอหรือ สำหรับบางคนมันอาจเป็นเช่นนั้น น่าแปลกที่ฉันมักหลงลืมผู้คนที่เคยพานพบบนเส้นทางชีวิต แม้หลายคนยังคงอยู่ในความทรงจำ อาจไม่มีของขวัญสม่ำเสมอเมื่อยามไกลกัน แต่ฉันมั่นใจว่า “ฉันไม่ทำร้ายใคร” “ฉันพร้อมรับฟังไม่ว่าอยู่ตรงไหน” ของขวัญหรือของที่ระลึกมอบออกไปมีความหมายเสมอในความสัมพันธ์ ณ ปัจจุบันขณะ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเมื่อเราอยู่ด้วยกัน  นั่นคือเวลาที่เป็นของขวัญแก่กันที่ยิ่งใหญ่ ของขวัญที่ส่งไปบางชิ้นเพื่อบอกถึงการให้อภัยในทุกสิ่ง ฉันเรียนรู้ที่จะพอใจสิ่งที่ให้ หรือแม้กระทั่งการไม่ให้ก็คือการให้ เรียนรู้ที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่กำหนดไม่ได้ มีความศิโรราบต่อความถือตน ได้บ่มเพาะศรัทธาว่าสิ่งที่ให้ไปมันจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่มีวันขาดแคลน และเมื่อเป็นผู้ให้ฉันได้รับยิ่งกว่าใคร นอกจากนั้นฉันยังได้เรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับการเติบโตและการกลับสู่สมดุล เรียนรู้ที่จะรักและกรุณาต่อตนเอง… Continue reading ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์