บันทึกบทเรียนอบรม ๖ เดือนผู้ต้องขังเรือนจำ ๒๕๕๘ การเขียนบำบัดและจิตปัญญาพัฒนาชีวิต ณ เรือนจำสมุทรปราการ แดนหญิง แก่ผู้ต้องขังและผู้ติดเชื้อภูมิคุ้มกันบกพร่อง เรียนรู้จักตนและเพื่อน ความไว้วางใจ ทักษะชีวิต และคุณค่าของตน ชมภาพทั้งหมดได้ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.901582619907106.1073741856.205984142800294&type=3&uploaded=19
Author: admin
สายน้ำคือช่วงเวลาของชีวิตที่ผ่านไป #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตนเอง
“สายน้ำคือช่วงเวลาของชีวิตที่ผ่านไป” งานเขียนจาก กิตติญา สุขญาติ ม.บูรพา การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน สายน้ำในลำธารจะไหลไปเรื่อยๆตามเส้นทาง จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำที่ห่างไกลและไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ไหน ตลอดระยะเวลา 18 ปี ฉันได้เห็นและเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยที่สิ่งต่างๆเหล่านั้นไม่เคยย้อนกลับมา ณ จุดที่เคยผ่านไปได้เลย เฉกเช่นเดียวกันกับสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับมายังจุดกำเนิดได้อีก… สายน้ำที่เย็นฉ่ำในลำธารไหลจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำ จากภูเขาลงสู่ลำธาร จากลำธารเล็กๆสู่ลำธารที่ใหญ่ขึ้น โลกใบเล็กๆเริ่มเติบโตสู่โลกที่กว้างใหญ่ จากภัยอันตรายแค่เพียงฝนตกกลับกลายเป็นพายุลูกใหญ่ โลกที่ใหญ่ขึ้นก็จะมาพร้อมกับอันตรายที่มากขึ้นเช่นกัน ภายใต้สิ่งที่เลวร้ายต่างๆทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง พายุฝน จนกระทั่งไฟป่าเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและเลวร้ายมากสำหรับสายน้ำในลำธารอย่างเธอ ถึงแม้เธออยากจะช่วยเหลือเพียงใดแต่ก็ต้องช่วยเหลือตนเองให้รอดก่อน แต่กระนั้นเมื่อสิ่งร้ายๆผ่านพ้นไปความสงบสุขก็กลับเข้ามา ความอ่อนโยนจากสิ่งต่างๆ ริมลำธาร ทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์และน่าจดจำเป็นที่สุด ในวันหนึ่งที่สงบสุขเธอได้พบเจอกับดอกไม้ริมลำธารที่รวงหล่นลงในลำธาร ดอกไม้ล่องลอยและไหลไปตามแรงลมที่พัดผ่าน ดอกไม้ชั่งดูสวยงามและดูสนุกสนานกับสิ่งที่พบเจอ เธอไหลตามไปดูดอกไม้ที่ถูกสายลมพัดไปเรื่อยๆ เธอเพลิดเพลินกับสิ่งใหม่ที่พึ่งพบเจอมาก แต่สุดท้ายดอกไม้ก็หายลับไปเพราะถูกกระแสน้ำที่แรงพัดจมลงสู่ใต้ลำธารเธอเสียใจที่ช่วยดอกไม้ไม่ทัน เธอจึงบอกกับตัวเองว่า”นี่แหละคือชีวิตที่โหดร้าย” สายน้ำในลำธารเล็กๆมีเส้นทางไม่มากนักที่จะได้เลือกไหลไป น้อยครั้งที่จะพบเจอทางแยก มันยากมาก ที่จะเลือกไปทางไหน และสิ่งที่ยากกว่าคือการที่เธอไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร หลังจากเลือกเส้นทาง แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่พบเจอหลังจากเลือกเส้นทางเพราะนี่คือการตัดสินใจของตนเอง “โลกที่ดูสวยงาม สดใส และสงบ” อาจเป็นเพียงความคิดที่เธอหวังที่จะได้พบเจอหลังจากที่เธอเลือกเส้นทาง เธออยากที่จะพบเจอสิ่งต่างๆที่เหมือนกับถิ่นกำเนิดของเธอ… Continue reading สายน้ำคือช่วงเวลาของชีวิตที่ผ่านไป #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตนเอง
ราตรีสีเงิน #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตนเอง
“ราตรีสีเงิน” งานเขียนจาก จิรภัทร สุวรรณาภิรมย์ สาขา การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน ถ้าจะพูดถึงชีวิตของเราคงไม่แตกต่างไปจากเรื่องเล่าตำนานราตรีสีเงินมากเท่าไรนัก ราตรีสีเงินไม่ได้หมายถึงความมืดมิดยามค่ำคืนที่เป็นสีเงิน แต่หมายถึงมังกรพันธ์ราตรีสีเงินที่งดงาม สง่างาม ร่าเริงและซ่อนความร้ายกาจ สมดังราชามังกร แต่กว่าจะได้อวดโฉมให้ใครต่อใครได้เห็น ก็ต้องผ่านช่วงเวลาแห่งชีวิตมาอย่างหนักหนา จุดเริ่มต้นของเรื่องราว เริ่มจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ พยายามเจาะกำแพงที่ห่อหุ้มร่างอันน้อยนิดของตัวมันเอง เพื่อได้ออกมาเห็นโลกภายนอก มันก็เหมือนกับชีวิตเราที่เริ่มต้นเติบโตมาในท้องแม่ เพียงแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น จนในที่สุดเวลาแห่งการต่อสู้ เรียนรู้ และเติบโตในโลกกว้างก็ได้เริ่มต้นขึ้น ราตรีสีเงินน้อยได้ลืมตาดูโลกที่กว้างใหญ่ พยายามจดจำสิ่งรอบตัว สำรวจจนละเอียด ภายในสถานที่แห่งการเรียนรู้จุดแรกมันคือรังใหญ่โต ชีวิตที่น่าสงสารเริ่มนับจากนี้ เพราะสิ่งที่พบเจอคือการเป็นมังกรน้อยเพียงตัวเดียว และได้รับรู้ว่าตัวมันเองคือมังกรเพียงตัวเดียวในโลก และกำลังจะเลือนลางหายไปกับอดีตของโลกใบนี้ ก็เหมือนตัวเราที่เติบโตมาคนเดียว พอเราเริ่มที่จะเรียนรู้เป็น ก็พบว่าเรานั้นอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวมาตลอด จนทำให้เราตามหาใครสักคนให้มาเป็นเพื่อน คนรัก จนกระทั่งคู่ชีวิตเพื่อเดินทางไปกับเราจนถึงปลายทางที่เราวาดไว้ ราตรีสีเงินก็เช่นเดียวกันมันดิ้นรน เพื่อคายเหงา เพื่อต้องการความอยู่รอดมันจึงเริ่มออกเดินทาง มังกรมีช่วงเวลาชีวิตที่เดินเร็วกว่ามนุษย์ธรรมดา มันจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อแสงอัสดงต้องกายของราตรีสีเงิน ทำให้เห็นชัดว่าร่างกายของมันสง่างาม ผิวหนังแวววาวเหมือนเพชรราคาแพง พร้อมกับปีกอันใหญ่โตที่ตัดกับลำตัวอย่างเด่นชัด จนได้มาถึงหมู่บ้านแห่งสีสัน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะตัวบ้านแต่ละหลังถูกแต่งเติมสีสันมากมายและผู้คนในหมู่บ้านต่างสนุกสนามกับชีวิตประจำที่ดำเนินต่อไป ราตรีสีเงินจึงเริ่มที่จะเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้คน… Continue reading ราตรีสีเงิน #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตนเอง
การเดินทางของดอกหญ้าขาว #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง
การเดินทางของดอกหญ้าขาว โดย ศุภรัตน์ ศรีเมือง ม.บูรพา มส.พัฒนาชุมชน การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน “ ดอกหญ้าขาว ” ฉันได้เรียนรู้ที่จะบอกกับตัวเองถึงเรื่องราวการเติบโตของทุกช่วงเวลา ทุกการกระทำที่ได้รับจากประสบการณ์ต่างๆจากสิ่งรอบข้างและเส้นทางชีวิตที่รอคอยสำเร็จตามสิ่งที่เราเลือกเดินชีวิตเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมานี้ ด้วยชีวิตของของดอกหญ้าขาว ดอกหญ้าขาว พรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกเป็นสีม่วงหรือสีชมพู พอดอกแก่จะเปลี่ยนเป็นสีขาว ผลแห้งเมล็ดอ่อน มีเมล็ดเดียวลักษณะเป็นทรงกระบอกแคบมีสีน้ำตาลเข้ม ด้านบนมีสีขาวปกคลุม ผลเป็นพู่แตกบาน ช่วยทำให้เมล็ดลอยไปตามลมได้ แต่สายลมที่พัดผ่านมานำความกล้าและประสบการณ์ใหม่จากทั่วฟ้าดิน วันหนึ่งดอกหญ้าขาว เธอกำลังจะออกไปเผชิญโลกกว้างในสถานที่ใหม่ แล้วกลับมามองตัวเองพร้อมตั้งคำถามว่าที่ผ่านมา เธอเลือกเส้นทางที่ถูกต้องใช่แล้วหรือไม่ ? เธอเติบโตบนพื้นหญ้าแห่งหนึ่งโดยมีการดูแลเอาใจใส่จากต้นไม้ใหญ่ เธอได้รับสารอาหารและร่มเงาของต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้เลี้ยงลำต้นเล็กๆของดอกหญ้า จนเติบใหญ่ ที่อยู่รายล้อมด้วยดอกหญ้าและดอกไม้นานาชนิดด้วยกัน เธอมักได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ เธอจึงไม่กล้าตัดสินใจจากที่ที่เธออยู่ ไปเจอโลกภายนอกนัก เธอกังวลว่าที่ใหม่ที่เธอกำลังจะดินทางไปจะน่าอยู่เหมือนที่เธออยู่ทุกวันหรือเปล่า ? “ ทำไมต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ? ” นั้นเป็นความคิดของดอกหญ้าน้อยช่างสงสัย…. กระทั่งวันหนึ่งขณะที่เธอนั่งมองท้องฟ้าและต้นไม้ใหญ่ของเธอทันใดนั้น สายลมก็พัดพาเธอล่องลอยไปในอากาศ โดยไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจ ที่ได้เห็นภาพที่เคยอยู่เป็นแค่ภาพความทรงจำ… “ ทำไมต้องหัดอยู่คนเดียว… Continue reading การเดินทางของดอกหญ้าขาว #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง
Rooms in The room #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง
งานเขียนจาก ณภัทร กำจัดภัย ม.บูรพา การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน ด้วยว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก มีคนมากมายเดินกันเต็มเมืองใหญ่ และพวกเราเป็นเพียงสสารที่เหมือนลอยอยู่ในเมืองนั้น ขณะนี้พวกเรามองเห็นประตูบานหนึ่งที่เปิดกว้างเหมือนกับว่ามันเป็นประตูเดียวที่พวกเราจะไปได้ ฉันต้องการที่จะผ่านประตูนั้นเข้าไป และเดินไปไม่สิ้นสุด พวกเราหวังอย่างนั้น แต่ความฝันเฟื่องเริ่มกัดกินและทำร้ายพวกเรา พวกเรามีเพิ่มขึ้นตลอดทางที่พวกเราเดินผ่าน ต่างพวกต่างคนรู้จักกลับมาเป็นมิตรกัน พวกเรามีมากพอที่จะฝ่าฟันปัญหาต่างๆ พวกเราเริ่มที่จะค้นหาประตูบานใหม่ๆ มันทำให้เส้นทางมีสีสันมากขึ้น มีเหตุการณ์มากมาย ทั้งดีและร้าย พวกเราเปิดประตูบานแล้วบานเล่า ซึ่งประตูแต่ละบานมีความแตกต่างกัน จึงทำให้ต่างคนต่างแยกกันไปในแต่ละประตู รอเพียงเวลาที่จะมีโอกาสเปิดประตูมาอยู่ในห้องเดียวกัน และพวกเราไม่สามารถรวมกันได้ครบซักที มันเหมือนว่าพวกเราทั้งหมดนั้นติดอยู่ในเขาวงกรด ที่ไม่สามารถออกมาได้ เดินวนอยู่ในที่เดิมๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพวกเรามีความคิดมากขึ้น พวกเราต้องการที่จะไปในห้องใหม่ๆ หาประตูใหม่ๆ พวกเราเพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้พวกเราผ่านห้องต่างๆมามากมาย พวกเราคิดว่าพวกเราผ่านห้องต่างมามากมาย พวกเราคิดว่าพวกเรารู้ทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วพวกเรารู้เพียงน้อยนิดมากถ้าเทียบกับคนอื่นที่ผ่านห้องมาหลายห้อง เพราะเราเป็นเพียงสสารหนึ่งบนโลกใหญ่ ที่มีประตูมากมายให้เราเปิดซึ่งเราไม่มีทางที่จะเปิดมันได้หมด พวกเราเริ่มยอมรับว่าพวกเรายังเด็กต่อโลก และประตูที่พวกเราเลือกมันพาให้เราติดและวกวนอยู่ในห้องเดิมๆ เพราะในห้องทุกห้องมีสภาพแวดล้อม สังคมที่แตกต่างกันมาก ขนาดของห้องทำให้เราใช้เวลาในการหาประตูบานถัดไปนานยิ่งขึ้น เราต้องค้นหาประตูแข่งกับเวลาชีวิต พวกเรามีเวลาไม่มากเท่าไหร่ พวกเราต้องบริหารเวลา พวกเราพยายามที่จะค้นหาประตูถัดไปในตอนนี้ เพราะพวกเราคิดว่าพวกเราอยู่ในห้องที่กว้างใหญ่นี้มานานเกินไปแล้ว และคนในห้องถัดไปก็ไม่ชอบสภาพแวดล้อมของห้องเรา แต่ต่างคนต่างมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาก็มีเหตุผลของเขาที่เลือกประตูนั้นๆ พวกเราไม่สามารถที่จะลากหรือฉุดใครให้เข้ามาในห้องที่เราต้องการได้ เขาคนนั้นเท่านั้นที่จะเป็นคนเลือก บางคนเมื่อเลือกแล้วก็อาจไม่ต้องการที่จะหาประตูใหม่ๆเพราะเขานั้นพอใจในสภาพแวดล้อมในห้องนั้นๆ เขาจะอยู่กับมันจนเขากลายหนึ่งเดียวกับห้องนั้น… Continue reading Rooms in The room #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง
สร้างพื้นที่ให้ชีวิต
เมื่อเราหายใจเข้า เราเติมเต็มพื้นที่ข้างในร่างกาย ด้วยอากาศจากภายนอก เมื่อเราหายใจออก เราแปรเปลี่ยนพื้นที่ภายนอก รอบตัวเรา ด้วยอากาศจากพื้นที่ข้างในกาย พื้นที่ภายนอกและพื้นที่ภายใน ต่างส่งเสริมและเชื่อมโยงต่อกัน เราต่างเป็นผู้ร่วมสร้างทั้งสองพื้นที่ชีวิต คนเราใช้ชีวิตระหว่างพื้นที่มากมาย จากบ้านสู่ท้องถนน สู่ที่ทำงาน ไปห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ศาสนสถาน โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ หายใจเข้าพื้นที่หนึ่ง หายใจออกพื้นที่หนึ่ง ชีวิตต้องสัญจรและเกี่ยวพันพื้นที่นานา ทว่าพื้นที่ใดเล่าที่เราเป็นผู้สร้างขึ้น มีจำนวนมากหรือน้อยสำหรับพื้นที่ที่เรารู้สึกไว้วางใจและเป็นอิสระ แม้เรามีตัวเลือกพื้นที่ชีวิตอยู่ไม่น้อย แต่เหตุใดเรากลับจึงไม่เป็นอิสระเอาเสียเลย เราอาจมีแค่หนึ่งหรือไม่กี่พื้นที่ที่เรารู้สึกว่าตนเองเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยมากพอที่เราจะรู้สึกสบายใจ อบอุ่น และไว้วางใจ แม้เรามีตัวเลือก เราอาจรู้สึกว่าไม่อาจเลือกได้เต็มที่ เพราะกลไกทางสังคม เพราะความคาดหวังจากคนอื่นๆ เพราะพื้นที่เหล่านั้นสังคมหรือองค์กรหนึ่งๆ เป็นผู้สร้างขึ้น เราไม่เห็นว่าตนเองเป็นผู้ร่วมทำให้เกิดขึ้น เราอาจแอบหวังว่าวันหนึ่งเราจะก้าวไปสู่พื้นที่ที่ดีกว่านี้ พื้นที่ที่เราจะรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ หายใจเข้า เราเสียเวลากับการรอคอยโอกาสได้ไปยังพื้นที่ในฝันแห่งนั้นเพียงใด หายใจออก วันหนึ่งที่เราพร้อมหรือมีสิ่งวิเศษเกิดขึ้น หรือเมื่อยามหมดเวลาเลิกเรียนหรือเลิกงาน เราจะได้ไปสู่พื้นที่อันปลอดภัย นั่นเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นหรือไม่ เหตุใดเมื่อเราต้องการความเป็นอิสระ และพื้นที่อันไร้ขีดจำกัด เรากลับกักขังตัวเองอยู่ในพื้นที่เล็กๆ บางแห่ง ขณะที่ลมหายใจยังคงสอนเราเรื่องการสร้างพื้นที่อันกว้างใหญ่ไม่เว้นวันหยุดพัก ทุกๆ พื้นที่ชีวิต… Continue reading สร้างพื้นที่ให้ชีวิต
อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๓ (วิสาขบูชา)
อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ๐๓ ณ มิถุนายน ๒๕๕๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๗ อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด อ่านเพื่อประจักษ์ชีวิต ลิขิตเพื่อใคร่ครวญตน ลำดับบทความในอนุสาร ๐๓ ๑. งานเขียนรางวัลธรรมวรรณศิลป์ เรื่อง โชคดีที่มีเธอ “คุณความทุกข์” ๒. คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน สร้างพื้นที่ให้ชีวิต ๓. คอลัมน์ ธรรมะคือคุณากร ตอน สามัญญลักษณะ ๔. คอลัมน์ จดหมายถึงพี่ใหญ่ ๕. คอลัมน์ ธรรมกวี { ธรรมวรรณศิลป์ มี ๒ นัยยะสำคัญ หนึ่ง วรรณศิลป์ที่ส่งมอบความดี ความงาม และความจริงแก่ผู้อ่านและสังคม สอง วรรณศิลป์ที่ขัดเกลาจิตใจและชีวิตผู้ประพันธ์นั้นเอง } อนุสารธรรมวรรณศิลป์ จึงประกอบด้วย ข้อชวนคิด และ… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๓ (วิสาขบูชา)
โครงการแบ่งปันรอยยิ้ม และ พัฒนาผู้ไร้ที่อยู่อาศัย
ความสุขของการที่ได้เป็นผู้ให้ ขอขอบคุณทางโครงการที่มอบทุนจิตอาสาดีๆอยากบอกว่าความรู้สึกจากการที่ได้เป็นผู้ให้ ซึ่งต่างจากการที่ป็นผู้รับ โดยสิ้นเชิงและในวันนี้หนูได้เป็นคนมอบโอกาสดีๆแก่เด็กๆ ได้มอบรอยยิ้ม มอบเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆ กนูรู้สึกดีใจมากอละมีความสุขมากๆที่ได้ช่วยเหลือใครหลายคน ทุนจิตอาสาที่ได้ส่วนหนึ่งหนูได้นำไปมอบให้กับมัสยิดประจำหมู่บ้านรูสะมิแล อีกส่วนหนึ่งหนูได้มอบทุนให้กับเด็กเรียนดีของโรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน และอีกส่วรหนึ่งหนูได้นำไปซื้ออุปกรณ์และของรางวัลให้กับเด็กตาดีกาหรือโรงเรียนสอนศาสนาระดับประถม โครงการแย่งปันรอยยิ้มให้น้องได้ทำเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 น้องซอเฟีย สะนิ เยาวชนที่ได้รับทุนจิตอาสาจากโครงการประกวดงานเขียน ___ น้องอคิราภ์ รวมจิตต์ บริจาคและเรียนรู้กับมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อนำมาสร้างร้านขายของสำหรับผู้ไร้ที่อยู่ โดยใช้ทุนจิตอาสาที่ได้รับจากสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ประจำปี ๒๕๕๗ -๒๕๕๘ ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ทักทายแขกเรือนใจ
เปิดใจกาย ต้อนรับลมหายใจหล่อเลี้ยงชีวิต เขาคือแขกผู้มาเยือน มอบของขวัญมีค่าคือการดำรงอยู่กับปัจจุบัน หายใจออก ส่งแขกออกจากบ้าน ก่อนต้อนรับผู้มาใหม่ ร่วมเติมเต็มลมหายใจ หัวใจเรา มีแขกมาเยือนมากมายในแต่ละวัน และคืน พวกเขามาสู่ใจเราพร้อมความสุขบ้าง ความพอใจบ้าง ความหงุดหงิดก็มี ความโศกเศร้าก็มี งุนงง เฉยชา เหม่อมอง หลากหลายแขก พวกเขามาเยือนใจเราและทำให้บ้านเราเปลี่ยนไป แขกดีอาจช่วยเติมความสดชื่นเบิกบาน แขกร้ายอาจนำเมฆดำมาสู่ ท้ายสุดแล้วเมื่อถึงเวลา เราก็ต้องส่งพวกเขาออกจากธรณีประตูและรั้วเรือนใจ ไม่มีแขกใดจะอยู่ในบ้านเราตลอดกาล หายใจเข้า ในยามนี้แขกใดมาเยือนเรา พวกเขานำสิ่งใดมาให้แก่หัวใจน้อยๆ นิดนี้ หายใจออก ยามแขกจากลา พวกเขาทิ้งร่องรอยใดบ้างแก่เรือนหัวใจ สกปรกเลอะเทอะหรือไม่ หรือสะอาดเอี่ยมอ่องเสียจริง เราผู้เป็นเจ้าของบ้านจะดูแลเรือนใจยามแขกแต่ละรายอำลาอย่างไร บางทีเราอาจเหนื่อยเสียหน่อยกับการเก็บกวาดเช็ดถู บางแขกมาอย่างยิ้มเริงร่าพายินดี แต่ทิ้งไว้ด้วยกองขยะและความยุ่งเหยิง บางแขกมาดร้ายไม่น่าคบหา แต่กลับพาบ้านสงบเงียบ แขกบางรายแต่งตัวดี นำอาหารไร้ประโยชน์มาฝาก แขกอีกรายแต่งตัวซอมซ่อ นำหนังสือบ่มปัญญามาฝากชั้นวาง ชีวิตแต่ละวัน และคืน เราต้องต้อนรับแขกคนแล้วคนเล่า หลายครั้งคราเราเผลอลืมตัวไปว่า พวกเขาเป็นเพียงแขก หาใช่เจ้าของบ้านไม่ บางครั้งเราโดนแขกมัวเมาจนเผลอไผลยกบ้านให้พวกเขาไป รู้ตัวอีกทีเมื่อเรือนใจเงียบงันด้วยแขกร้างลา ทิ้งความเปลี่ยวเหงาและบ้านสกปรกไว้ให้ ทุกลมหายใจเข้า … Continue reading ทักทายแขกเรือนใจ
อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๒
อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๒ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๕๕๘ อ่าน เขียน คิด เพื่อชีวิตผลิงาม พบกับความเรียงรางวัลธรรมวรรณศิลป์ “ความทุกข์เพื่อนแท้ ของข้าพเจ้า” บทความ “ทักทายแขกเรือนใจ” และอีกสาระในหน้าน้อยๆ ของอนุสารรายครึ่งเดือนจากสถาบันธรรมวรรณศิลป์ ลำดับบทความในอนุสาร ๐๒ ๑. งานเขียนรางวัลธรรมวรรณศิลป์ “ ความทุกข์ เพื่อนแท้ของข้าพเจ้า ” ๒. คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน “ ทักทายแขกเรือนใจ ” ๓. คอลัมน์ ธรรมะคือคุณากร ตอน “ ปฏิจจสมุปบาท ” ๔. คอลัมน์ ธรรมกวี { ธรรมวรรณศิลป์ มี ๒… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๒