อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๙

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๙ ณ สิงหาคม ๒๕๕๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ 
อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด   อ่านเพื่อประจักษ์ชีวิต ลิขิตเพื่อใคร่ครวญตน   ลำดับบทความในอนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๘ ๑. งานเขียนรางวัลธรรมวรรณศิลป์ เรื่อง ความทุกข์กับชีวิตของฉัน ๒. คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน ถ้อยคำของแม่ ๓. คอลัมน์ ปัญญามีความรัก ตอน ธงใจเหนือความกลัว   “คุณประโยชน์จากบทความในอนุสารฉบับนี้ ขออุทิศแก่คนดีและดวงวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมาก 
ซึ่งล่วงลับกับภัยร้ายในประเทศเราและไกลออกไป และขออุทิศแด่ดวงวิญญาณที่เสียสละตนบนเส้นทางแห่งมหาพรหม” บทความลมหายใจจับปากกานี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาเบื้องหลังการอบรม “เขียน = ปลดปล่อยชีวิต” ซึ่งครั้งนี้ได้ใช้เนื้อหาความเป็นแม่ เป็นหนึ่งในแกนหลักของกระบวนการ   ดาวโหลดอนุสารได้ที่ อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๙ https://www.dhammaliterary.org/wp-content/uploads/2015/08/อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๙.pdf   { ธรรมวรรณศิลป์ มี ๒ นัยยะสำคัญ… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๙

ถ้อยคำของแม่

  ายใจเข้า  ลมหายใจกระทบจมูก ช่องแห่งหัวใจรับรู้ เรารู้สึกแล้ว ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว การหายใจเกิดขึ้นมา ลมหายใจบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกาย เรากำลังมอบความรักแก่ชีวิตในปัจจุบันขณะ หายใจออก  เราโอบอุ้มร่างกายและจิตใจก่อนคลายออก โอบอ้อมกระแสลมสู่กายและคลายอ้อมจิตคืนสายลมสู่ธรรม เพราะมีแม่ จึงมีสรรพสิ่งต่างๆ เมล็ดพันธุ์ที่ร่วงหล่น ย่อมมีความเป็นต้นไม้ที่มา ในลูกนั้นย่อมมีแม่อยู่เสมอ ทว่าแม่นั้นมิใช่เพียงบุคคล เพราะเราเองก็มีแม่อยู่ในตนอีกด้วย เป็นผู้ให้กำเนิด บำรุงเลี้ยง อ้อมกอด และความรัก สิ่งเหล่านี้ดำรงในเลือดเนื้อและชีวิตชีวาลูกน้อย ขณะเราจรดปลายปากกา เราตั้งครรภ์ความคิดรู้สึกรู้สา คลอดถ้อยคำและเรื่องราวสู่โลกหน้ากระดาษ เราได้ชื่อเป็นผู้เลี้ยงดู คอยดูแลตรวจตราและปรับแต่งงานเขียน เรารับลูกคนนี้ไว้ในอ้อมแขน ถนอมและปกปักษ์รักษา มิให้ใครยื้อแย่ง หวงแหน เป็นเจ้าของชิ้นงาน เราอาจให้กำเนิดถ้อยคำเหล่านี้ ด้วยความรักและแรงสร้างสรรค์ หรืออาจคลอดเพราะใจอยากผลประโยชน์ หวังเงินทอง ความยินดี และการประกาศตัวตนให้เป็นที่ล่วงรู้ ความเป็นแม่ดำรงอยู่ในจิตใจ การถือกำเนิดเกิดขึ้นทุกขณะ ในชั่วพริบตา เรารับรู้ถ้อยคำนานา ความรู้สึกมาตกกระทบ ประสมเชื้อความจำในวันวานที่กอบเก็บ ตั้งครรภ์ความคิดนึก ปรุงแต่งเป็นตัวตน คลอดชีวิตเราในแต่ละวินาที เราต่างเป็นแม่ ผู้มีพลังสร้างสรรค์ มีมือที่สามารถหยิบยื่นและเพาะปลูกสิ่งต่างๆ แก่บ้านหลังใหญ่ เราสามารถประดิษฐ์ความคิด ความรู้สึก… Continue reading ถ้อยคำของแม่

“ในกงล้อมีเรา” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๑

    เล็ก ฉันได้อ่านจดหมายและงานเขียนจากเธอหลายชิ้นทีเดียวนะ ต้องขอบอกว่า ฉันวุ่นว้าใจเพียงใดที่รู้ว่าเธอช่วงนี้ ป่วยเกินกว่าจะตอบจดหมายและเขียนสิ่งใดเพื่อคนอื่นด้วยความรักที่เธอมี ฉันจึงตัดสินใจลองเขียนบ้าง เพราะเมื่อคนตื่น ย่อมปลุกสิ่งต่างๆ ให้ตื่นขึ้น เฉกเช่นดวงตะวันพาดอกไม้เปิดดวงตาแห่งความงดงาม เพราะเธอเขียน ฉันจึงลงมือขีดเขียน วันสำคัญของศาสนาพุทธเพิ่งผ่านไปอีกครั้งแล้วนะ แต่เธอรู้ไหมว่า มีหลักธรรมลี้ลับข้อหนึ่ง ซึ่งใครๆ มักไม่ค่อยกล่าวถึง และไม่มองลึกลงไปถึงแก่นใจความสำคัญ เรารู้ชื่อแต่เราไม่ค้นหาต่อว่าสิ่งใดได้แอบซ่อนอยู่ หลักธรรมข้อนั้นกล่าวถึงกงล้อ กงล้อที่หมุนวน เคลื่อนโลกและจักรวาลไปพร้อมกับหัวใจของเรา แต่ไม่ใช่เพียงการเวียนว่ายตายเกิด และ ไม่ใช่เพียงกงล้อของจิตด้วย ทั้งสองก็เป็นส่วนหนึ่งในนี้แหละ เป็นกงล้อที่สำคัญมากทีเดียว เรารู้จักกันในนาม กงล้อแห่งธรรมอันเป็นนิรันดร์ เรียกตามภาษาบาลีว่า “ธัมมจักกัปปวัตตน” กงล้ออันนี้ ไม่ได้สำคัญเพราะมหาบุรุษได้กล่าวหรอกนะ และมิใช่เพราะเป็นหนึ่งเทศนาแรกท่ามกลางคืนเพ็ญเดือนแปด แต่เพราะว่าฉันกับเธอต่างอยู่ในกงล้อนี้นี่แล เช่นเดียวกับพวกเขาและพวกเธอในโลกนี้ คือส่วนหนึ่งแห่งกงล้อธรรม ผู้ที่จะพาให้กงล้อนี้หมุนเคลื่อนไปอย่างไร หมุนไปตามหัวใจและโลกเรา ดูสิ พวกเราสำคัญมากเพียงใด เราอาจเคยคิดแต่ว่าพระสงฆ์คือผู้เผยแพร่พระศาสนา หรือพระผู้เป็นเลิศหรือผู้บรรลุธรรมขั้นสูงคือมือที่จะผลักกงล้อธรรมเคลื่อนไป ทั้งที่พวกเราคือส่วนหนึ่งในธรรมจักรนี้ ในธรรมจักรอันยิ่งใหญ่ มีจักรธรรมทั้งสี่อันเป็นทิศวิถีพาเราขับล้อหมุนในหนทางที่ดีงาม อันได้แก่สิ่งที่อยู่ภายนอกตัวเราและภายในตัวเรา ดังนี้ ๑ อยู่ในที่ที่ดี เหมาะสม และถูกกาละอันเกื้อกูลต่อชีวิตกับการเติบโตมิติต่างๆของเรา ๒… Continue reading “ในกงล้อมีเรา” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๑

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๘

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ๐๘ ณ สิงหาคม ๒๕๕๘ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ 
อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด ดาวโหลดได้ที่ อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๘ https://www.dhammaliterary.org/wp-content/uploads/2015/08/อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๘.pdf     อ่านเพื่อประจักษ์ชีวิต ลิขิตเพื่อใคร่ครวญตน   ลำดับบทความในอนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๘ ๑. งานเขียนรางวัลธรรมวรรณศิลป์ เรื่อง เสียงเพลงในแสงและเงา ๒. คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน พามือเธอวางที่สายธาร ๓. คอลัมน์ ปัญญามีความรัก ตอน ในกงล้อมีเรา     { ธรรมวรรณศิลป์ มี ๒ นัยยะสำคัญ {หนึ่ง วรรณศิลป์ที่ส่งมอบความดี ความงาม และความจริงแก่ผู้อ่านและสังคม สอง วรรณศิลป์ที่ขัดเกลาจิตใจและชีวิตผู้ประพันธ์นั้นเอง } อนุสารธรรมวรรณศิลป์ จึงประกอบด้วย ข้อชวนคิด และ ข้อชวนเขียน… Continue reading อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๘

พามือเธอวางที่สายธาร

  หายใจเข้า  ณ ปลายจมูก เราสัมผัสกระแสแห่งชีวิต กลุ่มละอองลมหายใจ ไหลคล้อยเข้ามา ลึกยาวเพียงใด ให้กายใจสัมผัสรับรู้ หายใจออก  ร่างกายและลมหายใจ สัมผัสอ่อนโยนก่อนลับลาจากกัน หากลมหายใจเรายังคงมิอาจวางใจแข็งเกร็งเกินผ่อนคลาย หรือเร่งร้อนรน ลองสัมผัสด้วยการรับรู้ ให้เวลากับการพบและพรากจาก อ้อยอิ่งในปัจจุบัน สัมผัสลมหายใจเข้าออกอย่างทะนุถนอมด้วยรัก ชีวิตเราเหมือนสายธารอย่างไร หากเรามีสมุดบันทึกส่วนตัว หรือมีสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งตนได้จารึกการเดินทางของหัวใจและชีวิต ลองย้อนไล่เรียงอ่านทวน จากวันนี้สู่วันวาน จากช่วงนี้สู่อดีต จากเดือนก่อนสู่ปีก่อน ราวเดินย้อนสายน้ำหาจุดเริ่มต้น ชีวิตเราเหมือนสายธารอย่างไร หายใจเข้า ตรึกตรองไว้ในหัวใจเรา สำหรับนักเรียนการเขียนเยียวยาหรือผู้สนใจบันทึกดูแลตนเอง หยิบอุปกรณ์ขึ้นมา เขียนใคร่ครวญ ชีวิตเราเหมือนสายธาร การเดินทาง การเปลี่ยนแปลง และความลื่นไหล หายใจออก ลมหายใจเราเหมือนกระแสน้ำอย่างไร ใช้กายใช้ใจอ่านรับรู้ แล้วค่อยคล้อยหายใจเข้าอีกครา เขียนการทบทวนด้วยลมหายใจเข้า  สัมผัสกระแสธารที่ไหลรินสู่ร่างกาย ลึกลง ลึกลง ก่อนอีกกระแสธารหนึ่งวกย้อนเดินทางออกมา สู่อากาศภายนอกและท้องฟ้าจรดไกล สิ่งใดใดในจักรวาล เป็นอย่างน้อยสองลักษณะในตัวเอง อยู่ที่บริบทและการสังเกต หนึ่งเป็นก้อน หรือเราอาจเรียกเป็นอนุภาค สองเป็นกระแสธาร หรือเราอาจเรียกว่าเป็นคลื่น ลมหายใจเรานี้ก็เป็นละอองธุลีในอากาศ ล่องลอยอยู่ในห้อง… Continue reading พามือเธอวางที่สายธาร

การเขียนบำบัดร่วมกับกระบวนการจิตปัญญาศึกษา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวี

การเขียนบำบัดร่วมกับกระบวนการจิตปัญญาศึกษา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวี สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ร่วมกับ กลุ่มเพื่อนรัก โรงพยาบาลบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ได้ศึกษาและรายงานผลการศึกษา การเขียนบำบัดร่วมกับกระบวนการจิตปัญญาศึกษา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวี ใน โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (Routine to Research) จังหวัดสมุทรปราการ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ณ อิมพีเรียล สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ เอกสารรายงานโครงการ *ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่เว้นได้รับอนุญาตจากผู้เกี่ยวข้อง ดาวโหลดเอกสาร โครงการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาผ่านการเขียนบำบัด กลุ่มผู้ต้องขังแดนหญิงในเรือนจำสมุทรปราการ เปิดหน้าเว็บไซต์ มองตนเองอย่างหม่นหมอง และ สภาพปัญหาที่พบ ผู้ติดเชื้อรู้สึกด้อยคุณค่า และ น่ารังเกียจ ผู้ติดเชื้อขาดแรงจูงใจรักษาตนเอง และไม่เรียนรู้พัฒนาตนเองจากปัญหา ผู้ติดเชื้อรู้สึกขาดความมั่นใจในการอยู่ร่วมกับสังคมและมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ ผู้ติดเชื้อขาดเจตจำนงเชิงบวกต่อการใช้ชีวิต ผู้ติดเชื้อไม่สามารถดูแลความรู้สึกเชิงลบในจิตใจ ผู้ติดเชื้อมีมุมมองเชิงลบต่อร่างกายตนเอง ผู้ติดเชื้อรู้สึกขาดอิสระ ขาดแรงบันดาลใจ และความฝัน กิจกรรมที่ดำเนินการ ระยะเวลา 6 เดือน มากราคม – มิถุนายน 2558   1. รับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ผู้ต้องขังหญิง (เรือนจำสมุทรปราการ… Continue reading การเขียนบำบัดร่วมกับกระบวนการจิตปัญญาศึกษา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเอชไอวี

อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๗

  ก้าวแรกก่อให้เกิดก้าวล่วงมา จากหนึ่งปฐมเทศนา ส่งอิทัปปัจจยตาธรรมจักรเคลื่อนพุทธวจนะ จากแดนหนึ่งสู่อีกแดน จากหนึ่งสู่ไพศาล ขจรขจายพุทธธรรมหล่อเลี้ยง อาสาฬหบูชา ยังเตือนเราถึงการเริ่มต้น มาจนถึงครานี้   อนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับที่ ๗ ณ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ (อาสาฬหบูชา) อนุสารรายครึ่งเดือน คืนเดือนเพ็ญและคืนเดือนมืด ดาวโหลดอนุสารได้ที่ อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๗ https://www.dhammaliterary.org/wp-content/uploads/2015/07/อนุสารธรรมวรรณศิลป์๐๗.pdf   ลำดับบทความในอนุสารธรรมวรรณศิลป์ ฉบับ ๐๗ ๑. งานเขียนรางวัลธรรมวรรณศิลป์ เรื่อง บันทึกอออิน ๒. คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา ตอน ใจแรกจับปากกา ๓. คอลัมน์ ธรรมกวี  

ใจแรกจับปากกา

  หายใจเข้า  เราเริ่มหายใจอีกคราครั้ง แม้เราหายใจมาหลายเวลา ก่อนหน้านี้ เรากำลังเริ่มหายใจใหม่ นี่คือลมหายใจแรกและลมหายใจสำคัญห หายใจออก  แม้เราพบเจออักษรนับหมื่นนับแสนหน เรากำลังเริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น การเริ่มต้นทำสิ่งใดเป็นครั้งแรก มักประทับไว้ในหัวใจเรานานนับนาน ประหนึ่งความรู้สึกแรกพบเป็นรากให้ต่อยอดความรู้สึกรู้สาในเวลาต่อมา เรากำลังสดใหม่ การรับรู้ทุกประสาทตื่นตัว หัวใจสนใจ มิมีร่องรอยความคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ก่อนหน้า ทุกอย่างจึงเป็นไปได้ ระลึกในใจระหว่างอ่านอักษรต่อไปนี้ เรากำลังพบสิ่งหนึ่งเป็นครั้งแรก สิ่งหนึ่งที่ว่านี้คือสิ่งที่เราชอบหรือมีคุณค่าต่อหัวใจ นึกถึงช่วงเวลาแรกพบกับสิ่งนั้น ชีวิตเราอยู่ในช่วงวัยใด พบกับสิ่งนี้อย่างไร ยามแรกพบพาใจรู้สึกอย่างไรบ้าง ตระหนักถึงความคิดและพลังที่เรามีในยามนั้น หายใจเข้า  ระลึกในใจระหว่างอ่านอักษรดังนี้ เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิตตอนนี้ ที่เรารู้สึกเบื่อ จำเจ หรือหมดพลังจะทำสิ่งนี้ต่อไป ตระหนักว่าเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ตอนนี้แล้วรู้สึกอย่างไร หายใจออก พาเราโบยบินย้อนวันเวลา ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ยามแรกพบระหว่างเรากับสิ่งนี้ เราพบเจออย่างไร ลองมองหรือคิดถึง ด้วยดวงตาใจแรกพบเจอ หัวใจรู้สึกอย่างไร เห็นอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ การทำสิ่งใดซ้ำๆ ย่อมทำให้คุ้นเคย และเชี่ยวชาญได้ ทำให้สิ่งที่ยากง่ายลง ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเหมือนแต่ก่อน การหัดเล่นเปียโนครั้งแรก นิ้วมือเราย่อมแข็งเกร็ง กว่าจะกดดนตรีเล่นนิ้วพลิ้วราวละลอกน้ำ ย่อมต้องผ่านความอดทนและบังคับนิ้วเนิ่นนาน แรกการเขียนก็เช่นเดียวกัน มือเราอาจยังเขินอายต่อหน้ากระดาษ มิรู้จะทักทายและจารึกถ้อยคำใด ความกลัวนานาปรากฏในหัวใจเรา… Continue reading ใจแรกจับปากกา

บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๗

“มีกล่องแต่ละด้านมีความแตกต่างกัน -ด้านแรกที่ทุกคนเห็นคือสีเหลือง รูปยิ้มแทนมุมทั่วไปที่ทุกคนเห็น -ด้านบนสีเขียวต้นไม้ แทนเรื่องความเป็นตัวเอง นิสัย -ด้านสีเทาดำ แทนปัญหาและข้อเสียของตัวหนู -ส่วนด้านที่ไม่เห็นแทนด้านที่คนสนิทที่เข้าใกล้ถึงจะเห็นไม่ใช่มองมุมเดียว คนทั่วไปก็เห็นสามด้านปกติ ที่เลือกภาพนี้แทนตัวเองเพราะจากการเรียนทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ คนเรามีหลายมุมถึงแม้บางคนเรามองภายนอกเป็นแบบนี้แต่จริงๆตัวตนอาจเป็นคนละแบบกับสิ่งที่แสดงออกมา หลังจากที่เรียนและได้วิเคราะห์แล้วก็รู้ตัวเองมากขึ้นว่าเราเป็นคนยังไง และมีข้อเสียที่ต้องแก้ตรงไหน ที่รู้สึกว่าตรงมากคือเรื่องหมีที่แทนความเป็นเรา และก็รู้ข้อเสียอีกอย่างที่ไม่เคยมองเห็นตัวเองคือรอบครอบจนบางครั้งเป็นการลังเลไม่แน่นอน ตัดสินใจช้าจนพลาด บางทีก็ตีกรอบให้ตัวเองมากเกินไป ไม่ชอบให้ใครมาล้ำเส้น ยึดมั่นความคิดตนเองวิชานี้ช่วยให้รู้จุดบกพร่องตัวเองเพื่อจะนำมาแก้ไขและแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นมากขึ้นในด้านดีและวิชานี้ก็ยังเป็นวิชาที่ผ่อนคลาย แต่ได้ประโยชน์”     / น.ส.สุทธิดา ประกอบธรรม ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา     “ความจริงแล้ว คนเรามีทั้งส่วนดีและไม่ดีในตัวเอง แต่เพราะเราแบกความคาดหวังมากเกินไป ทำให้เราเครียดพอทำผิดไม่กล้ายอมรับเพราะกลัวสิ่งดีภายนอกจะหายไป และเป็นเพราะเราเองด้วยที่กดดันตัวเอง ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง คิดว่าตัวเองต้องดี มันก็เลยสวนกับความต้องการ ลึกๆในใจ หลังจากที่ได้ระลึกถึงเหตุการณ์แล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนมุมมองใหม่ คือในเรื่องของการลงลึกถึงความรู้สึกภายใน และสัมผัสได้ถึงบุคลิกภายนอก ตัวเองอาจดูไม่มีอะไร แต่ไม่มีใครรู้ว่ายังโหยหาความรักความสบาย การมองเห็นหัวใจของตัวเอง ที่ทำให้เข้าใจตัวเองมากกว่าเดิม อยากบอกกับตัวเองว่าควรลด เลิก ละ ความอยากและความต้องการลงบ้าง เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่มีความสุขโดยไม่ต้องมีใคร นอกจากตัวเราเอง ในช่วงที่เริ่มบันทึกและเรียนรู้ แทบจะไม่รู้จักตัวเอง… Continue reading บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๗

บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๖

“สำหรับดิฉันคิดว่าตัวดิฉันเป็นคนที่อารมณ์ร้อนง่าย ขี้โมโหง่าย ขี้น้อยใจง่ายแต่ในบางมุมก็มีที่อ่อนไหวอยู่ ซึ่งคิดว่ามีคนที่จะเข้าใจยากในตัวดิฉัน บางครั้งก็คิดว่าเราเป็นคนที่เข้ากับผู้อื่นยากเพราะเป็นคนไม่ค่อยพูดหรือจะพูดกับคนที่สนิทเท่านั้น ทำให้เป็นคนที่มีเพื่อนน้อย อาจมีบางครั้งที่จะต้องไปไหนมาไหนคนเดียวก็มีเหงาบ้าง แต่ก็ยอมรับได้เพราะคิดว่ายังไงชีวิตนี้ก็ต้องมีบางมุมที่ทุกคนต้องอยู่คนเดียวให้ได้ จะพึ่งพาคนอื่นตลอดไปก็ไม่ใช่เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ในของตัวเอง และดิฉันคิดว่าทุกคนบนโลกล้วนเห็นแก่ตัวอยู่ที่มากหรือน้อยรวมถึงตัวดิฉันเองด้วย มีการแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อให้อยู่ได้ในสังคมซึ่งต่างจากสังคมเมื่อสมัยยังเด็กเป็นสังคมที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย เพราะทุกคนมีความจริงใจต่อกัน ยิ่งโตขึ้นดิฉันขึ้นเข้าใจในชีวิตมากยิ่งขึ้นอาจมีบางครั้งที่ชีวิตเราอยู่ในจุดสูงสุดวันนี้เรามีความสุขมากแต่พรุ่งนี้เราก็อาจจะทุกข์มากได้เช่นกันทุกคนล้วนต้องเจอ แต่ถ้ามองชีวิตเรากับบุคคลอื่นที่ไม่มีโอกาสเหมือนเรา ทำให้ดิฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาในชีวิตแบบนี้แม้อาจจะไม่สมบูรณ์ทุกอย่างแต่ก็ไม่ลำบาก…   “ดิฉันคิดว่าชีวิตเปรียบเสมือนนิยามเล่มนึง แม้จุดเริ่มต้นของนิยายไม่สามารถกำหนดเองได้ ให้สมบูรณ์แบบ อาจไม่ได้เกิดมามีพร้อม ทั้งชาติกระกูล ฐานะ หรือมีแบบใครเขาทุกอย่างเราไม่สามารถกำหนดเรื่องราวลงไปได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและวาสนา หน้าปกนิยายเป็นสิ่งชักชวนให้หลงใหลชวนให้คนอ่าน แต่ภายในเนื้อหาชวนให้คนติดตามเรื่องราวเนื้อเรื่องภายในเล่มเปรียบเสมือนชีวิตเราสามารถกำหนดเองได้ให้มันดีหรือร้ายอยู่ที่เราเลือกกระทำ…ในนิยายนั้นมีหลายบทแต่ละบทก็อาจแตกต่างกันออกไปเป็นประสบการณ์ชีวิต บางครั้งอาจถูกกฎระเบียบอยู่ในกรอบไปซะทุกอย่างและในบางครั้งชีวิตก็อาจมีนอกกรอบบ้าง ผิดพลาดไปบ้างแต่ดิฉันเชื่อว่าสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในบทถัดไปและทิ้งบทก่อนหน้าที่ไม่ดีไว้เป็นเพียงความทรงจำ เป็นเพียงบทเรียนให้เราได้เรียนรู้และแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ดิฉันเชื่อว่าทุกคนเกิดมานั้นไม่เคยไม่มีใครทำผิด แต่อยู่ที่ทำผิดแล้วจะปรับปรุงแก้ไขไหมจะปล่อยให้นิยายดำเนินเรื่องต่อไปแบบผิดๆไหม และในบางครั้งโอกาสก็ไม่ได้มีเสมอไปสำหรับความผิดพลาด ดังนั้นก่อนที่จะเขียนนิยายลงไปนั้นควรคิดให้ดีซะก่อน ดีกว่าต้องใช้ลิควิดลบน้ำหมึก เพราะมันทำให้กระดาษเปื้อนไม่สวยงาม หรือถึงขั้นต้องฉีดกระดาดออก และในชีวิตจริงคงไม่มีอุปกรณ์ใดๆที่ช่วยลบความผิดพลาดได้อย่างง่ายดายเหมือนในนิยาย ดังนั้นก่อนที่จะทำอะไรควรไตร่ตรองและคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่ว่าชีวิตนั้นผิดพลาดไม่ได้เลย ผิดพลาดได้แต่คิดว่าไม่ควรบ่อยจนเกินไป ควรนำความผิดพลาดในครั้งก่อนมาเป็นบทเรียนให้เขียนนิยายต่อไปได้อย่างสวยงามจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลบบ่อยๆ…”   / นางสาวลลิตา จุลนพ มหาวิทยาลัยบูรพา ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา   “อีกมุมหนึ่งของชีวิตจริงข้าพเจ้า คือ ตอนที่อาจารย์วิทยากรให้แก้ปมโดยให้กลับมาเป็นวงกลมแบบเดิมนั้น ข้าพเจ้าได้ค้นพบตัวเองว่า เมื่ออยู่กับคนหมู่มาก และเมื่อมีคนเสนอ หรือมีผู้นำ ข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะรับฟังและทำตาม… Continue reading บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๖