รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน

    เธอยังเป็นเพียงนักเรียนของโลกใบนี้ แม้จะเป็นครูของใครบางคนก็ตาม มีอีกมากที่อาจเชื่อว่ารู้ดี แต่ยังมืดบอดบางมุมที่ควรตรอง . สิ่งที่คิด วันหนึ่งก็แปรเปลี่ยน เธอหนีมันไม่ได้หรอกนะ บทเรียนของการเวียนว่ายจะแวะเวียน ท้วงทักให้แลเหลียวไม่ลดละ . เพราะไม่รู้ จึงหลงและอยากใคร่ สร้างคุกคุมขังใจของตน เธอโทษคนอื่นและระบบไม่ได้ ความรู้ที่มีไม่ช่วยให้หลุดพ้น . ความเข้าใจไม่เคยคงที่ เพราะใจเอยมิอาจคงทน รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน . เธอยังต้องเรียนรู้ ความคิดมิอาจเป็นใหญ่กว่าความจริง สิ่งที่เห็นแค่ส่วนเสี้ยวที่มองดู คำตอบ…ไม่ใช่จุดจบ . มีคำถามไว้…ให้ใจเปิด ฝากการเรียนรู้ดำเนินไป ความรู้แท้จริงเพื่อปลดปล่อย มิใช่เพื่อครอบครองค่าแก่ใจ . เธอรู้แน่ๆ นั้นไม่ยาก สัมผัสอะไรเกิดดับในตอนนี้ ดูให้เห็นอย่างแยบยล ตัวตนผู้รู้ก็ไม่มี . เป็นเพียงนักเรียนของโลก แต่เป็นครูของบางคน ขอแค่คำถามก็พอแล้ว คำตอบ… อย่ากอบไว้ให้ทุกข์ทน . . มองให้ดี ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น… นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน . . อนุรักษ์… Continue reading รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน

วาดเล่นๆ ดีต่อใจ | PunnSpace.com

  มาแล้ว ! “วาดเล่นๆ ดีต่อใจ” คอร์สออนไลน์ ลงทะเบียนครั้งเดียวเรียนตลอดชีพ ไม่จำกัดเวลา ???? คัดเนื้อหาบางส่วนจากหลักสูตร “Visual Notes เพื่อการเยียวยา” มาให้ศึกษาและลงมือทำในราคาย่อมเยาว์ ✍️ ฝึกทักษะการวาดลายเส้นพื้นฐานและเทคนิคจดบันทึกแนว Visual Notes เพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ฝึกการวาด คิดเป็นภาพ ทบทวนตนเอง และหาทางออกให้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ผ่านวิดีโอบรรยายกับการสาธิตกิจกรรมทั้ง 10 บท ในโครงการปัญญ์ สเปซ (PunnSpace.com) แหล่งเรียนรู้เพื่อทุกคน , สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ปีที่ 12   เนื้อหา ???? ประกอบด้วย บทที่ 1 : รู้จัก Visual Notes เพื่อการเยียวยา บทที่ 2 : Squiggle ขยุมเส้น บทที่ 3 : Shape Of… Continue reading วาดเล่นๆ ดีต่อใจ | PunnSpace.com

ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า

    คำบอกเล่าจากผู้เรียน รุ่นที่ 9   1 สิ่งที่ได้รู้จักตัวเอง . ♧ ไม่ว่าเราจะดูไพ่ให้ใคร ล้วนมาจากมุมมอง การโฟกัส การให้ความสำคัญต่อด้านนั้นๆของเราเอง สะท้อนตัวเราเองออกมา และคุณสมบัติ นิสัยของแต่ละคน ก็ล้วนมีอยู่ในตัวเรา แต่เราอาจแสดงหรือให้ความสำคัญต่อส่วนนั้นมาก น้อย ขึ้นกับสถานการณ์ ♧ อ่านตัวเองดีกว่าอ่านคนอื่น เพราะมัวไปติดกับความคาดหวัง ของผู้ที่ดูไพ่ด้วย ซึ่งเป็นนิสัยของตัวเองอยู่แล้วคือ ขี้กังวล คาดหวังอะไรเกินจริง . 2.ความประทับใจ . ♧เพื่อนๆเก่งกันมากเลยค่ะ ♧ ไม่ต้องอ่านไพ่แต่ละใบ จากความจำก็ได้ เพียงจำแค่สัญลักษณ์และความหมายของสัญลักษณ์นั้นผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ ♧ เห็นพรสวรรค์ของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ♧ แอบเห็นครูเครียด และใจร้อน (เคยคิดว่าครูไม่มีโมเมนต์นี้^^) และขำที่ครูเปิดไพ่ของตัวเองเรื่องปม ที่มี 4 ใบ พอเปิดไพ่มาครูพูดว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่งง 55555555 . ♧ วันเวลาที่มีน้อยลงเรื่อยๆค่ะ อย่าประมาท (เน้นบอกตัวเอง (แหะ))… Continue reading ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า

การยอมรับนำมาสู่การจัดการที่พอดี | PunnSpace.com

  การยอมรับนำมาสู่การจัดการที่พอดี สาเหตุที่การเขียนทำให้เกิดการจัดระเบียบในชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบและส่งเสริมความมีวินัยให้มากขึ้น เป็นเพราะการเขียนรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นหลายด้านทำให้เกิดการยอมรับความเป็นจริง การขาดการจัดการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนว่าเรายังขาดการยอมรับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อาจมีรายละเอียดที่เราไม่กล้าหาญเผชิญหน้า อาจเป็นเรื่องที่เราไม่มีความมั่นใจที่จะแตะต้องหรือดูแล อาจเพราะกลัวความผิดพลาด ความผิดหวัง หรือความไม่ดีพอ จึงเลือกที่จะไม่ใส่ในเรื่องนั้นๆ อย่างเต็มที่ บางทีสิ่งที่เราขาดการยอมรับอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ โดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับตัวเราเอง เช่นเราไม่ยอมรับว่าตนเองขี้เกียจจึงปล่อยปละละเลย หรือไม่ยอมรับว่าบกพร่องในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ยอมแก้ไข การไม่ยอมรับที่สำคัญซึ่งทำให้เราขาดการจัดการในเรื่องนั้นๆ อย่างเต็มที่ คือการไม่ยอมรับว่าเราสามารถดูแลจัดการได้ ไม่ยอมรับว่าตนเองมีความสามารถและประสบการณ์มากพอที่จะแก้ไขและพัฒนา การขาดการยอมรับความเป็นจริงอาจนำมาสู่การพยายามจัดการที่มากเกินไป การพยายามจัดการที่มากเกินไปนั้นคือการควบคุมให้เป็นไปตามใจหมายโดยไม่สนใจปัจจัยความเป็นไปได้และไม่ใส่ใจเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ รวมทั้งการพยายามที่ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่างๆ เกิดขึ้นเพราะไม่ได้มองความเป็นจริงอย่างที่เป็น จึงมีท่าทีต่อสถานการณ์อย่างไม่สอดคล้องเหมาะสม ดังนั้นเราจึงควรมีการเขียนและเครื่องมืออื่นๆ ในการตรวจสอบพิจารณาความจริง ทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรับฟังมุมมองที่หลากหลายเพื่อให้เราสามารถดูแลหรือจัดการให้พอดี โดยไม่ยึดติดกับมุมมองใดมุมมองหนึ่งหรือความรู้สึกมากเกินไป การไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็เป็นการหลับตาใช้เงิน เราไม่เห็นภาพรวมและสถานการณ์ที่เป็นจริงว่ามีเงินได้มีเงินเสียมากน้อยเท่าใด มีลักษณะการจ่ายและการรับเข้ามาอย่างไร เมื่อไม่รู้จริงก็ทำให้ไม่สามารถวางกลยุทธ์ในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกันกับการจัดการเรื่องอื่นๆ การรู้ข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนจึงนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง   อ่านต่อได้ที่ “เขียนพิชิตความสำเร็จ” บทที่ 5 หนังสือกึ่งคอร์สออนไลน์ เพื่อสนับสนุนโครงการปัญญ์ สเปซ https://punnspace.com/p/wrtiingforsuccess​  

ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…

    1 ดีของเรา ชั่วของเขา เป็นธรรมดา . เหตุผลอะไรที่ทำให้เรามักเชื่อว่าสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง จะต้องดีสำหรับคนอื่น แม้ลึกๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม . ใช้ความรู้ตามหลักพุทธศาสนาอธิบาย เหตุผลนั้นก็เพราะเรามี อคติ สองอย่างที่เรียกว่า ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะพึงพอใจ กับ โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลงและความไม่รู้ . พึงพอใจกับสิ่งใด เราก็คิดไปว่ามันจะต้องดี ดีสำหรับตนเองไม่พอ ต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย . หลงกับความคิดความเชื่อใด เพราะใจยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงในกฏแห่งธรรมชาติ ย่อมด่วนตัดสินตีความว่ามันจะต้องเป็นแบบที่เราคิดสำหรับทุกคน  . อคติเหล่านี้เกิดจาก สาม พ. คือ เพลิดเพลิน พอใจ และพะเน้าพะนอ . เพลิดเพลินในการรับรู้และการเสพความคิดนั้นๆ พอใจชอบใจกับสิ่งดังกล่าว และการคลุกคลีเอาใจไปเกลือกกลั้ว หรือเรียกว่า พะเน้าพะนออยู่กับมัน จนทำให้จิตปรุงแต่งไปเอง . เหตุผลทางจิตวิทยา คือความต้องการเป็นคนสำคัญ และอยากให้คนอื่นสนใจตนเอง  . เกี่ยวข้องกันอย่างไร… เพราะสิ่งที่เชื่อว่าดี จิตมักนำมาเป็นตัวแทนของตัวตนและคุณค่าของตนเอง… Continue reading ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…

ยิ่งเรายึดถือตัวตนของตัวเองไว้เพียงใด เราก็เป็นเผด็จการต่อร่างกาย หัวใจ และผู้อื่นมากเท่านั้น

    มิว่าการเมืองภายนอกหรือภายในจิตใจ ต่างอยู่ในความเป็น “อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา” หมายถึง ไม่แน่นอน มีเสื่อมไป และไม่ใช่ตัวตน มีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปตามปัจจัยมากมาย เหมือนธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายทั่วไป ใจคนเราไม่แน่นอน การเมืองก็ไม่เคยแน่นอน . ความเป็นธรรมชาตินั้น จากร้อนไปหนาว หนาวแล้วร้อน อ่อนไปแข็ง แข็งแล้วอ่อน มีสองขั้วของสิ่งต่างๆ สลับหมุนเวียนไปมาเป็นวัฏจักร เรียกขั้วที่มีสภาพแบบอ่อนว่า “หยิน” เรียกขั้วที่มีสภาพแบบแข็งว่า “หยาง” ตามหลักปรัชญาเต๋า . การเมืองก็ดี มีสองขั้วที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมีบทบาท อาจเรียกขั้วหนึ่งว่าประชาธิปไตย อีกขั้วคือเผด็จการ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ขั้วใดเหวี่ยงสุดโต่งไปทางหนึ่งแล้วก็ย่อมแกว่งกลับมาอีกขั้วหนึ่ง เมื่อสังคมสุดโต่งไปทางประชาธิปไตย จนขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เน้นประชานิยมจนขาดวินัยการปกครอง กฎหมายย่อหย่อน เพราะสังคมมีความอ่อน หรือ “หยิน” มากเกินไป ถึงวันหนึ่งการเมืองย่อมถูกเหวี่ยงไปอีกขั้วที่แข็งกว่า เรียกว่าเป็น “หยาง” มากกว่า มิว่าด้วยการรัฐประหาร การชุมนุม หรือกลไกต่างๆ แปรสภาพการปกครองเป็นความเข้มงวดและเผด็จการมากขึ้น จนกว่าจะถูกเหวี่ยงไปเป็นอีกขั้วอีกครั้ง สลับกันเช่นนี้หยินหยางในทางการเมือง . ในจิตใจก็มีสองขั้วนี้อยู่ด้วย บางทีเราใจอ่อนเกินไป… Continue reading ยิ่งเรายึดถือตัวตนของตัวเองไว้เพียงใด เราก็เป็นเผด็จการต่อร่างกาย หัวใจ และผู้อื่นมากเท่านั้น

สิ่งที่ได้รับและรายชื่อผู้ผ่านอบรม “เขียนเยียวยา” ประจำปี 2563

  “รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม ตอนแรกคิดว่าตัวเองแย่มาก เป็นคนป่วยทางใจถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างตัวเองต้องดิ่งเหวแน่ๆ และทุกอย่างก็จะพังทลายหมด ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความทุกข์ของตัวเอง ครั้งแรกที่เริ่มเขียนบันทึก เหมือนเป็นการทบทวนถึงช่วงเวลาที่มีความสุข ซึ่งเราสัมผัสด้วยใจของตัวเอง การเขียนบันทึกครั้งที่สอง ครั้งที่สาม สี่และห้า และครั้งต่อๆมาเหมือนเป็นการมองตัวเองและใช้เวลาค่อยๆทบทวนตัวเองอีกครั้ง การระบายความทุกข์ด้วยลายมือตวัดรวดเร็วบางครั้งถึงขั้นอ่านไม่ออกด้วยซ้ำ แต่เมื่อลงมือเขียนในข้างที่ไม่ถนัดเรากลับมองเห็นความคิดและการกระทำของตัวเองชัดขึ้น และมีข้อสรุปเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นจนนำไปสู่มุมมองและการปฏิบัติต่อกายและใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องการเยียวยาจิตใจ เริ่มแสดงพฤติกรรมที่ไม่หลีกหนีสภาพอันไม่พึงประสงค์ ยอมรับและอยู่กับมัน เป็นการยืนอยู่บนฐานความเป็นจริงไม่ใช่การคาดหวังกับสังคมอุดมคติอย่างที่เคยเป็นมาก่อน . “สิ่งที่ประทับใจ คือ การคิดของตัวเองเริ่มจัดเรียงเป็นระบบ มีทิศทางไม่ฟุ้งกระจายเหมือนอย่างแต่ก่อน ความหงุดหงิด ไม่พอใจ ลดลง และทำให้ความสัมพันธ์โดยเฉพาะกับคนในครอบครัวดีขึ้น หัวใจรู้จักการปล่อยวางทุกครั้งที่เห็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ คำว่าใครทำอย่างไรคนนั้นย่อมได้รับผลของตัวเองทุกครั้ง รู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ มีบางอย่างที่ไม่รู้ตัวนั่นคือการตอกย้ำด้านลบของตัวเอง โดยการบอกว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ไร้ค่า แต่ตอนนี้เห็นแล้วค่ะ และเห็นด้วยว่าตัวเองเป็นคนกล้าหาญในยามเผชิญวิกฤติปัญหา เราเองสามารถเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้เช่นกัน ไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่คิด” . คุณสลักจิต (กบ) อาชีพ พนักงานของรัฐ . . “สิ่งที่ได้รับจาการอบรมเขียนเยียวยาในครั้งนี้ อย่างแรกคือ การเห็นคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ จากเดิมที่ความคิดอยากหายไปโลดเเล่นอยู่ในหัว เมื่อได้กลับมาทบทวนเเละอยู่กับตัวเองอย่างไม่ดิ้นรน ไม่สู้ไม่หนีความรู้สึกเเย่ๆที่เกิดขึ้น ฟังเสียงร่างกาย เเละปลอบโยนร่างกาย ทำให้ความคิดอยากฆ่าตัวตายหายไปในพริบตา… Continue reading สิ่งที่ได้รับและรายชื่อผู้ผ่านอบรม “เขียนเยียวยา” ประจำปี 2563

เขียนบำบัด ปฏิวัติการเมือง จากหัวใจ

    เขียนบำบัด ปฏิวัติการเมือง จากหัวใจ   ท่ามกลางความขัดแย้ง ปัญหาสถานการณ์ ทางสังคม การเมือง และแม้แต่ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เราทุกคนเหมือนกำลังใช้ชีวิตอยู่กับกองเพลิง… ภาวะโลกร้อนระอุ เราจะดูแลตัวเองไม่ให้มอดไหม้ไปเสียก่อนได้อย่างไร ?   ชุด E-Book ฟรี แบบชวนบันทึกดูแลจิตใจและรู้จักตนเองท่ามกลางความขัดแย้งในสังคมและปัญหาที่พบเจอในชีวิต มีสามภาค เชื่อมโยงสถานการณ์ทางสังคมสู่จิตวิทยาเชิงลึก เพื่อสร้างพลังการเปลี่ยนแปลง เป็นสื่อแรกๆ ที่ทำให้คนเริ่มรู้จัก เขียนเปลี่ยนชีวิต   เริ่มเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2556 – 2557 บางส่วนของหนังสือมาจากสมุดบันทึกส่วนตัวที่ผู้เขียนจดบันทึกเพื่อดูแลตนเองระหว่างความตึงเครียดทางสังคมที่ส่งผลมาถึงจิตใจและร่างกาย     อ่านรายละเอียดในเว็บไซต์ https://punnspace.com/p/writingforsocialchange    

ดอกไม้และความหวัง พิมพ์ครั้งที่ 2

  หลังจากตีพิมพ์ฉบับภาษาไทยครั้งแรกที่ถูกลิขสิทธิ์และครบถ้วนเนื้อหาทั้งหมดเมื่อ 8 ปีก่อน ณ บัดนี้ หนังสือแห่งความหวังได้กลับมาอีกครั้ง . วางแผงแล้ว ! ดอกไม้และความหวัง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยสำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย ซื้อได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หากต้องการจัดซื้อจำนวนมาก ติดต่อที่ช่องข้อความ www.facebook.com/ThaiHopeForTheFlowes/ . พิมพ์ครั้งที่ 2 มีเนื้อหาใหม่ที่ไม่มีในฉบับพิมพ์ครั้งแรก นั่นก็คือจดหมายจากผู้เขียนถึงผู้อ่านชาวไทยโดยเฉพาะ และยังเป็นการตีพิมพ์ในวาระครบรอบ 50 ปีของตัวละครแก้วลายกับเหลืองนวลอีกด้วย . “นี่คือเรื่องเล่า ส่วนหนึ่งว่าด้วยชีวิต อีกส่วนว่าด้วยการปฏิวัติ (ที่แท้จริง) และมากล้นด้วยความหวัง” . เขียนโดย Trina Paulus หนังสือเพียงเล่มเดียวที่เธอเขียนจุดประกายความหวังและการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ได้รับการแปลไปกว่า 20 ภาษา    

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้

    ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ อะไรที่เกิดก็ต้องดับ อะไรที่มาก็ต้องไป อะไรที่ได้ก็ต้องเสีย อะไรที่รุ่งก็ต้องร่วง อะไรที่เจอก็ต้องจาก อะไรที่สมหวัง วันหนึ่งก็ผิดหวัง . ผ่านพ้น เพื่อเปิดทางให้สิ่งใหม่ ล้มลง แล้วลุกเพื่อเริ่มต้น ผุพัง แผ้วถางให้ก่อเกิด เลวร้าย ล่วงมาเพียงชั่วคราว . ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เห็นอะไรว่ามีตัวตน วันหนึ่ง วันหน้าก็รู้ว่าไม่มี แม้ทุกข์ที่ต้องทน เดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป แม้สุขสมในวันนี้ เดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป . ธรรมชาติ สอนธรรมชาติ ความเสียใจ สอนใจที่เสีย อะไรที่เป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนั้น เมื่อถึงเวลา เปลี่ยนไปตามเวลา . สูงแล้วก็ต่ำได้ เท่าเทียมก่อนผกผัน ด้อยกว่าไม่ช้าเด่น พิเศษเพื่อธรรมดา ที่ว่าแน่ รอให้แย่ ตกต่ำเดี๋ยวไต่ขึ้น ชีวิตเป็นเช่นนี้ เรียก “ตถตา” . เธอไม่ต้องทำอะไร แค่เรียนรู้ เฝ้ามองดู ทำความเข้าใจ มิมีคุณค่าใด ให้รักษา… Continue reading ชีวิตก็เป็นเช่นนี้