ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรม ✏️ “เขียน ปล่อย วาง” ครั้งที่ 6 ที่ได้เข้าเรียนในคืนวันที่ 23 – 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา รวมเป็นจำนวน 172+ ท่าน (ลืมถ่ายภาพหมู่ตอนอยู่ครบ ได้ถ่ายนาทีสุดท้าย 😂) และขอบคุณผู้เรียน 81 ท่านที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้ 🙏
กิจกรรมมนี้เป็นการต่อยอดและผลิผลจากหลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต และ เขียนภาวนา เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาวะทางจิตใจและปัญญา โดย ครูโอเล่ และทีมงาน สถาบันธรรมวรรณศิลป์
“รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม รู้สึกดีใจที่ตัวเองตัดสินใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมนี้และรู้สึกอยากขอบคุณคุณครูโอเล่เป็นอย่างยิ่งค่ะที่ได้สร้างกิจกรรมนี้ รู้สึกเข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้วิธีการปล่อยวางสิ่งที่ตนเองแบกไว้ และรู้ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไรและสิ่งที่เราอยากทำคืออะไร กิจกรรมนี้ทำให้ตัวเองรู้ว่าต่อไปเราต้องทำใจให้นิ่ง หากมีเรื่องว้าวุ่นให้ใช้ลมหายใจเป็นตัวกำหนดสติเพื่อให้เราหยุดนิ่งก่อนเพื่อช่วยให้เราได้คิดทำในสิ่งที่สำคัญๆแล้วปล่อยวางในบางสิ่งที่อาจจะไม่ได้สำคัญพอในการใส่ใจหรือแบกมันไว้”
“คำถามและโจทย์ที่ครูใช้ดูเหมือนเรียบง่ายแต่ทรงพลังมาก ได้เข้าไปแตะตัวตนของตัวเองอย่างลึกซึ้งในหลายแง่มุม เพื่อนร่วมกิจกรรมก็มีความเป็นมิตร เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ได้รับสารที่สำคัญกับตัวเอง คือ จงปล่อยวางให้มากขึ้น สำรวจในแง่มุมต่างไป และทำงานกับตัวเองให้มากขึ้น”
“รู้สึกเข้าใจความรู้สึกของตนเองมากขึ้น จากการได้ตั้งสติทบทวน ไตร่ตรองความคิดผ่านการเขียน ทำให้ความรู้สึกเกิดเป็นรูปธรรม ได้ปลดปล่อยความกังวลใจออกมาเป็นตัวหนังสือ แม้จะยังไม่ได้แก้ไขปัญหา แต่ได้รับรู้ความคิด แยกแยะ เข้าใจและปล่อยวางมากขึ้นได้”
“รู้สึกได้ปล่อยวางความคิดและได้เข้าใจหัวใจของตนเอง ได้รับมุมมองใหม่ๆในการเขียน การเขียนทำให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น”
“เข้าร่วมกิจกรรมแล้ว รู้สึกตระหนักรู้ให้ใช้ชีวิตช้าลง
สิ่งที่ได้รับคือ
~ปล่อยวางความเคยชินเดิมๆ ได้ทดลองทำสิ่งที่ไม่ถนัด
~ปล่อยวางความผิดถูก
~ปล่อยวางความสมบูรณ์แบบ
*ฝึกเขียนตามลมหายใจออก
เป็นประโยชน์มาก”
“เข้าร่วมกิจกรรมแล้วรู้สึกแปลกใหม่เพราะไม่เคยทำ และ ตอนแรกรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะเขียนได้หรือเปล่า แต่พอได้ลองรู้สึกดีมากค่ะ”
“มันชัดเจนเหมือน มีคนพูดในใจ บอกว่าให้ “ลดความคาดหวังในสิ่งที่ทำลง…แค่ทำทุกอย่างด้วยความสุข เหมือนกับจุดเริ่มต้น” สิ่งนี้ค่อนข้างชัดเจนมาก และเราได้บอกขอบคุณหัวใจว่า “ขอบคุณนะที่บอกเรา เราได้ยินสิ่งนี้แล้ว” จากสิ่งที่เขียนมา พอมาเปิดย้อนอ่านและทบทวนแล้ว มันคือสิ่งที่เรียกได้ว่า มันอาจจะคือ สิ่งที่เราคิดอยู่ คือการลังเลสงสัย หรือการคาดหวังในตัวเองมากเกินไป จนทำให้เรามีคำถามมากมายกับตัวเอง… วันนี้เราได้คำตอบแล้ว อย่างน้อยมันคือ เสียงในใจที่บอกเราค่ะ”
“รู้สึกว่าเราได้สัมผัสใกล้ชิดกับใจตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะ การเขียนสัมผัสใจ ชัดเจนมากค่ะ สิ่งที่ได้รับจากการฝึกนี้ คือ การฝึกแบบมีสติ ใช้สติก่อนบรรจงลงปากกา ทำให้เราหยุดไล่ตามความคิด โดยเฉพราะ สิ่งที่เขียนตอนหายใจออก เหมือนการปล่อยลมหายใจ คือ การปล่อยวางความคิดของเราค่ะ”
“รู้สึกกังวลในช่วงแรกแต่พอได้ทำแบบฝึกหัดก็กลับมาเท่าทันใจและปล่อยวางได้มากขึ้น ได้รับคำตอบว่าเรายึดเรื่องผลลัพธ์กับความสมบูรณ์แบบมากเกินไปจนลืมความสุขในการทำ”
“เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้จักความคุ้นชินภายในของเราเวลาเผชิญความทุกข์ หรือ พบปัญหา ได้วิธีการ ปล่อยวางความคิด ความไม่สบายใจ ผ่านการเขียนในรูปแบบต่างๆ ได้เข้าใจ ว่า ทุกคนล้วนมีความทุกข์ ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์จากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้ตระหนักรู้ ตัวตนของเราผ่านกิจกกรรมต่างๆ”
“ได้ค้นพบว่า การเขียนโดยวิธีที่ได้เรียน เป็นเครื่องมือ ในการสื่อสารกับภายในของตนเองที่น่าสนใจ… ระหว่างการฝึกได้ค้นพบว่า มีความเข้าใจและความรู้สึกบางอย่างแอบซ่อนอยู่ภายในโดยไม่รู้มาก่อน.. แต่ปรากฏออกมาระหว่างการเขียน. ทำให้รู้สึกทึ่งและสนใจที่จะฝึกเขียนภาวนาต่อไป”
“ความรู้สึกที่ได้กลับมาเขียนระบายความรู้สึกเป็นช่วงที่กำลังมีความกังวลไม่สบายใจพอดี พอได้เขียนระบาย วาดรูปเยียวยาดูใจตัวเองทำให้เห็น ปล่อยวางความคิดที่ทำให้ทุกข์ได้ อารมณ์ดีขึ้น พออีกวันได้มาฝึกเขียนแบบภาวนาแบบใช้มือข้างที่ไม่ถนัด ทำให้เห็นจิตช้าลงได้ แต่พอมี เงื่อนไขที่เขียนได้เฉพาะช่วงหายใจออกทำให้เห็นตัวเองตอนที่อ.โอเล่มาเฉลยตอนหลัง ว่าเราเป็นเช่นนี้เองยังมีทั้งอารมณ์โลภ โกรธ หลง555 สนุกมากค่า”
“รู้สึกประทับใจมากค่ะ เป็นสองวันที่มีคุณค่า ได้รับประโยชน์อย่างมากค่ะ ทำให้เราได้มองเห็นตัวตนในอีกมุมนึงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนได้คุยกับจิตใต้สำนึกผ่านตัวหนังสือ ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ทั้งที่ปกติเป็นคนไม่ชอบเขียนหนังสือหรือจดบันทึกต่างๆ แต่เมื่อได้เข้ามาเรียนก็เปลี่ยนความคิดไปค่ะ เพราะได้ข้อคิดดีๆ มากมายจากการเขียนผ่านกิจกรรมต่างๆ เวลาทำกิจกรรม ก็รู้สึกเหมือนได้สมาธิไปด้วย เพราะจิตจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือ ได้พักสมองจากเรื่องว้าวุ่นรายวัน เห็นความคิดเกิด-ดับ ได้ชัดเจนกว่าการปฏิบัติสมาธิที่ทำอยู่ตามปกติค่ะ และรู้สึกเหมือนได้ลดความเป็นตัวตน ผ่านการแชร์ประสบการณ์ในกลุ่มย่อย รวมทั้งได้ข้อคิดดีๆจากสมาชิกท่านอื่นๆด้วยค่ะ”
“ได้รับประสบการณ์ที่ดีอย่างมากค่ะ เห็นคุณค่าของการเขียนที่นำมาช่วยในการบำบัดและการภาวนาได้อย่างน่าอัศจรรย์… ช่วยดึงจิตให้ช้าลง เหมือนได้คำตอบให้ตัวเองจากเบื้องลึกของจิตใต้สำนึก และเหมือนเราถอยออกมาเห็นความคิดที่พรั่งพรูแต่ก็สามารถดับความคิดนั้นได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ได้รับข้อคิดต่างๆที่ดีมากๆ ที่อาจารย์ได้สรุปให้ฟังในตอนท้ายของทุกกิจกรรม ช่วยเตือนใจและดึงสติได้ดีมากๆเลยค่ะ ”
“รู้สึกมหัศจรรย์ในศักยภาพแฝงที่ตัวเองมีอยู่ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็มีแต่จะรู้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดใจลองลงมือทำสิ่งต่างๆ ได้รับแรงบันดาลใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอย่างสร้างสรรค์ ได้รับเครื่องมือและเทคนิคในการเขียนอย่างสนุกผ่อนคลายเขียนไปเขียนมาได้ปัญญาเฉยเลย”
“ได้รับแนวทางการสื่อสารกับตัวตนภายในที่จะนำมาใช้ต่อไป เพื่อกระเทาะเปลือกออกจากโลกสมมุตินี้ ขอบคุณที่จัดให้มีการอบรมดีๆ ดีต่อใจแบบนี้นะคะ”
“รู้สึกว่าจิตได้ปลดปล่อยความคิดที่มากมายผ่านการเขียนค่ะ และรู้สึกได้เทคนิคในการเขียนเพื่อปลดปล่อย ทั้งช่วยปล่อยวางและภาวนา ตอนเขียนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว ถ้าเทียบกับการนั่งสมาธิ ทำให้รู้สึกเป็นกิจกรรมที่ทำง่ายกว่าการนั่งสมาธิค่ะ ได้ช่วยปล่อยวางความคิด ความยึดติดในสิ่งที่เราคิดว่าเราจะต้องทำให้ได้ แม้เป็นสิ่งที่ดีที่เราต้องการ ว่าจริงๆ เราก็ไม่ควรยึดติด ได้รู้สึกว่าการเขียนให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด ได้คำตอบบางอย่างเหนือจากความคิดเรา พอเขียนไปเรื่อยๆ ทำให้ได้มุมมองใหม่ๆ ได้หลับสนิทและรู้สึกว่าหลับยาวนานขึ้นค่ะ โดยไม่ลุกกลางดึก
เป็นสิ่งที่แปลกที่ได้รับตั้งแต่คืนแรกเลยค่ะ ได้ความมั่นคงและสงบเสมือนนั่งสมาธิภาวนาเลยค่ะ และเหมือนได้ฝึกสติอย่างมากด้วยค่ะ”
“เข้าร่วมกิจกรรมเขียน ปล่อย วาง แล้วรู้สึกได้กลับมาอยู่กับตัวเอง เห็นตัวเองมากขึ้น ทั้งด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ด้านร่างกาย การปล่อยวางเพื่อให้เกิดความสมดุล รู้สีกได้เดินทาง ได้รับเครื่องมือพาใจสงบ เสียงของครูโอเล่นำพาใจดีมากค่ะ”
“ความรู้สึกที่ได้หลังจากเรียนคือเยอะมาก อึ้ง ตื่นเต้น ช้อค ซาบซึ้ง ดีใจ ปิติ ตกใจ ตื่นเต้น สับสนแล้วก็เข้าใจ แล้วก็รู้สึกขอบคุณ สิ่งที่ได้จากวันนี้และทำให้ช้อคที่สุดคือได้คำตอบของชีวิตที่สงสัยและพยายามหาคำตอบมานานสักพักแล้ว หัวคิดอีกอย่างใจคิดอีกอย่าง แต่พลังงานไม่ไปด้วยกัน สับสนจนเริ่มรู้สึกเศร้าลึกๆ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เรียนไปจะทำให้ไปเจอปัญญา ที่มาจากจิตลึกๆของเราเองจริงๆ ยิ่งกว่าเจอนักจิตที่เก่งๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่การเขียนจะทำให้ได้ How to ในการปล่อยวาง ละอัตตา และการทำวิปัสสนาได้ง่ายและเป็นธรรมชาติขนาดนี้”
“ได้รับอะไรจากการเรียนครั้งนี้ เหมือนได้รับกระจกบานใหญ่มากที่สะท้อนทุกอย่างให้เห็นชัดสุดๆเลยค่ะ รับรู้ได้ถึงความเมตตาของครูที่อยากสอนสิ่งใดๆเหล่านี้ ตอนนี้เห็นภาพตัวเองที่ได้ฝึกบ่อยๆ คิดว่าน่าจะได้เจอตัวเองในเวอร์ชั่นที่จะชอบตัวเองมากขึ้นค่ะ🙏🏻”
“หัวข้อในการเขียนแต่ละครั้ง มันอิแพคมาก มันทำให้เข้าใจธรรมะในระดับความรู้สึกเลยค่ะ แล้วเราจะเจอว่าที่เราบอกว่าเรารู้แต่ทำไมเราทำไมได้ เพราะเรารู้แค่ความคิดนั่นเอง แต่พอรู้ เข้าใจจากความรู้สึกจริงๆ แค่นั่งเขียนด้ววมือซ้ายลายมือหงิกๆกลายเป็นได้ไปเจอปิติแบบคนนั่งแล้วเป็นสมาธิ เฉยเลย หนูน้ำตาไหลเลย… ขอบคุณครู และทุกๆคนอีกครั้ง ใครจะเชื่อว่าสิ่งนี้คือฟรี ความรู้และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่อยากจะแบ่งปันจากคนที่ไม่เคยรู้จักอะไรกันมาก่อน แต่มาให้ฟรี!!!! เป็นมหากุศล เป็นความรักและแสงสว่างที่มาช่วยผู้คน และมาช่วยชีวืตหนูจริงๆ ขอบคุณมากๆจากจิตวิญญาณเลยค่ะ”
“ได้กลับมาฟังเสียงหัวใจตัวเอง พบคำตอบบางอย่างที่ปิ๊งแว๊บขึ้นมา ได้ปลดปล่อย ปล่อยวางบางสิ่งที่ลอคอยู่ และได้รู้ว่าต้องปล่อยวางอะไรอีกเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้เริ่มเขียนอีกครั้งค่ะหลังจากไม่ได้เขียนบันทึกมานาน ได้รู้วิธีการเขียนแบบ free writing ได้รู้ว่าการเขียนมือข้างไม่ถนัดมีประโยชน์”
“รู้สึกดีที่ได้ร่วมโครงการเขียนบำบัด เพราะได้เรียนกับครูที่ไม่คุ้นชิน ตามแนวทางการเขียน ที่นำไปสู่การภาวนา ได้แชร์ความรู้กับคนที่ไม่รู้จัก ทั้งชื่อและหน้าตา ทำให้รู้สึกอิสะ ปล่อยวาง ได้รับเทคนิควิธีการเขียนแบบปล่อยวาง ก้าวข้ามความเคยชิน และความคุ้นชิน จนจบตัวตนอีกด้าน ได้วิธีการฮีลใจ รู้จักตัวเอง ว่ามีอีกด้านที่น่าหลงไหล ได้วิธีการเข้าถึงตัวเองค่ะ”
“ชอบตั้งแต่การตั้งนามสมมติเลย เพราะเราจะสามารถเป็นใครก็ได้เราจะได้เป็นใครที่คนอื่นไม่รู้จัก ได้อยู่กับความคิดตัวเอง ได้ตามความคิดตัวเองไป มีสมาธิโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น บางทีตามความรู้สึกตัวเองไม่ทันมันฟุ้งมันเยอะเหมือนอยากตะโกนออกมาเลยด้วยซ้ำ รู้สึกสบายใจที่ได้ระบายออกมาผ่านตัวหนังสือหรือเส้นที่ตัวเองสร้างขึ้นและเก็บเป็นความลับกับตัวเองต่อไป ได้รู้จักตัวเองข้างในลึกๆมากขึ้น เป็นกันเองกล้าที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิด ช่วงได้เขียนมือซ้ายได้ค่อยๆคิด อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ฟุ้ง อยู่กับปัจจุบัน ได้แลกเปลี่ยนความเห็น ความคิดของผู้เข้าร่วมอบรม มุมมองที่กว้างขึ้น ช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น มีทั้งชัดเจน และค้นพบสิ่งใหม่ ฝึกปล่อยวาง”
“เข้าร่วมแล้วรู้สึกมีประโยชน์มากค่ะ รู้สึกได้ฮีลใจตัวเอง มีความเข้าใจและกลับมาอยู่กับตัวเองมากขึ้น รู้สึกเบาใจขึ้น และให้ความสำคัญกับลมหายใจ ความรู้สึกตัวเองมากขึ้นค่ะ ขอบคุณครูมากๆนะคะ”
“สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คือ เทคนิคการเขียนบำบัด และการเขียนภาวนา ซึ่งทำให้เราได้มีโอกาสได้ทบทวนการใช้ชีวิตของตนเอง การไม่ยึดติดตัวตน คุณค่า และสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้น แต่หันมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ลงมือมือ รับรู้ และเกิดปัญญาเอง ทำให้เห็นคุณค่าของปัจจุบัน การมีสติอยู่กับตนเองมากขึ้นค่ะ”
“หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกปลดปล่อยความอัดอั้นที่อยูาข้างในผ่อนคลายความวิตกกังวลหลายๆเรื่องในสิ่งต่างๆ… พอได้มาฝึกการเขียนปล่อยวางใน 2 วันที่ผ่านมานั้นใจเบาโล่งสบายสงบมากขึ้นได้ระบาย เข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้นว่าที่ผ่านมาความท้าทายต่าง ๆสิ่งที่เราต้องการมันเป็นความอยากหรือความต้องการ ทำให้เข้าใจถึงคำ 2 คำนี้มากขึ้น แค่เราอยู่กับปัจจุบันรู้เท่าทันลมหายใจตัวเองทำอะไรที่ช้าลง ขัดใจบ้างเพื่อเราจะได้สงบมีสติในการดำรงอยู่ เลิกเอาแต่ใจเลิกแบกรับความคาดหวังกับคนอื่น เมื่อเราปล่อยวางอนุญาตให้ตัวเองเปิดรับความสุข เข้าใจตัวเอง รักเมตตาตัวเอง ขอบคุณตัวเอง กล้ายอมรับในความไม่สมบูรณ์”
“รู้สึกเบาสบายได้จากการเขียนด้วยเทคนิคต่างๆที่ครูให้ทำ อบอุ่นหัวใจปิติยินดีเหมือนสิ่งที่เราแบกไว้ในเรื่องต่างๆ มันถูกวางลง ความวิตกกังวลความไม่สบายใจความคาดหวังความกลัวกลับหายไป มีพลังดีดีเกิดขึ้นจากการได้กลับมาคุยกับหัวใจของเราเอง ได้กลับมามีความสุขจากการปล่อยวางระบายออกมาเป็นตัวอักษรแบบสบายใจ และมีการฝึกสมาธิแบบไม่ต้องกดดันและได้ฝึกขัดใจตัวเองเพื่อพัฒนาใจเรา ได้พบกัลยาณมิตรที่เข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดทัศนะคติต่างๆไม่ตัดสินว่าใครผิดถูก”
“รู้สึกว่าได้มาปฏิบัติธรรมในแนวทางที่แปลกใหม่ ประทับใจตั้งแต่ตอนเข้าห้องก่อนเวลาเพื่อรอเรียน ครุเปิดเพลงที่ทำให้รู้สึกใจสงบ เตรียมพร้อมก่อนเข้าเรียนจริง เสียงการนำกิจกรรมของครูโอเล่ก็เย็นๆเบาใจ การอธิบายเป็นขั้นตอน เข้าใจง่าย จากตอนแรกที่กังวลว่าจะเขียนออกมาได้ไหม เมื่อฟังการนำของครูก็รู้สึกวางใจ เปิดใจลองเขียนดู เพราะครูย้ำว่าให้ปล่อยวางไม่ต้องคิดถึงความถูกหรือผิด พอได้เขียนแล้วก็ดีใจว่าเราก็เขียนได้เหมือนกันนี่นา กิจกรรมการเขียนออกมาจากหัวใจก็ทำให้เราประหลาดใจว่า บางทีคำตอบของคำถามก็อยู่ในใจเรา แต่ความคิดของเราเสียงมันดังเกินไป ทำให้เราไม่ได้ยินคำตอบจากใจจริงๆ”
“ได้รู้จักว่า สิ่งที่เราอยากได้ กับสิ่งที่เราต้องการ แตกต่างกันอย่างไร ทำให้เราได้เห็นชัดเจนว่าเราควรจะ focus ที่จุดไหน และเมื่อทราบความต้องการที่แท้จริงของเราแล้ว การตั้งคำถาม และการหาคำตอบ ก็เป็นไปได้อย่างถูกจุดมากขึ้น อีกเรื่องคือวิธีการสื่อสารกับหัวใจตัวเอง การหยุดนิ่ง สัมผัสที่หัวใจ ปล่อยวางความคิด และถามคำตอบจากหัวใจตัวเอง เราได้เห็นความแตกต่าง ระหว่างกิจกรรมแรกที่ให้เขียนว่าชีวิตในตอนนี้เป็นอย่างไร กับกิจกรรมที่ถามหัวใจว่า ลึกๆแล้วหัวใจอยากบอกอะไร การเขียนในกิจกรรมแรกจะดูยุ่งเหยิง มีความคิดสับสนวุ่นวาย ความกังวลต่างๆนานาๆที่เราได้เจอในวันนั้น แต่พอในกิจกรรมต่อๆมาที่เป็นการเขียนจากหัวใจ กลายเป็นการเขียนที่ดูสงบ ใจเย็น ให้กำลังใจ เหมือนผู้ใหญ่กำลังให้คำแนะนำ ทั้งๆที่เป็นการเขียนจากคนๆเดียวกัน ต่างกันที่การวางใจที่ไหนก่อนเขียนเท่านั้นเอง
ขอบคุณครูโอเล่และผู้ช่วยทุกท่านที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ให้ทุกคนได้ทดลองเปิดใจเขียนค่ะ🙏”
“ได้เรียนรู้เเครื่องมือของการเขียนภาวนาและทบทวนตัวเองภายใจตน และยอมรับความอึดอัดเห็นด้านมืดของตัวเอง ที่ใจร้อนเกิดความรู้สึกหงุดเวลาต้องทำไรไม่เคยชินคะ
การเขียนปล่อยวาง ชวยดึงให้ตัวเองช้าลงในการใคร่ครวญเรื่องราว ความคิดความรู้สึกของตัวเองได้ชัดกระจ่างมากยิ่งขึ้น และเข้าใจ Need กับ want ทีเคยสับสน ใช้แยกแยะทำความเข้าใจตัวเองได้ขึ้นด้วยคะ ขอขอบคุณครูที่พาทำหลักสูตรดีๆ ลงมือเรียนและเขียนภาวนา เพื่อกลับมาทำความเข้าภายใจตนอย่างนี้ ได้อยู่กับตัวเองดีมากๆเลยคะ”
“รู้สึกหายสงสัยว่าการเขียนทำให้เราได้อะไรมากกว่าที่เราคิด รู้สึกว่าครูและผู้ช่วยสอนทุกๆท่านตั้งใจที่จะให้ความรู้กับพวกเรามากๆ และสามารถ Wrap up ความฟุ้งซ่านของผู้เรียนได้ดีเยี่ยม มีเทคนิคการสอนที่ดีมากค่ะ การเขียนทำเกิดปัญญทางจิตได้ ได้รับคำตอบในเรื่องที่ติดค้างทุกๆครั้งที่จบ Session”
“ได้เรียนรู้การฝึกเขียนสัมผัสใจ กำหนดลมหายใจ ใช้การสัมผัส กำหนดจิต ให้เชื่อมโยงสิ่งที่เขียนกับความรู้สึกในใจ เพื่อพูดคุยกับหัวใจของเราเอง ตอบโต้ภายใจ รับฟังหัวใจของตนเอง เพื่อความเข้าใจในส่วนลึกของตนเองมากขึ้น ได้ค้นหาสิ่งที่มีค่าในชีวิต ได้พิจารณาทบทวนสิ่งที่เราให้น้ำหนักกับมันมากเกินไป และสิ่งที่เราให้น้ำหนักน้อย เมื่อเรารู้ก็จะสามารถปรับให้มัน balance ได้”
“รู้สึกได้ตกตะกอนและโอบกอดตัวเอง ไม่ใช่แค่เรานะ แต่คิดว่าเพื่อนร่วมทางทุกคนเลย มันเป็นพลังงานที่ดีมาก มวลบรรยากาศที่ทุกคนสนใจและใฝ่หาในสิ่งเดียวกัน การทำกิจกรรมไปพร้อมกัน แลกเปลี่ยนความคิดกัน ทำให้เราไม่ยึดในตัวตนกันเลย 🥰 ได้รู้จัก free writing มากขึ้น ก่อนหน้านี้ยังเคยมีข้อสงสัยหลาย ๆ อย่าง แต่พอได้ลงมือทำจริง โดยมีอาจารย์พาทำ ช่วยให้เราเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น แถมยังได้เรียนรู้การเขียนภาวนาเพิ่มอีกอย่างด้วย คิดว่าน่าจะเขียนประจำวันได้สนุกและมั่นใจยิ่งขึ้นค่า”
“แปลกดี วันนี้ความรู้สึกที่มีต่อตัวเอง ต่อสิ่งอื่น และชีวิตเปลี่ยนไปบ้าง เป็นตัวเองได้มากขึ้น รู้ทันการตัดสิน เท่าทันอารมณ์ได้ดี มองเห็นสิ่งรอบตัวในมุมที่กว้างขึ้น (นั่งรถผ่านที่เดิมๆ แต่มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมากมาย จนแปลกใจ ช่างมีสีสันและงดงาม เหมือนเราไม่เคยเห็นมาก่อน ว่ามีสิ่งเหล่านี้ในเส้นทางนี้ด้วย อะไรใหม่ๆปรากฏต่อสายตา และใจเรา โปร่งโล่งสบายน้ำตาไหล ถึงกับหัวเราะบ้าบอ รู้สึกยอมรับข้อจำกัดได้ง่ายขึ้น แล้วมองเห็นทางออกในสิ่งนั้น และดำเนินไปได้อย่างไม่หงุดหงิดใจเท่าก่อนหน้านี้”
“รู้สึกดีและเข้าใจตัวเองมากขึ้น ได้ค้นหาคำตอบที่ลึกลงไปได้อีก ได้รับเหตุผลที่เรายังไม่กล้าลงมือทำ และได้รู้ว่าตอนนี้เราวางใจในตัวเองได้ดีมาก”
“การฝึกวันแรก ทำให้รู้จักอารมณ์ตัวเอง ตั้งแต่การวาดกรอบสี่เหลื่ยน การวาดรูป การกำหนดให้เขียนโดยไม่หยุด การมีกรอบหลวมๆ เพื่อฝึกปฏิบัติ จนมาถึงกรอบที่มากขึ้น ที่ต้องเขียนมือซ้าย เขียนขณะลมหายใจออก ทำให้ได้เข้าถึง การวาง จริงๆค่ะ ยินดีที่จะปล่อยผ่าน และพอ โดยที่ใจก็ยอมรับ ไม่ต่อต้าน จะนำวิธีการไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หากมีอะไรทีืไม่พอใจเข้ามา จะนึกการเขียนมือซ้าย หายใจเข้าออก เพื่อหยุดตัวเอง ให้กลับมาดูที่ใจไว้ค่ะ”
“แบบฝึกหัดที่ต้องวางมือที่หัวใจก่อน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอง ในขณะที่เขียน รู้สึกปิติใจ เขียนไป น้ำตาคลอไป เห็นตัวเอง เข้าใจความต้องการในหัวใจตัวเองชัดเจน รู้สึกใจละเอียดขึ้นค่ะขอบคุณครูโอเล่มากๆนะคะที่สละเวลามาสอน จะนำไปฝึกเขียนต่อ เมื่อสมุดบันทึกมาถึง
และเป็นอีกเครื่องมือ เพื่อเยียวยาตัวเอง ในยามที่ใจอ่อนแอขอบคุณค่ะ”
“เหมือนการเขียนบำบัดได้ช่วยให้ดิฉันได้เอาความวิตกกังวลที่อยู่ในจิตใต้สำนึกทั้งหลายแหล่ออกมาร้อยเรียงเป็นตัวอักษรให้ได้เห็นเป็นรูปร่าง ให้ได้เอามาพิจารณา และนำไปสู่ปัญญาญาณที่สรุปกับตัวเองได้อย่างแท้จริงว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่ถึงขนาดแก้ไขไม่ได้ สมกับชื่อกิจกรรมว่าเขียนปล่อยวางจริงๆค่ะ”
“รู้สึกได้ปลดล็อคตัวเอง ได้รู้จักตัวเองมากชั้นเข้าใจตัวเองมากขึ้น ในบางครั้ง บางเรื่องที่เราลืมไปแล้ว ลืมเรื่องราวและตัวตนที่สนุกสดใสของตัวเอง ลืมเด็กน้อยที่กล้าหาญ และมั่นใจในตัวเองไปให้เข่าได้ตื่นขึ้นมา รู้สึกได้ปลดปล่อยตัว ได้รับอิสระปล่อยให้ต้มเองได้เขียนโดยไม่มีข้อจำกัด ข้อแม้อะไร ได้รู้จักตัวของมากขึ้น ได้กลับเข้ามาอยู่กับตัวเอง ได้ปลดเงื่อนไขหลายอย่างที่มา block ความคิดความรู้สึกหรือการกระทำที่ทำให้เราไม่กล้าแสดงออกไป ได้รักตัวเองมากอั่น ได้เข้าใจคนข้างในมากขึ้น ขอบคุณกิจกรรมดีๆนะคะ”
“รู้สึกคลายความอึดอัดคับข้องใจได้ไปบ้าง ไว้วางใจ สบายใจมากขึ้นเพราะได้รับการเห็นทางออกของปัญหาว่าจะกลับมาจัดการด้วยตัวเราเองได้อย่างไร วางความคาดหวังที่มีต่อผู้อื่นอย่างไรค่ะ”
“เรียนรู้ที่จะมีสติกับทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ในชีวิตมากขึ้น..ได้แง่คิดมุมมองต่อการปล่อยวางที่หลากหลายมากขึ้น..ได้เทคนิคใหม่ๆในการเขียนเพื่อเข้าถึงจิตใต้สำนึกภายในของเรา..ค้นพบมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง และวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆเมื่อเราปล่อยวางเป็น รวมถึงการมีสติมีความสุขสงบในใจจากการปล่อยวางได้ดีขึ้น”
“เราสามารถจัดการกับความรู้สึกด้วยการเขียน เพราะจะได้เอาสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาค่ะ จะได้ไม่คิดวนอยู่ตลอดเวลาค่ะ การเขียนช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีกว่าการพูดระบาย”
“รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขียนสิ่งที่อยากปลดปล่อยแล้วตามด้วยการตกแต่งภาพที่เราอยากวาดประกอบลงไป ก็กลายเป็นว่าเราลืมสิ่งที่เราเพิ่งจะเขียนลงไปแล้ว มันกลายเป็นการบำบัดไปแล้ว และยิ่งมองภาพที่วาดลงไป ก็เป็นการชี้ทางออกให้ไปพร้อมกันด้วย รวมถึงบทความที่เราเขียนจากหัวใจก็ทำให้ได้รับสิ่งที่หัวใจอยากจะบอกเราอย่างชัดเจน”
“เมื่อได้ร่วมกิจกกรมรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เมื่อลงมือเขียน เกิดสมาธิ และเกิดการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกในขณะลงมือทำ คือการได้คุยได้ถอดบทเรียนความคิดความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกถึงความผ่อนคลาย และได้ดูแลจิตใจไปด้วย”
“รู้สึกกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีมากค่ะ ทำให้เรากลับมา พูดคุยกับตัวเอง รู้จักตัวเองเข้าใจตัวเอง และปล่อยวางสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ การกลับมามองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี การรู้จักปล่อยวางด้วยการเขียนค่ะ”
“รู้สึกดีที่ได้เข้าใจตนเองมากขึ้นจากการเขียน มองเห็นอารมณ์ ลักษณะนิสัยของตนเองที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน รู้สึกขอบคุณอาจารย์ที่สอนอย่างตั้งใจและอยากให้ความรู้เยอะๆค่ะ ได้รับอะไรบ้างจากกิจกรรมนี้ ได้ตระหนักถึงคำถามสำคัญหลายอย่างที่ไม่เคยถามตัวเอง แล้วก็ได้คำตอบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ได้ฝึกอยู่กับความช้าลง แต่ก็ทำให้รู้สึกเบาขึ้น ฝึกการขัดใจความเคยชินของตนเอง ซึ่งมันขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าเราจะเลือกความเคยชินที่เดิมๆ หรือเราจะลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียนรู้หรือทนกับสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะดีกว่าความเคยชินก็ได้”
“ก่อนจะเรียนและก่อนจะเขียนรู้สึกอึดอัด และคิดไว้ก่อนว่า จะเขียนอะไร เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร แต่พอเมื่อเราต้องทำ ก็วางใจว่า เอานะ ทำก็ทำ ลองทำดู ในเมื่อตั้งใจจะทำ ก็เขียนไปตามที่ครูบอก งงบ้าง อึดอัดบ้าง แต่พอเริ่มกลับมาอยู่กับลมหายใจ ไม่ใช่ความคิดกับความอึดอัด มันก็ทำให้ค่อยเป็นค่อยไป เขียนได้บ้าง ไม่ออกบ้างก็ค่อยๆ ทำ ไม่บังคับและกดดันตัวเอง รู้สึกถึงความอิสระที่อยู่เหนือความคิดกับความกังวล อยู่กับตัวเอง อีกข้อหนึ่งที่ชอบมากคือ การบอกตัวเองว่าฉันกำลังจะทำในสิ่งที่สนุกสนาน (แทนที่จะบอกว่า จะต้องเขียน) ทำให้ไม่ตั้งข้อจำกัดให้ตัวเอง เหมือนที่ผ่านๆ มา ซึ่งจะนำแนวคิดนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ในชีวิต เพราะมันเบาและรู้สึกถึงความเป็นอิสระ ไม่สร้างกรอบ หรือบังคับตัวเอง ชอบมากๆ ค่ะ”
“ได้เห็น กิเลส และอัตตา ของตนเอง ถ้ายอมรับจะflow ถ้าไม่ยอมรับจะอึดอัด สะท้อนให้เห็นชีวิต ถ้ายึดติดก็จะทุกข์ การเขียนทำให้ได้รู้จักตนเอง เห็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อ เข้าใจ ยอมรับ แล้วปล่อยวาง มาอยู่กับปัจจุบัน ตัดอดีตที่ผ่านไปแล้ว ตัดอนาคตที่เราไม่รู้ ก็ทำให้เรามีความสุข และอิสระ การเขียน ปล่อย วาง เป็นการช่วยเคลียร์สิ่งที่อยู่ภายในใจ ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ทำให้รู้และเข้าใจ สิ่งที่เราคิด แล้วเกิดการวิเคราห์ เห็นเหตุ ปัจจัย ทำให้สามารถ เข้าใจ ยอมรับ เกิดปัญญา แล้านำไปสู่การปล่อยวาง ทำให้ช่วยขจัดเรื่องทุกข์ในใจ กลับมามีพลัง มีสติ ในการดำเนินชีวิตต่อไป”
“เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เราไม่เคยคิดถึงประเด็นของการเขียน ว่าเขียนแล้วก็สามารถปล่อยวางได้ ไม่เคยรู้ว่าการเขียนก็เป็นหนทางหนึ่งของการภาวนา ตอนคืนแรก เรารู้สึกดีมากที่ได้รู้ว่า การเขียนปล่อยวาง ทำให้เราไม่อยากวางปากกาจริง ๆ เพียงแค่ไม่กี่นาทีของการฝึก ทำให้เราได้เขียนเพื่อปล่อยวางได้จริง ๆ และยังฝึกต่อมาถึงเช้าของอีกวัน เรายืนล้างจานอยู่ แล้วทบทวนถึงว่า เออ มหัศจรรย์เหมือนกันนะ… แค่ 2 คืนของการฝึก มันทำให้เรามั่นใจขึ้นมาก ว่าถ้าอยากเขียนใช้วิธี free writing เลย เขียนไปก่อน เขียนโดยไม่ยกปากกา เขียนจนกว่าเวลาจะหมด เขียนออกมาเลย ความรู้สึก ความคิดตอนนั้น เขียนออกมาก่อน กลายเป็นว่า สิ่งที่เราได้อย่างหนึ่งคือ ความคิด ความรู้สึกมันเยอะมาก มันไหล ออกมา จนเราเขียนไม่ทัน อีกสิ่งที่ได้คือ การจับความคิดและความรู้สึก และการเรียนรู้ที่ต้องปล่อยวางไป ทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน ผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป คือ เราต้องรู้จักปล่อยวางให้ผ่านไป สรุป ดีใจที่ได้เข้าเรียนค่ะ”
“ทำให้ได้ทำงานกับภายใน สื่อสารกับจิตใต้สำนึกข้างในตัวเองที่อยู่ลึกๆ ที่ต้องใช้ความช้าและความสงบที่ปกติแล้วไม่ค่อยได้ใช้เวลากับตรงนี้ ทำให้ได้คำตอบของปัญหา หรือข้อสงสัยอะไรหลายๆอย่าง ที่สำคัญคือทำให้รู้ว่าจิตใจเราต้องการการขอบคุณ เป็นสิ่งที่เราขาดหายไปในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน จากนี้เรียนรู้แล้วว่าจะขอบคุณเค้ามากขึ้น ขอขอบคุณครูโอเล่ ทีมงานทุกท่าน และผู้ร่วมอมรมทุกๆท่านที่ได้มาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ”
“รู้สึกรับรู้ถึงพลังบวกที่ได้มอบให้กับตัวเอง จากการสื่อสารที่แสดงออกมาจากความคิดและใช้มือเป็นตัวกลางเพื่อส่งผ่านไปยังหัวใจเป็นความรู้สึก สิ่งที่ได้รับ คือ วิธีที่จะช่วยดึงสติของตัวเอง ให้เข้าใจและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเยียวยาภายในจิตใจ เพื่อให้จัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น”
“ได้รู้วิธีการเขียนโดยสัมผัสและพูดคุยกับหัวใจ มันเหมือนเราได้พูดคุยกับตัวเองจริงจริง ร้องไห้เลยค่ะ เหมือนไม่เคยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองชัดเท่านี้มาก่อน”
“รู้สึกตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองในการสมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก รู้สึกประทับใจในการสอน และนำกระบวนการของครูโอเล่ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกิดการเรียนรู้ด้านในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา และการเขียนในรูปแบบต่างๆ ถึงแม้จะเป็นแค่กิจกรรมช่วงสั้นๆ แต่ก็รู้สึกว่าได้รับประโยชน์จากการลงมือเขียน และทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะนำเอาทักษะและเครื่องมือนี้ไปใช้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการปล่อยวางสิ่งที่ตัวเองยึดติดเอาไว้ที่นำมาซึ่งความทุกข์ในชีวิต”
“รู้สึกขอบคุณครูโอเล่ที่ช่วยทำให้กลับมาสังเกตเห็นและเชื่อมโยงกับโลกภายในของตัวเองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นผ่านการเขียน เพราะปกติก็จะเป็นคนที่ inner work กับตัวเองอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ไม่ค่อยได้เขียนมันออกมา … แต่พอได้เข้าร่วมกิจกรรม และลงมือเขียนในแต่ละหัวข้อที่ครูโอเล่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ก็ทำให้ได้เห็นหลายๆ อย่างที่ตัวเองอาจจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกบางอย่างในตัวเอง หรือเห็นถึงความติดขัดในการใช้ชีวิตในช่วงนี้”
“รู้สึกชื่นชมการออกแบบกิจกรรมของครูโอเล่ที่มีลำดับขั้นตอนที่เข้าใจได้ไม่ยากมากนัก และเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ลองลงมือเขียนออกมา เพื่อที่จะได้เห็นผลลัพธ์ด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ทำให้ตัวเองมีมุมมองที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมากต่อการเขียน เริ่มมองเห็นว่าการเขียนเป็นเหมือนกระจกที่สามารถสะท้อนให้เห็นโลกภายในของตัวเองได้ดีมากๆ ไม่แพ้กับการได้เล่าออกมาให้ใครสักคนได้ฟัง … ซึ่งคงจะได้นำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ และทักษะการเขียนในรูปแบบนี้ ไปใช้ในการทำความเข้าใจตัวเองได้อย่างแน่นอน”
“การปล่อยวางทำได้หลากหลายวิธีการ แต่ปล่อยวางโดยการเขียน เพิ่งเคยได้ยิน ได้เข้าร่วมเรียนรู้เป็นครั้งแรก มีความประทับผู้สอน ครูโอเล่ มีจิตแห่งผู้ให้ ผู้สอนอย่างเต็ม แม้ดูว่าเนื้อหาจะเยอะ แต่ก็สอนให้เข้าใจได้โดยง่ายในระยะเวลาที่สั้น ได้ฝึกปฏิบัติจริงด้วยคือดี และสามารถนำไปฝึกฝนต่อยอดได้ทันที หลังจากเรียนรู้ แม้ฝึกปฏิบัติในช่วงเวลาสั้นๆในคลาสเรียนยังเกิดสติรู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะ อยู่กับปัจจุบันได้ เป็นคลาสสอนที่ให้คำแนะนำได้ดีมาก”
“ได้รับความรู้แนวพุทธ ทำงานร่วมกับจิต แล้วสร้างสรรค์ผลงานผ่านตัวอักษร จากที่เคยฝึกสมาธิผ่านอานาปานสติ ได้เรียนรู้เครื่องมือในการมีสติอีกแบบด้วยการเขียนออกมากเป็นรูปภาพ ตัวหนังสือ (ที่ไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์ ความสวยงาม) เขียนหรือวาดให้เราได้มีสติ จดจ่ออยู่กับปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะการเขียนด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด และเขียนได้เฉพาะในจังหวะหายใจออกเท่านั้น และหยุดเขียนเมื่อเราหายใจเข้า ยิ่งทำให้เรามีสติในการพิจารณาตัวตนหรือสิ่งที่กำลังจะเขียนได้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น ได้เรียนรู้อยู่กับตัวเอง รู้จักตนเองมากขึ้น สร้างสติความรู้สึกตัวทั่วพร้อมได้เป็นอย่างดี จะนำไปปฏิบัติ เพื่อพัฒนาต่อยอดตามคำแนะนำ กราบขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณอย่างสูง”
“ความคิดทีแรกก็คิดว่า เขียนแล้วจะได้ประโยชน์อะไร เพราะตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบเขียน แต่ก็ลองเข้ากิจกรรมดูค่ะ ซึ่งก็ดีมาก เกินกว่าที่คิดเอาไว้ ทำให้ใจนิ่งมากขึ้น ตามจิตตัวเองทัน การเขียนก็มาช่วยชะลอ ใจที่คิดไปไกล ฟุ้งไปเรื่อย ให้ช้าลง โดยผ่านการเขียน เพราะการเขียนไป ไม่ได้เร็วเท่ากับความคิด และก็ไม่น่าเชื่อค่ะ ในคืนที่ 2 การเขียนเนี่ย มันก็ปล่อย ความรู้สึกนึกคิดตอบปัญหาบางอย่าง ออกมาผ่านการเขียน และคำตอบ บางอย่าง ในปัญหานั้น มันก็ผ่าน ออกมาจากการเขียน โดยทีแรกก็ไม่ได้นึก ก็เขียนไป เขียนไปตามใจที่เรานึกลึกๆข้างใน บางทีก็เขียนวนไปวนมาตามความคิด พอจบกิจกรรมทั้ง 2 คืน มาอ่านซ้ำ และคำตอบมันก็อยู่ในนั้นน่ะที่เราเขียนวนอยู่นั่นแหละ ทำให้ตัวเองนึกได้ว่า การที่เราคิดนะวนไปวนมา ถ้าคิดช้าลงอีกนิดอยู่เงียบๆกับตัวเองบ้างคำตอบก็อยู่ในนั้น แต่พอเปลี่ยนมาเขียน แล้ว มาอ่านซ้ำใหม่ มันเห็นตัวตนเราชัดมากขึ้น เห็นปัญหา และก็เห็นคำตอบ ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกิจกรรมดีๆ”
“รู้สึกว่านี่คือ โอกาสที่ดีมากค่ะ ที่ได้เข้าเรียนคอร์ส “เขียนปล่อยวาง” ก่อนเข้ามาดูเหมือนจะเรียบๆง่ายๆไม่มีจุดเด่นอะไร แต่เมื่อได้เข้ามาเรียนแล้ว ทั่งเนื้อหา การสอน โจทย์ที่ใช้ในการเขียน ดนตรี น้ำเสียงอาจารย์ ชวนเข้าผู้เรียน เข้าถึงการจดจ่อ และดึงความรู้สึกจากจิตใต้สำนึกออกมาได้ชัดเจนและดีมาก ต้องขอบพระคุณสำหรับความตั้งใจและทุ่มเทในการให้ของอาจารย์และทีมงานมากค่ะ
และถ้าถามว่าได้รับอะไรจากกิจกรรมครั้งนี้บ้าง บอกเลย ว่าน้อยแต่มาก นั่นคือการปลดล็อคตนเอง จากความคิด ทำให้รู้เป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน ตรงจุดตรงประเด็น ตรงต่อความต้องการของเรามาก ซึ่งเมื่อกำจัดความคิดต่างๆออกไป เหลือเพียงจิตใต้สำนึก แล้วทำตามสิ่งที่เราต้องผ่านการบอกกล่าวของจิตใต้สำนึก ทุกอย่างดูดี และสำเร็จง่ายมากๆ ทำให้ความสุขเราเพิ่มขึ้น เพราะเราสมหวังในสิ่งที่เราต้องการ เพราะเรารู้ชัดแจ้งว่าเราต้องการอะไร โดยปราศจากแรงต้านจากความคิดของเรา”
“รู้สึกดีใจมากๆค่ะที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม เขียน ปล่อย วาง ในครั้งนี้ เป็นครั้งเเรกที่ได้ร่วมทำกิจกรรมในรูปเเบบนี้ รู้สึกโชคดีที่เห็นการประชาสัมพันธ์หน้าเฟซบุ๊กในตอนนั้น เเล้วสมัครร่วมกิจกรรมทันที และก็ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มาทำกิจกรรม รู้สึกคุ้มค่ามากๆค่ะ อาจารย์เเละทีมวิทยากรน่ารักมาก ตลอดระยะเวลาการอบรมทั้งสองคืน เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆในช่วงชีวิตหนึ่ง
ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองว่าเเท้จริงเเล้วเราต้องการอะไร ได้รู้จักการปล่อยวางจากเรื่องที่มันหนัก ทำให้เรารู้ว่า หนักเป็นเบาเมื่อเราไม่เเบก ได้ฝึกสมาธิ มันทำให้ใจเรานิ่งขึ้น ได้ทบทวนตัวเอง ทำให้เราอยากจะกลับมาทำเพื่อตัวเองอีกครั้ง รักตัวเองมากขึ้น เเละได้รู้ว่า ความหมายของชีวิต คือการใช้ชีวิตให้มีความหมาย ทุกอย่างที่ได้เรียนรู้เเละทำกิจกรรมสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ได้รับพลังงานบวกที่ดีมากๆจากอาจารย์ ทีมงานวิทยากร และเพื่อนใหม่ (ชอบช่วงเข้ากลุ่มย่อยที่ได้เเชร์กันกับเพื่อนมากค่ะ ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ จากเพื่อนๆ เหมือนได้เปิดโลกมากขึ้น บางสิ่งตัวเราเองนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ เป็นสิ่งที่ว้าวมาก)”
“หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมแล้วรู้สึกดีที่ได้เข้าร่วม ทำให้จิตใจรู้สึกได้ปลดปล่อย และได้ทำในสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคิดทำคือการเขียนหนังสือด้วยมือซ้าย ซึ่งทำให้รู้สึกเพลิดเพลินในความคิดมาก ๆ ในขณะที่เขียน รวมทั้งทำให้มีสมาธิมากขึ้นด้วย”
“รู้สึกดีใจที่ได้ฟังเสียงหัวใจตัวเอง เพื่อที่จะเจอสิ่งที่เราต้องการซึ่งคือความสุข แล้วบอกกับตัวเองว่า ฉันรักเธอนะ ฉันจะดูแลเธอเอง ได้มองเห็นสิ่งที่มีค่าในชีวิต และกลับมาทบทวนว่าเราต้องทำสิ่งที่มีค่าในชีวิตของเราก่อน และได้ทำอะไรช้าลงด้วยการเขียนภาวนา ซึ่งรู้สึกยาก แต่ก็เป็นการฝึกตัวเราเอง”
“ดีใจที่ได้เรียน เข้าใจและยอมรับตัวเองมากขึ้นในวันที่เราไม่สมบูรณ์ ธรรมดา ธรรมชาติ รู้สึกกอดตัวเอง& รักตัวเองได้สนิทใจมากขึ้น การปล่อยวางไม่ได้ยาก ทำได้ในทุกโอกาส เคยคิดว่าต้องรอไปวัด รู้ว่าจะไปต่อกับการฝึกฝนยังไง, รู้สึกไม่ต้องวิ่งหาคนอื่นก็ได้(แต่ก็ยังรู้สึกเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์มากขึ้น) รู้สึกได้รับการดูแล โอบกอด ไม่ถูกละเลย: มันง่าย จนน่าตกใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น”