ไม่มีหรอก ภาวนาเพื่อแผ่นดิน เป็นแค่เพียงภาวนาเพื่อความหลงเท่านั้น

 

ไม่มีหรอก ภาวนาเพื่อแผ่นดิน
เป็นแค่เพียงภาวนาเพื่อความหลงเท่านั้น…

“ชาติของกู
แผ่นดินของกู
ทหารของกู
บุญของกู”

สิ่งเหล่านี้ล้วนขัดหลักการพื้นฐานของพุทธศาสนาซึ่งเน้นหลัก อหิงสา คือปราศจากความรุนแรงและการเบียดเบียน และมุ่งทำความเข้าใจ อนัตตา ความมิใช่ตัวตนและของๆ ตน เพื่อหลุดพ้นจากวงจรแห่งทุกข์อย่างจริงแท้

การสนับสนุนการเข่นฆ่า ผิดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน และการบิดเบียนธรรมะว่า การฆ่าทหารของอีกฝ่ายมีบุญมากกว่าบาป ก็ไม่ต่างอะไรกับวิธีคิดของกลุ่มนักรบคลั่งศาสนาที่ก่อการร้ายและเข่นฆ่าคนในนามของพระเจ้า

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณสะท้อนความเสื่อมถอยของศาสนาพุทธในดินแดนนี้ เมื่อความคลั่งชาติกับการภาวนาถูกนำมาผสมกัน เหมือนกับการที่วัตถุนิยม บริโภคนิยม หรือความอยากรวย นำมาผสมกับการภาวนาก่อนหน้านี้

ชาวพุทธจำนวนมากยังคงมอง บุญ-บาป ในเชิงงมงาย ทั้งสองเป็นศัพท์โบราณ หากใช้คำที่ร่วมสมัยขึ้นให้คนรุ่นใหม่เข้าใจง่ายอาจเป็นคำว่า คุณ-โทษ

สงครามมี “คุณ” หรือไม่ ? ถือว่ามีอยู่บ้าง และมี “โทษ” หรือไม่ ? ถือว่ามากมาย

สงครามแต่ไหนแต่ไร คนที่ได้รับ คุณ ไม่ใช่ชาวบ้านหรือประชาชน แต่คนที่ได้รับ คุณ คือนักการเมืองและชนชั้นสูงบางกลุ่ม และ คนที่ได้รับ โทษ มากที่สุดจากสงครามก็คือชาวบ้านและประชาชนของทุกฝ่าย

สงครามสมัยนี้ ไม่ใช่การรบแย่งแผ่นดินแบบสมัยโบราณแล้ว แต่คือนักการเมืองหรือคนชั้นสูงเกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์หรือมีความไม่พอใจต่อกัน จึงส่งชนชั้นล่างและทหารที่ยศน้อยกว่าไปเข่นฆ่ากัน จนกว่าจะถึงจุดที่สามารถตกลงผลประโยชน์กันได้

บางครั้งสงครามก็คือการละครเพื่ออำพลางปัญหาที่แท้จริงในบ้านตนเอง

เรามองปัญหาในบ้านของเขา มันก็อาจเป็นภาพที่สะท้อนกลับมาในบ้านของเราด้วยเช่นกัน หากเราทำสงครามเพราะมองว่าเราเป็นฝ่ายถูกต้อง บางทีสิ่งที่เกลียดชังนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวเราเอง

ในยุคนี้มีชาติใดที่เจริญขึ้นหรือเศษฐกิจดีขึ้น เพราะการทำสงคราม ชาวบ้านที่ยากจนอยู่แล้วก็จะยากจนลง

และสุดท้ายก็อาจหวังพึ่งพานโยบายแจกเงินหรือประชานิยมในสมัยต่อไป จากผู้นำที่สามารถสร้างภาพเป็นฮีโร่ แต่นโยบายเหล่านั้นก็มิอาจช่วยให้ประเทศดีขึ้นในระยะยาว

…แค่เป็นเหมือนการแคะกระปุกเงินในอนาคตของลูกหลานมาใช้เท่านั้น

เมื่อเรามีลมหายใจ.. จำกัด เราจึงพึงพูดความจริงไว้ เพื่ออย่างน้อยที่สุดจะช่วยคนบางกลุ่มให้ตื่นขึ้นจากความหลงหรือโมหะ

ความหลง ก็คือความไม่รู้ในความจริงของชีวิต ซึ่งทุกอย่างต่างเป็น “อนิจจัง” “ทุกขัง” และ “อนัตตา”

…จึงไปยึดเอาว่านั่นคือ ฉัน นั่นคือ ของๆ ฉัน และเกิดความทุกข์ไม่จบสิ้นในชีวิต

หากการภาวนาใด ไม่ได้เป็นไปเพื่อความตระหนักรู้ในความจริงของชีวิตมากขึ้น

การภาวนานั้นก็ผิดไปจากหลักของพุทธศาสนา และไม่สมควรอ้างว่าเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า

ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต

* ตอนนี้ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ กำลังโบยบินสู่ “เรามีลมหายใจ.. จำกัด” ติดตาม ให้กำลังใจเรา และเตรียมพบกับกิจกรรมใหม่ๆ ทางเพจและช่องทางต่างๆ หลังจากนี้

 

ติดตามกิจกรรม

ตารางกิจกรรม