“สรุปการเรียนรู้จากการเขียนค้นตน #เขียนเปลี่ยนชีวิต . ก่อนเริ่มต้นอบรมนั้นมีความรู้สึกว่าคอร์สนี้น่าสนใจมากๆ และต้องทำให้เราได้ค้นพบตัวเองว่าเป็นอย่างไร แต่หลังจากการเรียนตลอดระยะเวลาสี่สัปดาห์ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย มันไม่ได้ทำให้เราค้นพบตัวเองอย่างที่หวัง แต่มันกลับได้กระบวนการที่จะให้เรียนรู้ตัวตนของเราในหลายๆ ด้าน . การอบรมที่ผ่านมาทำให้เราได้เรียนรู้ว่าตัวเราเองก็มีมุมดีๆ ที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ผมรู้ว่าการเรียนแค่นั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเราได้ทันที จากหน้ามือเป็นหลังมือ จบคอร์สแล้วเราต้องเป็นอีกคนหรือเป็นคนใหม่ทันที มันไม่ใช่ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยย้อนกลับมามองตัวเราเองเลย และเราก็เพิ่งหัดที่จะกลับมาค้นหาตัวตนของเราผ่านการเขียนบันทึก มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเห็นตัวตนของเราจริงๆ หรอก เรายังคงต้องอ่านทบทวนสิ่งเราเขียนไป และทำซ้ำกระบวนการดังกล่าวหลายๆ ครั้ง จนกว่าเราจะเห็นอะไรชัดเจน ซึ่งมันก็จะชัดเจนขึ้นทุกครั้งที่เขียนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะจบคอร์สแล้วผมคิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าสิ่งที่คิดว่ามันเป็นปัญหาของเราจะได้รับการเยียวยาและเจอหนทางในแก้ไขปัญหานั้นๆ . กระบวนการต่างๆ ในการเขียนบันทึกนั้นทำให้เราได้กลับมาทบทวนหรือย้อนมองตัวเองอย่างจริงจัง เริ่มต้นจากสิ่งที่เรามีปัญหา แล้วลองให้เราจินตนาการและวาดลงในกระดาษ มันทำให้ภาพในจินตนาการของเราไม่หายไปไหน แล้วเราสามารถเขียนบันทึกต่อจากที่เราจินตนาการไว้ และทำให้เราสังเกตเห็นบางอย่างในภาพได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้เราเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนั้นการเขียนบันทึกด้วยการโต้ตอบกันระหว่างมือขวา (ข้างที่ถนัด) แทนตัวเรา กับมือซ้าย (ข้างที่ไม่ถนัด) แทนอีกตัวตน มันทำให้เราได้รู้ความคิดจากอีกมุมมองนึง เวลาที่เราจมดิ่งกับเรื่องนั้นๆ มันก็จะคิดวนเวียนกับเรื่องนั้นๆ การที่เราจะออกจากวังวนแห่งความคิดนั้น เราก็คงต้องให้ใครบางคนมาฉุดเราออกมา ซึ่งก็คือ อีกตัวตนของเรา… Continue reading บทเรียน เขียนค้นตน ๒๕๖๐ (๑)
Category: ข้อเขียนจากผู้เรียน
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๖)
บทเรียน เขียนเยียวยา (รอบสอง) หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต ๒๕๕๙ ************ “สำหรับบทเรียนต่างๆ ที่ผ่านมานั้นนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเดินเพื่อที่จะทำความรู้จักกับข้อดีภายในตัวเราผ่านคุณบันทึกพี่หมีตัวใหญ่ติดปีกสีเทา ที่พร้อมจะรับฟังเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเราอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งได้ก้าวต่อไปรู้จักกับหัวใจของตัวเองได้รับฟังเสียงจากหัวใจที่จริงๆ แล้วก็มีเสียงดังอยู่ในหัวของเราปะปนกับเสียงอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราไม่เคยได้คิดจะหยุดฟังอย่างตั้งใจ จากตอนทีเริ่มต้นบันทึกใหม่ๆ เรียกได้เลยว่าเป็นคนที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักความต้องการของตนเอง มักเลือกเดินในเส้นทางที่คนรอบข้างคิดว่าดีเสมอ เรียกว่า ถูกคำพูดความคิดเห็นของคนที่แวดล้อมเตะไปเตะมาเสมอ แม้จะมีบ้างครั้งที่ทำตามหัวใจของตนเองแต่ก็ยังรู้สึกกังวลว่าสิ่งที่เลือกมานั้นดีจริงๆ แล้วเหรอ นั่นหมายถึงว่าฉันไม่กล้าฟังเสียงของหัวใจและเลือกมีชีวิตตามหัวใจของตนเอง จนกระทั่งผ่านบันทึกมากมาย ฉันค้นพบว่า ฉันช่างมีหัวใจที่แกร่งซ่อนอยู่ในตัวเป็นหัวใจที่ดีมากมาย เต้นอย่างแข็งแรง กระหายรอการรับฟังจากฉัน เพื่อที่สักวันฉันจะฟังเสียงหัวใจและกล้าก้าวไปเผชิญหน้ากับความกลัวในใจเพื่อจะได้ทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องเสมอมา และเมื่อพบว่าตนเองนั้นก็มีหัวใจก็ได้รวบรวมความกล้าที่จะกลับไปในอดีตเพื่อเข้าไปทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยเด็ก และฉันได้เห็นว่านี่ฉันปล่อยให้เด็กน้อยร้องไห้อย่างเดียวดายอยู่ตรงบันไดนั่นเป็นเวลากว่า 26 ปีเชียวหรือ ฉันได้เรียนรู้ด้านดีของเด็กน้อยได้รู้เหตุผลที่ฉันชอบมองท้องฟ้าที่สดใส ได้เรียนรู้ว่า สิ่งดีๆ ที่มีในตัวฉันในปัจจุบัน ก็เพราะมีเด็กน้อยที่สดใสอยู่ในตัวนั่นเอง แต่ด้วยประสบการณ์ที่เด็กน้อยได้เจอและเข้าใจในวัยเด็กจึงทำให้ฉันใช้ชีวิตแบบครึ่งๆ กลางๆ มาตลอด จะก้าวก็ไม่ก้าว จะถอยก็ไม่ถอย และจากนี้ฉันจะก้าวต่อไปพร้อมเด็กน้อยที่มีพลังมองเห็นสิ่งดีดีของโลกในตัวฉัน และพลังอื่นๆ ที่มีอยู่ในตัวทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ จากนั้นได้ก้าวต่อเรียนรู้ปมในใจที่มีมาตลอดข้อดีของการเรียนรู้ปมในใจ คือได้เห็นภาพชัดว่าสาเหตุที่เกิดปมนั้นมาจากครอบครัวที่ถ่ายทอดรูปแบบการเลี้ยงดูจากต้นตระกูลมาจนถึงรุ่นเรานั่นแสดงว่าพวกเขาเองก็ป่วยทางจิตใจตลอดมา ต่างก็แสวงหาความรัก ความยอมรับ และการชื่นชมจากคนในครอบครัว… Continue reading บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๖)
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๕)
บทเรียน เขียนเยียวยา (รอบสอง) หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต ๒๕๕๙ ************ “สวัสดีค่ะครูโอเล่ ชิขอแชร์สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนครั้งนี้ คือ เราต้องมีความตั้งใจ เปิดใจ จริงใจกับตัวเอง วิธีการสอนและการเอาใจใส่ของครู เป็นจุดเริ่มต้น เรามีบันทึกในหัวข้อต่างๆเป็นกระบวนการในการสื่อสารระหว่างกัน ทั้งใจ ร่างกาย ความคิด และสื่อสารให้กับครูช่วยแนะนำ เราได้ผลงานที่ช่วยให้เราตอบคำถามต่างๆ ในใจเราได้ เราค้นพบเพื่อนแท้ รักแท้ ที่ให้กับตัวเอง เราเห็นคุณค่าของเราเอง ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิตเราไปจากเดิม โดยมีเราเป็นคนเลือกที่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราจะทบทวน ระลึกถึงตัวเอง ธรรมชาติ ความเครียด สิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วย เพื่อไม่ให้ปัญหาใหม่ๆ ที่เข้ามาพาเราไปไกลจากตัวเอง ขอบคุณคุณครูมากนะคะ ชิรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของใจ ความหนักแน่น ที่ได้หลังจากการเรียนครั้งนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ / ชิ ^^” ************ www.dhammaliterary.org
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๔)
บทเรียน เขียนเยียวยา (รอบสอง) หลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต ๒๕๕๙ ************ “สวัสดีค่ะ ครูโอเล่ สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคอร์สกึ่งออนไลน์ เขียนเยียวยา ค่ะ คอร์สเขียนเยียวยารอบนี้นับว่ามาได้ตรงจังหวะของตัวเองในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่มากๆ คือได้ทบทวนตัวเองถึงของขวัญ สิ่งดีๆ ที่ได้รับ ได้เรียนรู้จากปีเก่า และของขวัญ สิ่งดีๆ ที่จะมอบให้กับตัวเองในปีใหม่นี้ ทำให้ได้ลงมือทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ในปีเก่าให้เสร็จเรียบร้อย และเริ่มทำสิ่งที่บ่ายเบี่ยงไม่กล้าทำมานาน ทำให้พบว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับการไม่ลงมือทำ ในขณะเดียวกันก็พบว่าการลงมือทำจนร่างกายเหน็ดเหนื่อยเกินพอดี อีกทั้งยังละเลยไม่ได้สนใจดูแลนั้น ก็ทำให้เกิดทุกข์ พอดีกับเจอกับบทเรียนผู้เยียวยาภายในที่สอนให้หันกลับมาใส่ใจดูแลรับฟังร่างกาย ให้ความรักกับตัวเองอย่างพอดี ทำให้ได้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตตัวเองให้พอดีทั้งด้านการทำงานบ้าน และที่ทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมกันก็ได้ดูแลตัวเองให้ดีและสมดุลไปพร้อมกัน ส่วนที่ประทับใจมากคือการได้ใช้เทคนิคเขียนนิทานในการผสานการสร้างสรรค์จินตนาการไปพร้อมกับการทบทวน เรียนรู้ชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองอย่างเข้มข้นภายในไม่กี่หน้ากระดาษ ทำให้กระจ่างกับสิ่งที่พบเจอในชีวิตที่ผ่านมา เข้าใจเหตุผล การกระทำของตัวละครในนิทานแต่ละตัว เป็นดั่งเครื่องมือวิเศษที่ช่วยปลดปล่อย เยียวยา ช่วยให้ปล่อยวาง และทำให้รู้สึกอิ่มเต็มอย่างพอดี ทำให้เข้าใจคำว่าเขียนเยียวยาสมดั่งชื่อคอร์สจริงๆ ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ เจี๊ยบ” ************* www.dhammaliterary.org
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๓)
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) #เขียนเปลี่ยนชีวิต . . . “เดิมก่อนได้เรียนเขียนเยียวยา เข้าใจแต่ว่าบันทึกในทุกวันของเราก็คือการบ่นทุกอย่างที่ผ่านมาในแต่แหละวัน บันทึกเป็นที่ระบาย บ่นได้ทุกอย่าง พูดมันทุกเรื่อง เขียนไปเท่าที่อยากเขียน ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี หรือเขียนมากไปแล้วเจอทางแก้ก็ไม่ใช่ จนรู้สึกเหนื่อยกับการเขียนบันทึก และพอเห็นเรื่องเขียนเยียวยาก็มีคำถามในใจว่าการเขียนมันจะช่วยเยียวยาได้ยังงัย ทุกวันที่ที่เขียนอยู่ก็คิดมันมันคือที่สุดแล้ว พอได้เรียนเขียนเยียวยา ทำให้รู้ว่ามีมากมายหลายวิธีในการเขียน เขียนไปดูใจเราไป เขียนไปหยุดทบทวนสิ่งที่เขียนออกไปด้วย ว่าเขียนด้วยอารมณ์ไหน ทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ได้ใหม่ถ้าเราต้องการ ชอบหัวข้อชุดที่ครูโอเล่ส่งให้ มันเหมือนเรื่องที่ค้างลึกๆอยู่ในใจเรา ก่อนจะเลือกบอกตัวเองอยู่ในใจว่าถ้าครูให้เขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไรต้องเขียนเรื่องนั้นของเราจริงๆนะ ไม่ต้องอายครู ไม่ต้องสนใจใคร เพราะเราต้องการเยียวยาตัวเอง พอเอามาเขียน เหมือนได้เอามาทบทวน ได้เข้าใจใหม่ ชอบที่เขียนมือซ้ายและมือขวา เหมือนเถียงกับตัวเองทางตัวหนังสือ มือซ้ายต้องการความถูกต้อง ถูกใจ ให้กับตัวเอง มือขวาคอยบอกว่าอะไรดีอะไรไม่ดี “เธอลองคิดใหม่สิมือซ้าย, เหตุการณ์ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ หรือถ้าเธอเป็นเขาบ้างหละ” มีคำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นในใจ แทนคำพร่ำบ่นอยู่ตลอดเวลา มือซ้ายที่อยากพร่ำบ่นแต่ด้วยความที่เขียนไม่ค่อยถนัดทำให้ความคิดเราช้าลง ได้มีเวลาทบทวนสิ่งที่ต้องการจะพรั่งพรูออกมา พอมือขวาเริ่มจะเขียนมันก็ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น ชอบเทคนิคนี้และคิดว่าจะเอามาใช้ตลอดหลังจากนี้ ขอบคุณครูโอเล่คะ… Continue reading บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๓)
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๒)
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) #เขียนเปลี่ยนชีวิต “ขอบคุณครูโอเล่ และทีมงานนะคะที่เปิดโอกาสให้กบได้เข้ามาอบรมในครั้งนี้ และได้รับการต้อนรับ การเรียนรู้ที่อบอุ่นและเป็นมิตร ขอบคุณพื้นที่ดีๆ แห่งนี้นะคะ กบขอส่งบันทึกความรู้สึกเพื่อเป็นการส่งต่อถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อการอบรมในครั้งนี้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่สุดค่ะ กบ” www.dhammaliterary.org
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๑)
บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) #เขียนเปลี่ยนชีวิต ” ทบทวนบันทึกที่ผ่านมา และสรุปการอบรม ทั้งความรู้สึก บทเรียน และการก้าวผ่านต่างๆ ในทุกบันทึกที่เขียนนำพาเราค่อยๆ พบกับแสงสว่าง ทำให้เรามองตัวเองได้ชัดเจน เห็นทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ได้พบกับคุณค่าในตัวเราเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากมองผิวเผินแต่ละหัวข้อไม่น่าจะมีสิ่งเชื่อมโยงกันนัก แต่พอบันทึกไปเรื่อยๆ กลับพบว่าทุกหัวข้อมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงร้อยรัดเป็นหนึ่งเดียวกัน ความทุกข์จากบันทึกหนึ่งสู่การคลี่คลายอีกบันทึกหนึ่ง สลับกับคำถามประจำวันที่เป็นเสมือนไกด์ไลน์สำคัญช่วยกระตุกความคิดให้หันกลับมาทบทวนและสังเกตสิ่งรอบตัวในช่วงเวลานั้น บันทึกที่ถือว่าเป็นการก้าวข้ามออกจากไข่แดงคือ บันทึกหัวข้อ “ฟังใจ” นับเป็นประตูบานใหญ่ที่พาเราไปสู่การคลี่คลายความทุกข์ในหัวข้ออื่นๆ เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้หากเราไม่กลับมาฟังเสียงหัวใจตัวเอง ตราบใดที่เราละเลยหัวใจตัวเองเราจะเป็นทุกข์ จะสับสนและรู้สึกขัดแย้งภายในตลอดเวลา และกว่าจะได้ยินสิ่งที่หัวใจอยากบอกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ครูมีวิธีการที่แยบคายมากทำให้เราสามารถเผชิญหน้ากับหัวใจตัวเองอย่างน่าอัศจรรย์ ระหว่างที่ทำบันทึกทั้งตื่นเต้น ดีใจ เศร้าใจ สงสาร ประหลาดใจ ในจินตภาพที่เราสัมผัสได้มีทั้งภาพและเสียงชัดเจนมาก ราวกับกำลังดูละครเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว หัวใจที่อยู่กับเรามาทั้งชีวิตแต่เรากลับละเลยเขา ไม่สนใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อสาร เมื่อกลับมาฟังเสียงหัวใจอีกครั้งเราได้ยินในสิ่งที่เราไม่คาดคิดมากมาย จนตัวเองรู้สึกหลงรักหัวใจตัวเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ได้ตะกอนความคิดจากหัวข้อบันทึกนี้เยอะมาก เช่น “เราอาจจะดูละครกันมาหลายเรื่อง แต่หารู้ไม่ว่าละครที่น่าติดตามที่สุดคือชีวิตของเราเอง” “ถ้าเราไม่ตกหลุมรักตัวเองก่อน แล้วใครจะมาตกหลุมรักเรา” เป็นต้น เมื่อประตูหัวใจเปิดออกแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบันทึกหลังจากนั้นเป็นการพิสูจน์ความแข็งแรงของหัวใจ พิสูจน์ความรักของผู้ปกป้อง และค้นพบคุณค่าภายในตนเอง แต่ละหัวข้อบันทึกในช่วงหลังนั้นต้องทำงานกับตัวเองหนักมาก เรียกว่าทำสารพัดวิธีเพื่อให้ได้คำตอบ… Continue reading บทเรียน “เขียนเยียวยา” กึ่งออนไลน์ (ธันวาคม ๒๕๕๙) (๑)
บทเรียน เขียนค้นตน ๒๕๖๐ (workshop รอบแรก)
อบรมวันที่ ๑๔ – ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐ ในหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต หัวข้อ “เขียนค้นตน” www.dhammaliterary.org/เขียนค้นตน เปิดอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ด้านล่าง :
รวมบทเรียน เขียนภาวนา ประจำปี ๒๕๕๙
รวมบางบทเรียน “เขียนภาวนา:กึ่งออนไลน์” กันยายน ๒๕๕๙ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ครูคะ ขวัญได้อ่านบันทึกของคนอื่นแล้ว ได้เห็นว่าทุกคนต่างมีทุกข์และกําลังหาทางพ้นทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น เห็นความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ ในคนอื่น ทําให้เห็นความเข้มแข็ง และ ความกล้าหาญในตัวเองด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะครู ___ ฉันไม่จำเป็นต้องยึด ฉันสามารถ ครั้งที่2 ฉันไม่จำเป็นต้องยึดในแบรนด์กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า เสื้อผ้า ที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันดูดี มีคุณค่า ไม่รู้สึกต้อยตํ่า ฉันสามารถรู้สึกมีคุณค่าได้เมื่อฉันหิ้วกระเป๋าที่ฉันชอบโดยไม่ต้องมีแบรนด์ ฉันสามารถใส่นาฬิกาที่ฉันชอบโดยที่ไม่ต้องมีแบรนด์ ฉันสามารถซื้อในเวลาที่ฉันจำเป็นต้องใช้เท่านั้น ฉันสามารถเห็นในเวลาที่ฉันอยากซื้ออยากได้ในเวลาที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ ฉันสามารถให้กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า ที่เกินความจำเป็นแก่คนที่จำเป็นกว่าฉัน ฉันสามารถขายกระเป๋า นาฬิกา ที่เกินความจำเป็น เพื่อนําเงินมาจุนเจือ เพื่อความภาคภูมิใจ ในการที่ฉันสามารถละ ลด เรื่องนี้ได้ ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่มีแบรนด์ ฉันไม่จำเป็นต้องยึดในแบรนด์ที่คนอื่นใส่ ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจมองหาว่าคนอื่นใส่แบรนด์อะไร ของจริงหรือของปลอม ฉันไม่จำเป็นต้องคอยเปรียบเทียบว่าแบรนด์ที่ฉันใส่ดีกว่าหรือด้อยกว่าเค้า ฉันไม่จำเป็นต้องตัดสินคนจากแบรนด์ที่เค้าใส่ ฉันสามารถมองเห็นคนอื่นจากความดีงาม บุคลิคภาพ การพูดจา… Continue reading รวมบทเรียน เขียนภาวนา ประจำปี ๒๕๕๙
บันทึกนักเขียนบำบัด “ฟังเสียงร่างกาย” ตอนที่ ๒
บันทึกนักเขียนบำบัด “ฟังเสียงร่างกาย” ตอนที่ ๒ บทสนทนาและการดูแลตนเอง ในรอยต่อระหว่างการอบรม “เขียน = ปลดปล่อยชีวิต” และ “พลังแห่งจิต กึ่งออนไลน์” โดย สุพัตรา ฉัน… ฟังร่างกายครั้งที่ห้า 05/04/59 วันนี้ทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเกือบทั้งวัน ไม่ได้คิดถึงหรือรู้สึกไม่ดีในเรื่องใดจริงจัง แต่เห็นตัวเองอารมณ์ค่อนข้างร้อน หงุดหงิดง่ายกับเรื่องเล็กๆ อาการออกทางใบหน้าไม่ค่อยยิ้ม หน้าขรึม ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ เมื่อตอนเย็นได้ไปงานเลี้ยงกินน้ำอัดลมไป 2 แก้ว และเค้ก 1 ชิ้น(-*-) ก่อนเริ่ม…ฟังเพลงผ่อนคลาย และทบทวนตัวเองในระหว่างวัน เริ่มง่วงเล็กน้อย ขณะฟังร่างกาย…หายใจเข้าออกอยู่กับตัวเองไม่ค่อยมีสมาธิมีเรื่องทั่วๆไปหลายเรื่องแว๊บเข้ามาแล้วก็หลับไปจนถึงตีสามครึ่ง ผ่านมา 5 วันแล้วยังไม่ค่อยได้คุยกับคุณร่างกาย หวังว่าคุณร่างกายจะเข้าใจว่าเราอ่อนเพลียเลยขอพักผ่อนก่อนคุณร่างกายก็ได้พักไปด้วยงัย ถ้าเรามีพลังขึ้น ———– อาจารย์… อย่างน้อยเราได้ฟังความอ่อนเพลียในตัวเรา กับเสียงสะท้อนจากคุณคอและบ่า ครั้งต่อไปนี้ไม่เพียงเราจะตั้งใจฟังเสียงร่างกายเท่านั้น แต่เราจะมอบพลังแก่เขาด้วยใจของเราด้วย เริ่มที่คอก่อนได้ครับ ทว่าครั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ลองเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่งนะครับ แม้เราไม่ได้คิดถึงสิ่งที่รบกวนใจ แต่ความร้อนหงุดหงิดที่อยู่ภายในก็แสดงถึงพลังลบหรือความคิดบางอย่างสะสมอยู่ ให้การฟังร่างกายหรือปรับพลังร่างกายทีละจุดนี้ ชำระล้างและผ่อนคลายตัวเรา ให้แสงสว่างที่เรากำหนดในใจให้เป็นการปรับเปลี้ยนพลังลบออกให้สมดุล… Continue reading บันทึกนักเขียนบำบัด “ฟังเสียงร่างกาย” ตอนที่ ๒