ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์

  ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์ ธรรมนนท์ กิจติเวชกุล งานเขียนต่อยอดจากการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง”   ในเส้นทางการเดินทางของชีวิต ฉันเคยยึดมั่นธรรมเนียมของการซื้อของฝาก การส่งการ์ดในวาระสำคัญของชีวิต การแลกเปลี่ยนของขวัญกับคนที่เจอะเจอกัน แม้ในหลายปีที่ผ่านมาของขวัญ ของฝากที่เป็นวัตถุจางหายไปทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ แต่ฉันเชื่อว่าการมอบของขวัญยังคงมีเสมอในทุกวันของชีวิต ในวันนี้ที่ฉันเดินทางมาถึงวัยกลางคน น่าจะเป็นจุดสำคัญในการทบทวนว่าของขวัญที่ให้มันมีคุณค่าหรือความหมายต่อชีวิตของคนๆหนึ่งและผู้คนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างไร และอะไรคือของขวัญที่คนเล็กๆคนหนึ่งได้นำมาสู่โลกใบนี้ หลายปีก่อนเจอข้าราชการป่าไม้คนหนึ่งเดินมาทักทาย ว่าเป็นรุ่นน้องและจำได้ว่าได้รับของฝากที่ระลึกหลังจากฉันกลับจากญี่ปุ่น เขารู้สึกดีใจ ปลื้มใจมาก ฉันเองก็ปลื้มใจว่าของเล็กน้อยที่นำมาฝากผู้คนหลังเดินทางไกลยังอยู่ในความทรงจำของคนบางคน และนี่คงเป็นคุณค่าหนึ่งของของขวัญ คือการรับรู้ว่าการให้ยังคงมีความหมายในโลกใบนี้ ฉันมักให้ของขวัญกับคนที่พบเจอในช่วงเวลานั้นๆของชีวิต เมื่อถามตัวเองว่า เราหลงลืมผู้คนไปมากมายหรือ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามีความหมายต่อชีวิตหรือไม่ แล้วมิตรภาพที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร การเก็บรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ของเราคือการสื่อสารหรือของขวัญที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอหรือ สำหรับบางคนมันอาจเป็นเช่นนั้น น่าแปลกที่ฉันมักหลงลืมผู้คนที่เคยพานพบบนเส้นทางชีวิต แม้หลายคนยังคงอยู่ในความทรงจำ อาจไม่มีของขวัญสม่ำเสมอเมื่อยามไกลกัน แต่ฉันมั่นใจว่า “ฉันไม่ทำร้ายใคร” “ฉันพร้อมรับฟังไม่ว่าอยู่ตรงไหน” ของขวัญหรือของที่ระลึกมอบออกไปมีความหมายเสมอในความสัมพันธ์ ณ ปัจจุบันขณะ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเมื่อเราอยู่ด้วยกัน  นั่นคือเวลาที่เป็นของขวัญแก่กันที่ยิ่งใหญ่ ของขวัญที่ส่งไปบางชิ้นเพื่อบอกถึงการให้อภัยในทุกสิ่ง ฉันเรียนรู้ที่จะพอใจสิ่งที่ให้ หรือแม้กระทั่งการไม่ให้ก็คือการให้ เรียนรู้ที่จะยอมจำนนต่อสิ่งที่กำหนดไม่ได้ มีความศิโรราบต่อความถือตน ได้บ่มเพาะศรัทธาว่าสิ่งที่ให้ไปมันจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะไม่มีวันขาดแคลน และเมื่อเป็นผู้ให้ฉันได้รับยิ่งกว่าใคร นอกจากนั้นฉันยังได้เรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับการเติบโตและการกลับสู่สมดุล เรียนรู้ที่จะรักและกรุณาต่อตนเอง… Continue reading ของขวัญที่ให้…โดย ครูนิตย์

“สวนโมกข์กลางใจ”  คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์

“สวนโมกข์กลางใจ” คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์ งานเขียนต่อยอดจากบันทึกการอบรม “เขียน = ค้นพบตัวเอง”   ในชีวิตฉันมีสถานที่ที่ชอบและประทับใจอยู่มากมาย แต่คงไม่มีสถานที่แห่งไหนที่จะสะท้อนการเติบโตของตัวฉันในแต่ละช่วงของชีวิตได้ดีเท่าที่แห่งนี้… “สวนโมกขพลาราม” ฉันรู้จักสวนโมกข์ครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นอาจารย์ท่านหนึ่งที่ฉันรักและเคารพมาก ท่านเห็นว่าการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยยังคับแคบอยู่มาก ด้วยความปรารถนาดีไม่อยากให้ลูกศิษย์เป็นกบในกะลา อาจารย์จึงได้นิมนต์หลวงพี่ประชา เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในฐานะคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่สนใจงานด้านศาสนากับการพัฒนา จำได้ว่าสิ่งที่ท่านกล่าวเป็นสิ่งใหม่และน่าสนใจมาก แต่กบก็ยังเป็นกบ แม้จะมีคนเปิดกะลาให้ได้เห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวออกไปเรียนรู้ในทันที เพราะในเวลานั้นยังมีช่องว่างของประสบการณ์และความเข้าใจชีวิตอยู่มาก ยังไม่รู้จักโลกภายนอกมหาวิทยาลัยสักเท่าใด แต่หลวงพี่ก็กรุณามากที่ชวนพวกเราไปเยี่ยมท่านที่สวนโมกข์ อาศัยว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่มีศรัทธาปสาทะในพุทธศาสนาอยู่บ้างได้ชวนโบกรถไปด้วยกัน ฉันจึงได้รู้จักและเยียบยืนบนแผ่นดินธรรมที่ชื่อว่า สวนโมกขพลารามเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อหลายสิบปีก่อน สวนโมกข์เป็นวัดป่าที่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้ คนที่มานอกจากญาติโยมรอบวัดแล้วก็มีแต่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาท่านพุทธทาส บรรยากาศภายในวัดจึงค่อนข้างเงียบสงบมาก มีเพียงช่วงเวลาทำวัตรเช้าเย็นที่พระภิกษุ แม่ชี และผู้มาพักได้มาสวดมนต์ร่วมกันที่อุโบสถกลางแจ้งที่เรียกว่า ลานหินโค้ง นอกจากนั้นทุกคนจะแยกย้ายกันทำกิจและศึกษาธรรมะในกุฏิหรือที่พัก ในเวลาที่พวกเราเดินขึ้นเขาพุทธทองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงกิ่งไม้ใบไม้เสียดสีลู่ลมและเสียงหรีดหริ่งเรไรระงมตลอดเส้นทาง ทำให้รู้สึกเย็นเยียบและวังเวงพิกล ภาพปริศนาธรรมบางภาพที่อยู่ภายในโรงมหรสพทางวิญญานก็ดูเข้าใจยากและน่ากลัวจนไม่กล้าเดินคนเดียว ถึงกระนั้นฉันก็ยังชอบสวนโมกข์เพราะความสงบร่มรื่น ไม่มีโบสถ์วิหารอลังการเหมือนวัดทั่วไป ได้สวดมนต์แปลเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้ฟังเทศน์สอนธรรมด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ได้นั่งเงียบๆอยู่กับตัวเองริมสระนาฬิเกร์ ได้กินข้าวก้นบาตร แม้จะรู้จักสวนโมกข์เพียงผิวเผินในระยะเวลาสั้นๆ แต่โดยรวมฉันประทับใจและรู้สึกดีกับสถานที่แห่งนี้ ผ่านไปหลายปีฉันได้กลับมาสวนโมกข์อีกครั้งในฐานะผู้เข้าอบรมอานาปานสติ การอบรมในครั้งนี้จัดให้กับนักพัฒนารุ่นใหม่ เพื่อให้นำอานาปานสติมาพัฒนาตนเองและเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ในขณะนั้นฉันเพิ่งทำงานได้ไม่นานนัก กำลังสนุกกับการทำงานในพื้นที่และมีความเชื่อมั่นว่าตนเองมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาความทุกข์ยากของคนที่ด้อยโอกาสได้ ตอนนั้นมีทั้งความหลงตัวเอง… Continue reading “สวนโมกข์กลางใจ”  คุณแวว วิภา สุขพรสวรรค์

” ความรักของดาวลูกไก่ ” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน

” ความรักของดาวลูกไก่ “ คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน / งานเขียนต่อยอดการอบรมเขียน = ค้นพบตัวเอง รับวันแห่งความรัก   ในบรรยากาศของวันแห่งความรักที่มีกลิ่นไอความรักอบอวลไปทั่วโลกออนไลน์ มีความสุขสดชื่นในความรักที่มอบแก่กันและกัน ในบรรยากาศนี้ทำให้ฉันย้อนระลึกถึงเรื่องราวความรักในตำนานแห่งดวงดาวเรื่องหนึ่งที่ได้ยินได้ฟังมาแต่เด็กเรื่องราวของดาวลูกไก่นั่นเอง …เรื่องราวของตำนานนี้เป็นความรักในรูปแบบที่แตกต่างจากความรักที่ผู้คนให้ความสนใจในวันแห่งความรักเป็นความรักที่พร้อมจะให้และสละออก เพื่อให้คนที่รักมีความสุข เป็นความรักที่ไม่ต้องการการครอบครองลองมาย้อนเรื่องราวความรักของดาวลูกไก่กันอีกสักครั้งในแบบฉบับที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง ในตำนานเล่าว่ามีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ชายป่า ตายายเลี้ยงแม่ไก่ไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งต่อมาออกไข่และฟักออกมาเป็นลูกไก่ตัวน้อย 7 ตัว ตายายจึงคอยเลี้ยงดูให้อาหารแม่ไก่และลูกๆด้วยความเมตตา ในคราวหนึ่งมีเหยี่ยวบินโฉบมา หมายจะจับเอามาไก่และลูกไก่ไปเป็นอาหาร ตายายมาเห็นเข้าจึงคว้าไม้ไปไล่เหยี่ยว ช่วยให้แม่ไก่และลูกปลอดภัย แม่ไก่จึงยิ่งซาบซึ้งใจและสำนึกในบุญคุญของตายายเป็นอย่างมาก … อยู่มาวันหนึ่งมีพระธุดงค์องค์หนึ่งมาปักกลดอยู่ที่เชิงเขา ตายายเห็นว่าในละแวกนั้นมีเพียงบ้านของตายาย จึงเกิดความเป็นห่วงว่าพระธุดงค์จะไม่มีใครถวายภัตตาหาร แต่เมื่อค้นดูเสบียงอาหารในครัว ก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พืชผักที่ปลูกไว้ก็เหี่ยวแห้งเพราะอากาศแล้ง ตายายจึงปรึกษากันว่าคงจะต้องฆ่าแม่ไก่มาเพื่อปรุงอาหารถวายพระ แม่ไก่บังเอิญมาได้ยินเรื่องราวจึงตัดสินที่จะยอมสละชีวิตตน เพื่อตอบแทนบุญคุญตายายที่ชุบเลี้ยงและปกป้องมาตลอด แม่ไก่จึงเรียกลูกทั้งเจ็ดมาล่ำลาสั่งเสียให้ลูกๆรักใคร่ปรองดอง ดูแลกันและกัน พอรุ่งเช้าตาจึงเชือดแม่ไก่เพื่อให้ยายปรุงอาหาร ขณะที่ยายกำลังก่อเตาไฟเพื่อปรุงอาหาร เจ้าลูกไก่ทั้งเจ็ดต่างวิ่งเข้ามาดูร่างอันไร้วิญญาณของแม่เป็นครั้งสุดท้าย ยิ่งได้เห็น ลูกไก่ทั้งเจ็ดยิ่งเศร้าโศกเสียใจร่ำไห้คิดถึงแม่ที่จากไปน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่งตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วหันไปบอกพี่ๆว่า ฉันทนอยู่ต่อไปโดยไม่มีแม่ไม่ได้ ฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ หากขาดแม่ที่ฉันรัก ฉันจะโดดเข้ากองไฟตายตามแม่ไป … แต่แล้วเจ้าพี่ใหญ่ก็เข้าห้ามและปลอบใจน้องน้อยว่า น้องเอ่ย… Continue reading ” ความรักของดาวลูกไก่ ” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน

บทเรียนและประสบการณ์

รายนามผู้ผ่านการอบรมกึ่งออนไลน์ เขียน = มหัศจรรย์ชีวิต ประจำ ปี 2557 ร่วมกับศูนย์จิตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล   ธนา (เต๋อ) / อาจารย์ ณัชชา (กระติบ) / ราชการ นักบำบัด ธรรมนนท์ (นิตย์) / กระบวนกร ปุณณมา (นก) / อาจารย์ มัณฑนา (น้อง) / อาจารย์ น้ำทิพย์ (ทิพย์) / อิสระ ฐิติพร นามปากกา ไผ่ / พนักงานบริษัท สุธิศา (นุ่น) / นักวิชาการการศึกษา สิรินันท์ (กุ๊กไก่) / อาจารย์ ชญานิษฐ์ นามปากกา ช่วงก้าว / พยาบาล ปุญญิสา นามปากกา… Continue reading บทเรียนและประสบการณ์

เสียงจากใจตะลิงปลิง – สิรินันท์ นิลวรางกูร (กุ๊กไก่)

ชื่อเรื่อง เสียงจากใจตะลิงปลิง สิรินันท์ นิลวรางกูร (กุ๊กไก่) งานเขียนต่อยอดจากบันทึกอบรม เขียน=มหัศจรรย์ชีวิต   “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องตะคอกใส่กันด้วย ฉันพยายามทำดีกับเธอทุกอย่าง ยอมเธอทุกอย่าง ไม่เคยอารมณ์เสียใส่ แล้วทำไมต้องตะคอกใส่กันด้วย” เสียงแห่งความน้อยใจและเสียใจตะโกนก้องอยู่ในหัวหลังจากที่โดนน้องตะคอกใส่เรื่องทิ้งกะทิที่เหลือจากกล้วยเชื่อม แต่ก็ได้แต่ส่งเสียงตะโกนอยู่ข้างใน ไม่กล้าที่จะตะโกนออกมาหรือตะคอกกลับ พยายามทำสีหน้าให้ปกติ ทั้งๆ ที่กำลังจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว รีบวางของและแอบเข้าไปร้องไห้คนเดียวในห้อง เหมือนเช่นทุกครั้งที่โดนน้องหรือแม่ดุหรือทำอารมณ์เสียใส่โดยที่เราไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้ มิฉะนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที นั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียวรู้สึกเจ็บอยู่ในใจว่าทำไมเราตอบโต้ไม่ได้ ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้ ทำไมเขาแสดงอารมณ์ใส่เราได้ แต่ทำไมเราแสดงอารมณ์ใส่เขาไม่ได้ ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายห่วงเขา ทำอะไรต่อมิอะไรให้เขา ในขณะที่เขาไม่ได้คิดถึงความต้องการของฉันเลย ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ ไม่อยากอยู่ ฉันอยากจะไปอยู่ในที่ที่ฉันสามารถทำตามใจฉันเองได้บ้าง ฉันต้องการอิสรภาพ หลังจากนั่งร้องไห้อยู่สักพักใหญ่จนความอัดอั้นข้างในบรรเทาไปบ้างแล้ว เจ้าหลานชายตัวเล็กมาร้องเรียกหน้าห้อง “ดูสิ ห่วงมาผูกคอแล้ว” แล้วก็เดินออกไปหาหลาน ไอ้ตัวเล็กชวนเดินออกไปที่สนามหน้าบ้าน ให้เรานั่งมองเขาเล่น เขาหยิบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่ง สมมุติว่าเป็นดาบ ไล่ฟันต้นไม้พร้อมส่งเสียงฉับๆๆ เควี้ยวๆๆ ไปตามเรื่อง แล้วก็มาที่ต้นตะลิงปลิง เอาดาบฟันต้นตะลิงปลิงด้วยความเมามัน ฟันลูกตะลิงปลิงลงมาแล้วก็ฟันๆๆๆๆ ลูกตะลิงปลิง มองดูหลานเล่นแล้วก็คิดในใจว่า “ต้นตะลิงปลิงจะเจ็บไหมนะ” เมื่อมีโอกาสจีงเดินไปหาต้นตะลิงปลิง เอามือลูบลำต้นเขาเบาๆ พร้อมกับถามเขาในใจอย่างอ่อนโยนว่า “เจ็บไหม”… Continue reading เสียงจากใจตะลิงปลิง – สิรินันท์ นิลวรางกูร (กุ๊กไก่)

“ของวิเศษที่ถูกลืม” คุณปุณณมา ศิริพันธ์โนน

“ของวิเศษที่ถูกลืม” คุณนก ปุณณมา ศิริพันธ์โนน งานเขียนต่อยอดจากการเรียนรู้ คอร์ส เขียน=มหัศจรรย์ชีวิต ถ้าเอ่ยถึง”เจ้าแมวสีฟ้าตัวกลม“ น้อยคนนักที่จะบอกว่าไม่รู้จัก“โดราเอมอน” โดยเฉพาะคนในวัยเดียวกับฉัน เจ้าแมวตัวนี้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนปลาดิบมาเป็นขวัญใจเด็กไทยมานานกว่า 30 ปี … ย้อนไปในวันที่เด็กน้อยวัย 10 ขวบอย่างฉันได้อ่านเรื่องราวของเจ้าหุ่นยนต์แมวตัวนี้ที่โลดแล่นอยู่บนหน้ากระดาษในหนังสือการ์ตูนแปล มันช่างเรื่องราวที่สนุกสนาน เต็มไปด้วยจินตนาการ แตกต่างไปจากหนังสือการ์ตูนไทยที่เคยได้อ่านมา ดังนั้นโดราเอมอนจึงกลายเป็นหนังสือการ์ตูนที่ฉันรอคอยที่จะได้อ่านเรื่องราวตอนใหม่ๆ … อะไรที่ทำให้เจ้าหุ่นยนต์แมวตัวนี้ทำให้ฉันหลงรักได้ตั้งแต่แรกรู้จัก ก็บรรดาของวิเศษในกระเป๋ามิติที่4 นั่นไง ใครๆก็อยากได้ โดยเฉพาะประตูไปไหนก็ได้ และคอปเตอร์ไม้ไผ่ ถือเป็นของวิเศษชิ้นโปรดของฉันเลยทีเดียว ถ้าได้มีเจ้าโดราเอมอนอยู่ที่บ้านสักตัวก็คงดี ปัญหาต่างๆคงแก้ไขได้ไม่ยาก ความใฝ่ฝันความคาดหวังคงสัมฤทธ์ผลอย่างแน่นอน … เมื่อเด็กน้อยเติบโต เรื่องราวของเจ้าแมวสีฟ้าและของวิเศษก็ค่อยๆจางหายไป แต่ในบางวันที่เป็นวันแย่ๆที่น่าเหนื่อยล้า ท้อแท้ วันที่ทุกสิ่งรอบตัวมันดูจะผิดพลาดไม่เสียหมด ทำอะไรก็ติดขัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ประหนึ่งว่าเมื่อตอนเช้าฉันคงจะก้าวขาผิดข้างออกจากบ้าน ในวันแบบนี้ถ้ามีเจ้าโดราเอมอน เป็น”ฮีโร่”ขี่ม้าขาวมาพร้อมของวิเศษมากมายก็คงดี มาช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น มาฉุดฉันขึ้นจากวังวนแห่งความโชคร้ายต่างๆ ว่าแต่ … เจ้าของวิเศษต่างๆมันช่วยฉันสมหวังได้จริงหรือ … ในเวลาพบเจอปัญหา เวลามีความทุกข์ หลายครั้งฉันมักหวังพึ่งความช่วยเหลือจากคนอื่น ไม่เว้นแม้การภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ เพราะเชื่อว่าคนอื่นจะเป็น”ฮีโร่” ที่หยิบยื่นทางออกดีๆให้ได้ เพราะการเฝ้ารอคอยที่จะพบ”ฮีโร่”… Continue reading “ของวิเศษที่ถูกลืม” คุณปุณณมา ศิริพันธ์โนน

“หัวใจทองคำ” ปุณณมา ศิริพันธ์โนน (นก)

“หัวใจทองคำ” ปุณณมา ศิริพันธ์โนน (นก) งานเขียนต่อยอดคอร์ส เขียน=มหัศจรรย์ชีวิต ถ้าพูดถึง “โรโบคอน” หรือ “เจ้าหุ่นคอมพิวเตอร์” เชื่อว่าเด็กๆรุ่นใหม่คงไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าลองถามเพื่อนๆที่อายุอานามสักสามสิบปลายๆขึ้นไป คงมีคนร้องอ๋อบ้าง ไม่มากก็น้อย ^__^ … เจ้าหุ่นตัวนี้เป็นหุ่นกระป๋องสีแดง ที่มีแขนขาเป็นท่อยางย่นสีเทาเงินและมีเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า ฝาหน้าท้องเปิดได้คล้ายกระโปรงรถยนต์ เพราะเค้าว่ากันว่า รูปร่างของโรโบคอนเลียนแบบมาจากรถโฟล์คเต่า เรื่องราวของโรโบคอนเป็นภาพยนตร์ซีรีย์จากญี่ปุ่น ซึ่งได้นำเข้ามาฉายทางทีวีเมื่อหลายสิบปีก่อน … ฉันเองก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับของเจ้าหุ่นโรโบคอนในสมัยนั้น เจ้าหุ่นโรโบคอนเป็นนักเรียนของโรงเรียนฝึกหุ่นยนต์ โจทย์ที่โรโบคอนและเพื่อนหุ่นยนต์ได้รับมอบหมายในทุกอาทิตย์ ก็คือการช่วยเหลือผู้คน และฝึกฝนให้มีจิตใจดีงาม การทำความดีทุกครั้งจะได้คะแนนเก็บสะสมไปเรื่อยๆ และเมื่อภารกิจจบลงท่านอาจารย์ก็จะมาสรุปคะแนน ดังนั้นโรโบคอนจึงมุ่งมั่นทำความดีอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้คะแนนหนึ่งร้อยเต็ม แต่ด้วยความซุ่มซ่าม ไม่รอบคอบ และความกลัวแมลงสาบ ทำให้โรโบคอนมักพลาดจนถูกหักคะแนนเป็นศูนย์เกือบทุกครั้ง ในตอนเด็กฉันก็จะคอยลุ้น คอยเชียร์โรโบคอนเสมอ และจะเศร้าเสียใจไปด้วยทุกครั้งที่เจ้าหุ่นได้ศูนย์คะแนน … ถึงจะพลาดนับครั้งไม่ถ้วน แต่โรโบคอนก็ไม่เคยย่อท้อในการทำความดี จนในท้ายที่สุดโรโบคอนก็ได้คะแนนเต็มและได้”หัวใจทองคำ”ตอบแทน ในวัยเด็กแง่คิดหลักๆที่ฉันได้จากโรโบคอนเป็นแบบตรงไปตรงมา คือ … ต้องหมั่นทำความดี อย่าประมาท อย่าซุ่มซ่าม อย่าท้อ … แต่มาวันนี้ ในวันที่ผ่านประสบการณ์มามากมายในชีวิต เมื่อมองย้อนกลับไปหาเจ้าหุ่นโรโบคอน ฉันกลับมองเห็นแง่มุมที่มีมิติหลากหลายมากขึ้นและแตกต่างไปเดิม… Continue reading “หัวใจทองคำ” ปุณณมา ศิริพันธ์โนน (นก)

บทเรียน ความรู้สึก และการค้นพบ-เขียนปลดปล่อยชีวิต57

  หนังสือรวมบทเรียน ความรู้สึก และการค้นพบ จากคอร์สกึ่งออนไลน์เขียนเปลี่ยนชีวิต#4@2557ในหัวข้อ “เขียน=ปลดปล่อยชีวิต” ชุดที่สองโดยศูนย์การเขียนเปลี่ยนชีวิต โครงการธรรมวรรณศิลป์งานเขียนชิ้นนี้คือการรวบรวมส่วนหนึ่งจากบันทึกและการทบทวนจากผู้เข้ารับการอบรม  ประสบการณ์และหัวใจเหล่านี้คือตัวแทนของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งในโลก   ดาวโหลดหนังสือได้ที่ http://www.ebooks.in.th/ebook/27637/บทเรียน_ความรู้สึก_และการค้นพบ-เขียนปลดปล่อยชีวิต57/  

เด็กน้อยคนนั้นก็คือฉัน

“เด็กน้อยคนนั้นก็คือฉัน”

ส่วนหนึ่งของบันทึกคำบอกเฃ่าจากการเขียนบันทึกเพื่อค้นพบและดูแล “เด็กน้อยภายใน” ผ่านหลักสูตรการอบรมกึ่งออนไลน์เขียนเปลี่ยนชีวิต โดยศูนย์การเขียนเปลี่ยนชีวิต โครงการธรรมวรรณศิลป์ www.facebook.com/khianpianchiwit

 

ดาวน์โหลด

http://www.ebooks.in.th/ebook/25871/เด็กน้อยคนนั้นก็คือฉัน/

บันทึกคอร์ส เขียน=ปลดปล่อยชีวิต 2557

รวมบันทึกส่วนหนึ่งจากคอร์สเขียนเปลี่ยนชีวิต หัวข้อ”เขียน = ปลดปล่อยชีวิต” ประจำปี 2557รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/khianpianchiwit

และเว็บไซต์ www.youngawakening.org/write4life/

 

ดาวน์โหลด

http://www.ebooks.in.th/ebook/23974/บันทึกคอร์ส_เขียน=ปลดปล่อยชีวิต_2557/