เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง #2

“ก้าวข้ามพื้นที่ปลอดภัย แต่ไม่ไกลเกินไปจากตัวเอง” อุปสรรคแรกๆ ของผู้เรียนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียน เขียนเปลี่ยนชีวิต มักจะรู้สึกเขียนไม่ออกหรือไม่รู้จะเขียนอะไรในช่วงแรกๆ ที่จับปากกาทำแบบฝึกหัดเขียนบันทึก แต่เรามีกติกาใจแนะนำไว้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ว่า “ให้การเขียนนำหน้า ปากกานำทาง หัวใจตามมา ความคิดจะเกิดขึ้นเอง” เป็นคาถาสำหรับการเริ่มต้น.คำแนะนำนี้จะสวนทางแก่การเขียนเพื่อสร้างชิ้นงานโดยทั่วไปอยู่บ้าง เพราะการเขียนเพื่อสร้างผลงานนั้นเราต้องคิดให้ดีก่อนเขียน วางโครงร่าง ออกแบบเนื้อหา และเขียนอย่างใส่ใจผู้อื่นว่าเขาจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่ ชอบไหม เข้าใจหรือเปล่า แต่การเขียนเพื่อเยียวยาหรือเพื่อเข้าใจตัวเองเป็นการขุดค้นลงไปในจิตใจและความเป็นตัวตน ผ่านการเขียนเป็นเครื่องมือ เพื่อออกนอกกรอบและเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเอง และสื่อสารกับหัวใจตนมิใช่คนอื่น.เทคนิคพื้นฐานที่ใช้ในทุกการเขียนเปลี่ยนชีวิต หรือการเขียนบำบัด คือเทคนิคที่ผมเรียกว่า การเขียนไม่หยุดปากกา ซึ่งครูอาจารย์ท่านอื่นอาจจะเรียกด้วยชื่อต่างกันออกไป การเขียนลักษณะนี้ไม่ให้ใช้ความคิดก่อนล่วงหน้า แต่ให้ทำตามขั้นตอนแล้วลงมือเขียนเลย เขียนไปเรื่อยๆ กึ่งอัตโนมัติ อนุญาตให้ใจด้นสด ค่อยๆ ลงลึกในจิต ปอกลอกเปลือกตัวตนอันผิวเผิน แล้วเปิดพื้นที่ให้สมองเกิดการแตกกอต่อยอดทางความคิดใหม่ๆ.การเริ่มต้นเขียนเปลี่ยนชีวิตแล้วเขียนไม่ออกในช่วงแรกๆ เพราะใจเรากำลังเผชิญกับขอบของความคิดและความเคยชิน ซึ่งหากเราเปรียบเทียบพื้นที่ปลอดภัยเหมือนไข่แดงตรงกลางแผนภาพไข่ดาว ขอบของความคิดที่ว่านั้นก็คือเส้นขอบกึ่งกลางระหว่างไข่แดงกับไข่ขาว คือขอบที่ขวางกั้นระหว่างพื้นที่ปลอดภัยและความเคยชินกับพื้นที่ชีวิตใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จัก.เหมือนช่วงเวลาที่เราต้องทำในสิ่งที่กลัวหรือไม่เคยชิน เราอาจเกิดความรู้สึกลังเล สั่นไหว มีอาการทางกายและทางใจเกิดขึ้น หรือตอนที่เราต้องการนึกถึงบางเหตุการณ์ในอดีตที่ลืมเลือนไปนานแล้ว นึกไม่ค่อยออก แต่พอผ่อนคลายหรือใช้เวลานึกสักครู่หนึ่งก็ระลึกได้ สิ่งเหล่านี้คือภาวะเมื่อขณะใจก้าวออกมาจากพื้นที่ไข่แดงมาหยุดอยู่ตรงกลางว่าจะก้าวข้ามไปยังไข่ขาวได้ไหม.ผู้เรียนบางคนเมื่อเห็นหัวข้อแบบฝึกหัดให้เขียนเก็บรวบรวมคำชื่นชมจากคนอื่นๆ ที่มีต่อตัวเอง แรกเห็นก็นึกว่าง่าย แต่พอเริ่มเขียนแล้วเจออาการเขียนไม่ค่อยออกในตอนต้นๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจการชื่นชมตัวเองเลย พอมีคนชมใจก็นึกเถียงว่ามันไม่ได้ดีอะไรมากมาย การเขียนหัวข้อดังกล่าวจึงกระทบขอบของหัวใจเขา… Continue reading เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง #2

เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง #1

    “เรามีคุณค่าเพราะว่ามีปมด้อย มิใช่เพราะสมบูรณ์แบบ”   ผมคงไม่เริ่มศึกษาการเขียนเพื่อการเยียวยาและพัฒนาชีวิต หากไม่ได้เกิดมาพร้อมกันเยื่อพังผืดติดใต้ลิ้นตรงใกล้ปลายๆ ทำให้พูดไม่ชัดและออกเสียงบางอักษรได้ไม่ถูกต้อง แล้วโชคร้าย เพราะกว่าจะมีหมอคนใดสามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง ก็ตระเวนไปหาคำตอบและทางรักษาหลายที่ จนเมื่อพบสาเหตุที่ซ่อนอยู่ตรงหน้าผมก็อายุย่าง 11 ขวบแล้ว ความมั่นใจที่จะพูดและสื่อสารกับโลกภายนอก โบยบินไปกับช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การฝึกพูดแล้ว . การกระดกลิ้นไม่ได้ทำให้ผมถูกล้อเรื่องเสียงพูดบ่อยครั้งนัก ทั้งจากเพื่อนเด็กนักเรียนและคุณครู โรงเรียนไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับผมนัก และกว่าจะพบสาเหตุสำคัญก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดผมจึงไม่สามารถฝึกออกเสียงและพูดได้เหมือนเด็กคนอื่น ทำให้การปรับตัวเมื่อต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนต่อกรุงเทพ เป็นสิ่งที่ยากเข็ญนัก . ผมมีที่พักใจ คือกองกระดาษใช้แล้วจากบริษัทที่พ่อทำงาน นั่นคือสมุดบันทึกเล่มแรกของผม ที่ซึ่งผมสามารถหลบพักจากโลกที่ผมไม่สามารถพูดและปรับตัวกับเพื่อนได้อย่างสมบูรณ์อย่างที่เด็กคนหนึ่งควรทำได้ อยู่กับจินตนาการและเพื่อนรับฟังที่ดีที่สุด . ผมเริ่มจากการชอบวาดรูปก่อน พยายามสร้างสรรค์เรื่องราวเลียนแบบจากภาพยนตร์และการ์ตูน แต่อนิจจา ฝีมือผมนั้นแย่มาก แล้วผมก็อยากให้พ่อแม่ท่านอ่านรู้เรื่อง ผมจึงต้องเขียนบอกว่า อันนี้ที่วาดคืออะไร อันนั้นคืออะไร เขียนบอกไว้ประกอบภาพ จนแล้วจนเล่าคิดว่าคงไม่เหมาะกับการวาดรูปแล้ว จึงเขียนเยอะขึ้นไปตามลำดับ . โชคร้ายกลายเป็นดีได้เสมอ หากผมวาดรูปเก่ง หรือเกิดมาพูดชัดเจน ผมคงให้เวลาสนใจเรื่องอื่นๆ มากกว่า ปัจจุบันคงไม่ได้เป็นครูผู้สอนการเขียนเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง หรือดูแลสถาบันธรรมวรรณศิลป์มาจนถึงวันนี้ . การที่ต้องไปหาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กหลายคน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการออกเสียงของตัวเองได้ มีผลกระทบทางใจกับผมอย่างน้อยสองอย่าง อย่างแรก ทำให้สงสัยถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ… Continue reading เขียนบันทึกเพื่อรักตัวเอง #1