เปิดตัวหนังสือออนไลน์ ! “เขียนรักษาใจ” : มหัศจรรย์การเขียนบำบัด โดยครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ จับปากกาแล้วเปลี่ยนให้สมุดเป็นคุณหมอที่ใกล้ตัวที่สุด ผ่านศาสตร์แห่งการเขียนบำบัด และการต่อยอดจากบันทึกสู่งานเขียนสร้างสรรค์ ด้วยเทคนิควิธีการจากหลักสูตร #เขียนเปลี่ยนชีวิต ราคาเพียง 222 บาท มีความยาวถึง 290 หน้าเอสี่ (หรือประมาณ 380 หน้าพ็อกเก็ตบุ๊ค เฉลี่ยหน้าละไม่ถึงหนึ่งบาท) มีกิจกรรมแบบฝึกหัด 54 หัวข้อให้ได้ปฏิบัติเพื่อดูแลจิตใจ ปมภายใน และร่างกายของเรา #พิเศษ ทางโครงการขอมอบส่วนลด 25% ต้อนรับปีใหม่ ซื้อในราคาเพียง 165 บาท เฉพาะชำระทางบัญชีธนาคาร หมดเขต 23 มกราคม 2564 ???? อ่านรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ https://punnspace.com/p/writeforyourheart หนังสือออนไลน์นี้ เป็นกึ่งหนังสือ กึ่งคอร์สออนไลน์ ไม่ใช่สื่อการเรียนรู้ที่ให้แค่ดูหรืออ่านเพื่อรับข้อมูลจากผู้สอนเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้เราอ่าน-คิด-เขียน-ทบทวน และแลกเปลี่ยน เสมือนเป็นคอร์สออนไลน์ที่เราจัดให้ตัวเองแต่สามารถแชร์บทเรียนกับผู้อื่นทางไกลได้ . “เขียนรักษาใจ” เป็นส่วนหนึ่งของ… Continue reading เปิดตัวหนังสือออนไลน์ ! “เขียนรักษาใจ” : มหัศจรรย์การเขียนบำบัด
Author: admin
8 ข้อคิด ไกด์โลกจิต ประจำปี 2563
รวมข้อความไขข้อคิดจากคอลัมน์ไกด์โลกจิต ประจำปีนี้ ทั้ง 8 ตอน ขอบคุณผู้ติดตาม ผู้อ่าน และศิษย์เก่าสถาบันธรรมวรรณศิลป์ที่ให้การติดตามมาตลอดทั้งปี และจากนี้ไป . 1 “ความกลัวนั้นเองทำให้ความตื่นตัวเป็นความ “ตื่นกลัว” ทำให้คิดมากหวาดระแวง วิตกกังวลไปต่างๆ จนเกินความเป็นจริง ความเครียดเกินครึ่งหนึ่งในชีวิตเกิดจากความคิดของเราเอง ความคิดที่ถูกผลักดันด้วยความกลัวอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้สิ่งที่เราเจอหรือระลึกถึง แลดูเลวร้ายไปกว่าความเป็นจริงเสมอ นอกจากการวิตกกังวล ความตื่นกลัวยังผลักดันให้เราพยายามมากเกินไปในเรื่องต่างๆ ทำให้เราแบกรับความคาดหวัง หมกมุ่นความดีพอหรือความสมบูรณ์แบบ กดดันตนเอง ไม่ยอมรับความจริง หักโหมจนโทรมทรุด ฯ หรือในทางกลับกันก็ทำให้เราไม่พยายามเลย เพราะกลัวที่จะผิดหวัง หรือกลัวที่จะต้องเสียใจ ทำให้ละเลยหรือปิดโอกาสตนเอง . “ความกลัวยังทำให้เรายึดติดกับบางสิ่งมากเกินไป การยึดติดนั้นเองที่ทำให้เกิดความตึงในการใช้ชีวิตที่เกินพอดี กลายเป็นความ “ตึงเครียด” หากเรามีความกลัวไม่ดีพออยู่ภายในระหว่างการทำงาน เราอาจยึดติดผลลัพธ์ของงานมากเกินไป จนนำมาสู่ความบาดหมางระหว่างเพื่อนร่วมงาน และตนอาจหักโหมบ้างานมากเกินไปจนกายใจเหนื่อยล้า ความยึดติดนั้นเองที่ก่อน้ำหนักให้เราแบกรับ กลายเป็นความเครียดสะสมในร่างกายและจิตใจ รวมทั้งความสัมพันธ์อีกด้วย จนถึงวันที่เกินขีดจำกัดจะรับไหว . “คนแต่ละคนมีความต้านทานต่อความตึงเครียดไม่เท่ากัน บางคนทนทานรับได้ยาวนาน บางคนทนรับได้น้อย หากเรามิได้คอยดูแลหรือสังเกตกายจิตให้ดี กว่าจะรู้ตัวว่ามีความเครียดสะสมมากก็อาจถึงเกณฑ์ที่เราเริ่มทนไม่ไหวแล้วหรือเลยเกณฑ์นั้นไปแล้ว ซึ่งจะเป็นจุดที่อาการต่างๆ จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน… Continue reading 8 ข้อคิด ไกด์โลกจิต ประจำปี 2563
ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า (2)
คำบอกเล่าจากผู้เรียน รุ่นที่ 9 “๑ สิ่งที่ได้รู้จักตัวเอง – ออมมาเรียนด้วยการตั้งคำถามหลักๆ ว่า “..ภารกิจที่ฉันต้องทำและเป็นงานที่ฉันรักและต้อง ทำให้ฉันมีรายได้ที่ดีทำให้ชีวิตมั่นคง คืออะไร..” มีคำตอบอยู่ในใจอยู่ค่ะ..แต่ไม่รุ้วิธีการปล่อยมือที่นุ่มนวล ที่เราไม่บาดเจ็บมากช่วงเริ่มแรก เลยมีคำถามย่อยอีกว่า แล้วฉันจะออกจากงานตรงนี้เพื่อไปเริ่มงานที่ฉันรักได้ยังไง ที่ยังมีรายได้เท่าตอนนี้หรือมากกว่านี้ จริงๆจะออกก็ออกได้เลยค่ะ เพราะเป็นFreelance แต่ว่ายังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอีกมาก เพราะถ้าเป็นการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ถ้ารายได้น้อยกว่าตอนนี้คือ อยู่ยากค่ะ ตอนนี้รายได้ก็เยอะแต่แทบไม่มีเวลาสำหรับครอบครัวหรือทำอย่างอื่นเลยค่ะ และวันสุดท้ายก็ได้คำตอบแบบเดิมๆที่เคยรู้มาก่อนหน้านี้อย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้เลยค่ะ แต่ว่าวิธีการมันชัดเจนขึ้นมาก…และทำให้รู้ว่า ตัวเองต้องพัฒนาตรงไหนเพื่มเติม เพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้น และออกจากวงจรนี้ได้…และมีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่ดี และมีความมั่นคงได้ด้วยค่ะ ✨ ————————— ✨ ๒. ความประทับใจ – ก็ประทับใจทุกช่วงเวลา ประทับใจครูผู้สอน แล้วก็เพื่อนๆ ทุกคนเลยค่ะ ทำให้ไม่รู้สึกเกร็ง ในการเรียนรู้ และได้รับรู้อีกมุมมองของคนอื่นที่มองเรา ทั้งข้อดีข้อด้อย ซึ่งบางทีเราก็ทำจุดที่ดีเป็นปกติ จนดูว่ามันปกติ ที่ไม่ใช่ข้อดีอะไรมากมาย แต่จริงๆแล้วมันก็ดีมาก …ข้อด้อยก็เช่นกันค่ะ ก็ดูว่ามันปกติ ถ้าด้อยเราก็จะพยายามไม่ไปอะไรกับตรงนั้น ซึ่งจริงๆแล้วควรจะส่งเสริมทั้งด้านดี… Continue reading ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า (2)
เรามีชีวิตด้วยการเล่าเรื่องราว
“ความเป็นตัวเราไม่ใช่เป็นตัวเป็นตนคงที่ แต่เราแต่ละคนเป็นเรื่องราวที่ขับขานและดำเนินสืบไป เราจะเข้าใจตนเองได้ เราต้องย้อนทบทวนเรื่องราวที่สร้างตัวเราขึ้นมา พูดลงลึกอีกระดับหนึ่ง เราต้องตระหนักในเรื่องราวที่เราปรุงแต่งขึ้นที่กำหนดมุมมองต่อตนเองและชีวิต “ปมความรู้สึกขาดแคลน เป็นปมใจร่วมสมัยในยุคที่เรารุ่งเรืองด้านวัตถุและเทคโนโลยี แต่คนเราต่างรู้สึกขาดแคลนอยู่ในใจ ยิ่งหามามากก็ยิ่งรู้สึกเหงา รู้สึกว่าตนเองดีไม่พอ และปัญหาความสัมพันธ์ก็ยากเหลือจะแก้ไข แม้เรามีสื่อสังคมออนไลน์ที่ติดต่อคนทั้งโลกได้เพียงปลายนิ้ว “ผมเองเห็นปมใจเรื่องความขาดแคลนและความยากจนในตนเอง ก่อเกิดจากเรื่องราวในครอบครัว พ่อผมเป็นลูกคนละพ่อกับน้องอีกสามคน ปู่เป็นสามีคนแรกของย่าซึ่งหย่าร้างจากกัน ครอบครัวผม มีพ่อแม่ ผมและน้อง เป็นบ้านเล็กภายใต้บ้านใหญ่ ซึ่งน้องๆของพ่อมีโอกาสได้เรียนสูงกว่าและมีงานซึ่งรายได้ดีกว่ามาก ครอบครัวผมจึงค่อนข้างแลดูยากจนกว่าสมาชิกในตระกูล น้องๆมักต้องช่วยเหลือเรื่องหนี้สิน ค่าใช้จ่าย แก่ทางครอบครัวผม ในทางด้านชีวิตเด็กตัวน้อย ตอนชั้นประถมเมื่อผมย้ายโรงเรียนเข้ากรุงเทพฯ ผมรู้สึกว่าตนเองเป็นเด็กยากจนกว่าเพื่อน ทั้งตอนเรียนชั้นประถมและชั้นมัธยม เพื่อนมักมีสิ่งของล้ำค่าอย่างของเล่น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าสวยๆ และต้องช่วยเหลือค่าใช้จ่ายบางอย่างแก่ผมหลายครั้งด้วยจนรู้สึกเกรงใจ เรื่องราวนี้ติดตัวผมมา พร้อมความรู้สึกด้อยกว่าเพื่อน “แง่ดีผมเองตั้งใจว่าในโอกาสหน้าผมจะต้องพยายามช่วยเหลือเพื่อนและคนที่ตัวเองรู้จัก แง่ลบคือมีความรู้สึกตอกย้ำตัวเองว่าจนและมีเงินไม่พออยู่บ่อยหน อยากรักษาเงินไว้ ไม่กล้าใช้จ่ายเพื่อตนเองนัก แต่บางครั้งก็เหวี่ยงเป็นอีกด้านคือใช้จ่ายเงินมากเกินไป ด้วยความตั้งใจต้องการช่วยเหลือผู้อื่น ผมเสียเงินเก็บและบางครั้งก็อดอาหารเพื่อให้มีเงินซื้อของ หรือจ่ายค่าใช้จ่ายให้น้องที่ตนรู้จัก “ผมจน ไม่ใช่เพราะมีเงินน้อย แต่เพราะความเชื่อที่ติดตัวมา ทำให้ท่าทีการมองตนเอง และท่าทีการใช้จ่ายไม่สมดุล ความรู้สึกด้อยและรู้สึกยากจน สะท้อนออกมาผ่านการแต่งตัวซอมซ่อ และบุคลิกหลังค่อม ไม่มั่นใจตนเองเวลาเข้าสังคม… Continue reading เรามีชีวิตด้วยการเล่าเรื่องราว
รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน
เธอยังเป็นเพียงนักเรียนของโลกใบนี้ แม้จะเป็นครูของใครบางคนก็ตาม มีอีกมากที่อาจเชื่อว่ารู้ดี แต่ยังมืดบอดบางมุมที่ควรตรอง . สิ่งที่คิด วันหนึ่งก็แปรเปลี่ยน เธอหนีมันไม่ได้หรอกนะ บทเรียนของการเวียนว่ายจะแวะเวียน ท้วงทักให้แลเหลียวไม่ลดละ . เพราะไม่รู้ จึงหลงและอยากใคร่ สร้างคุกคุมขังใจของตน เธอโทษคนอื่นและระบบไม่ได้ ความรู้ที่มีไม่ช่วยให้หลุดพ้น . ความเข้าใจไม่เคยคงที่ เพราะใจเอยมิอาจคงทน รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน . เธอยังต้องเรียนรู้ ความคิดมิอาจเป็นใหญ่กว่าความจริง สิ่งที่เห็นแค่ส่วนเสี้ยวที่มองดู คำตอบ…ไม่ใช่จุดจบ . มีคำถามไว้…ให้ใจเปิด ฝากการเรียนรู้ดำเนินไป ความรู้แท้จริงเพื่อปลดปล่อย มิใช่เพื่อครอบครองค่าแก่ใจ . เธอรู้แน่ๆ นั้นไม่ยาก สัมผัสอะไรเกิดดับในตอนนี้ ดูให้เห็นอย่างแยบยล ตัวตนผู้รู้ก็ไม่มี . เป็นเพียงนักเรียนของโลก แต่เป็นครูของบางคน ขอแค่คำถามก็พอแล้ว คำตอบ… อย่ากอบไว้ให้ทุกข์ทน . . มองให้ดี ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น… นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นตัวเรา นั่นไม่ใช่ตัวตน . . อนุรักษ์… Continue reading รู้ว่าไม่รู้ก็ยังดี ไม่รู้ว่าไม่รู้จึงมืดมน
วาดเล่นๆ ดีต่อใจ | PunnSpace.com
มาแล้ว ! “วาดเล่นๆ ดีต่อใจ” คอร์สออนไลน์ ลงทะเบียนครั้งเดียวเรียนตลอดชีพ ไม่จำกัดเวลา ???? คัดเนื้อหาบางส่วนจากหลักสูตร “Visual Notes เพื่อการเยียวยา” มาให้ศึกษาและลงมือทำในราคาย่อมเยาว์ ✍️ ฝึกทักษะการวาดลายเส้นพื้นฐานและเทคนิคจดบันทึกแนว Visual Notes เพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ฝึกการวาด คิดเป็นภาพ ทบทวนตนเอง และหาทางออกให้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ผ่านวิดีโอบรรยายกับการสาธิตกิจกรรมทั้ง 10 บท ในโครงการปัญญ์ สเปซ (PunnSpace.com) แหล่งเรียนรู้เพื่อทุกคน , สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ปีที่ 12 เนื้อหา ???? ประกอบด้วย บทที่ 1 : รู้จัก Visual Notes เพื่อการเยียวยา บทที่ 2 : Squiggle ขยุมเส้น บทที่ 3 : Shape Of… Continue reading วาดเล่นๆ ดีต่อใจ | PunnSpace.com
ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า
คำบอกเล่าจากผู้เรียน รุ่นที่ 9 1 สิ่งที่ได้รู้จักตัวเอง . ♧ ไม่ว่าเราจะดูไพ่ให้ใคร ล้วนมาจากมุมมอง การโฟกัส การให้ความสำคัญต่อด้านนั้นๆของเราเอง สะท้อนตัวเราเองออกมา และคุณสมบัติ นิสัยของแต่ละคน ก็ล้วนมีอยู่ในตัวเรา แต่เราอาจแสดงหรือให้ความสำคัญต่อส่วนนั้นมาก น้อย ขึ้นกับสถานการณ์ ♧ อ่านตัวเองดีกว่าอ่านคนอื่น เพราะมัวไปติดกับความคาดหวัง ของผู้ที่ดูไพ่ด้วย ซึ่งเป็นนิสัยของตัวเองอยู่แล้วคือ ขี้กังวล คาดหวังอะไรเกินจริง . 2.ความประทับใจ . ♧เพื่อนๆเก่งกันมากเลยค่ะ ♧ ไม่ต้องอ่านไพ่แต่ละใบ จากความจำก็ได้ เพียงจำแค่สัญลักษณ์และความหมายของสัญลักษณ์นั้นผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ ♧ เห็นพรสวรรค์ของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ♧ แอบเห็นครูเครียด และใจร้อน (เคยคิดว่าครูไม่มีโมเมนต์นี้^^) และขำที่ครูเปิดไพ่ของตัวเองเรื่องปม ที่มี 4 ใบ พอเปิดไพ่มาครูพูดว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่งง 55555555 . ♧ วันเวลาที่มีน้อยลงเรื่อยๆค่ะ อย่าประมาท (เน้นบอกตัวเอง (แหะ))… Continue reading ความประทับใจ “รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์” รุ่นเก้า
การยอมรับนำมาสู่การจัดการที่พอดี | PunnSpace.com
การยอมรับนำมาสู่การจัดการที่พอดี สาเหตุที่การเขียนทำให้เกิดการจัดระเบียบในชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบและส่งเสริมความมีวินัยให้มากขึ้น เป็นเพราะการเขียนรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นหลายด้านทำให้เกิดการยอมรับความเป็นจริง การขาดการจัดการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนว่าเรายังขาดการยอมรับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อาจมีรายละเอียดที่เราไม่กล้าหาญเผชิญหน้า อาจเป็นเรื่องที่เราไม่มีความมั่นใจที่จะแตะต้องหรือดูแล อาจเพราะกลัวความผิดพลาด ความผิดหวัง หรือความไม่ดีพอ จึงเลือกที่จะไม่ใส่ในเรื่องนั้นๆ อย่างเต็มที่ บางทีสิ่งที่เราขาดการยอมรับอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ โดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับตัวเราเอง เช่นเราไม่ยอมรับว่าตนเองขี้เกียจจึงปล่อยปละละเลย หรือไม่ยอมรับว่าบกพร่องในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ยอมแก้ไข การไม่ยอมรับที่สำคัญซึ่งทำให้เราขาดการจัดการในเรื่องนั้นๆ อย่างเต็มที่ คือการไม่ยอมรับว่าเราสามารถดูแลจัดการได้ ไม่ยอมรับว่าตนเองมีความสามารถและประสบการณ์มากพอที่จะแก้ไขและพัฒนา การขาดการยอมรับความเป็นจริงอาจนำมาสู่การพยายามจัดการที่มากเกินไป การพยายามจัดการที่มากเกินไปนั้นคือการควบคุมให้เป็นไปตามใจหมายโดยไม่สนใจปัจจัยความเป็นไปได้และไม่ใส่ใจเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ รวมทั้งการพยายามที่ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่างๆ เกิดขึ้นเพราะไม่ได้มองความเป็นจริงอย่างที่เป็น จึงมีท่าทีต่อสถานการณ์อย่างไม่สอดคล้องเหมาะสม ดังนั้นเราจึงควรมีการเขียนและเครื่องมืออื่นๆ ในการตรวจสอบพิจารณาความจริง ทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรับฟังมุมมองที่หลากหลายเพื่อให้เราสามารถดูแลหรือจัดการให้พอดี โดยไม่ยึดติดกับมุมมองใดมุมมองหนึ่งหรือความรู้สึกมากเกินไป การไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็เป็นการหลับตาใช้เงิน เราไม่เห็นภาพรวมและสถานการณ์ที่เป็นจริงว่ามีเงินได้มีเงินเสียมากน้อยเท่าใด มีลักษณะการจ่ายและการรับเข้ามาอย่างไร เมื่อไม่รู้จริงก็ทำให้ไม่สามารถวางกลยุทธ์ในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกันกับการจัดการเรื่องอื่นๆ การรู้ข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนจึงนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง อ่านต่อได้ที่ “เขียนพิชิตความสำเร็จ” บทที่ 5 หนังสือกึ่งคอร์สออนไลน์ เพื่อสนับสนุนโครงการปัญญ์ สเปซ https://punnspace.com/p/wrtiingforsuccess
ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…
1 ดีของเรา ชั่วของเขา เป็นธรรมดา . เหตุผลอะไรที่ทำให้เรามักเชื่อว่าสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง จะต้องดีสำหรับคนอื่น แม้ลึกๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ตาม . ใช้ความรู้ตามหลักพุทธศาสนาอธิบาย เหตุผลนั้นก็เพราะเรามี อคติ สองอย่างที่เรียกว่า ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะพึงพอใจ กับ โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลงและความไม่รู้ . พึงพอใจกับสิ่งใด เราก็คิดไปว่ามันจะต้องดี ดีสำหรับตนเองไม่พอ ต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย . หลงกับความคิดความเชื่อใด เพราะใจยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงในกฏแห่งธรรมชาติ ย่อมด่วนตัดสินตีความว่ามันจะต้องเป็นแบบที่เราคิดสำหรับทุกคน . อคติเหล่านี้เกิดจาก สาม พ. คือ เพลิดเพลิน พอใจ และพะเน้าพะนอ . เพลิดเพลินในการรับรู้และการเสพความคิดนั้นๆ พอใจชอบใจกับสิ่งดังกล่าว และการคลุกคลีเอาใจไปเกลือกกลั้ว หรือเรียกว่า พะเน้าพะนออยู่กับมัน จนทำให้จิตปรุงแต่งไปเอง . เหตุผลทางจิตวิทยา คือความต้องการเป็นคนสำคัญ และอยากให้คนอื่นสนใจตนเอง . เกี่ยวข้องกันอย่างไร… เพราะสิ่งที่เชื่อว่าดี จิตมักนำมาเป็นตัวแทนของตัวตนและคุณค่าของตนเอง… Continue reading ใครไม่รู้ก็โกรธ และเกลียดชังเพราะความเห็นต่างและความขัดใจ…
ยิ่งเรายึดถือตัวตนของตัวเองไว้เพียงใด เราก็เป็นเผด็จการต่อร่างกาย หัวใจ และผู้อื่นมากเท่านั้น
มิว่าการเมืองภายนอกหรือภายในจิตใจ ต่างอยู่ในความเป็น “อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา” หมายถึง ไม่แน่นอน มีเสื่อมไป และไม่ใช่ตัวตน มีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปตามปัจจัยมากมาย เหมือนธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายทั่วไป ใจคนเราไม่แน่นอน การเมืองก็ไม่เคยแน่นอน . ความเป็นธรรมชาตินั้น จากร้อนไปหนาว หนาวแล้วร้อน อ่อนไปแข็ง แข็งแล้วอ่อน มีสองขั้วของสิ่งต่างๆ สลับหมุนเวียนไปมาเป็นวัฏจักร เรียกขั้วที่มีสภาพแบบอ่อนว่า “หยิน” เรียกขั้วที่มีสภาพแบบแข็งว่า “หยาง” ตามหลักปรัชญาเต๋า . การเมืองก็ดี มีสองขั้วที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมีบทบาท อาจเรียกขั้วหนึ่งว่าประชาธิปไตย อีกขั้วคือเผด็จการ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ขั้วใดเหวี่ยงสุดโต่งไปทางหนึ่งแล้วก็ย่อมแกว่งกลับมาอีกขั้วหนึ่ง เมื่อสังคมสุดโต่งไปทางประชาธิปไตย จนขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เน้นประชานิยมจนขาดวินัยการปกครอง กฎหมายย่อหย่อน เพราะสังคมมีความอ่อน หรือ “หยิน” มากเกินไป ถึงวันหนึ่งการเมืองย่อมถูกเหวี่ยงไปอีกขั้วที่แข็งกว่า เรียกว่าเป็น “หยาง” มากกว่า มิว่าด้วยการรัฐประหาร การชุมนุม หรือกลไกต่างๆ แปรสภาพการปกครองเป็นความเข้มงวดและเผด็จการมากขึ้น จนกว่าจะถูกเหวี่ยงไปเป็นอีกขั้วอีกครั้ง สลับกันเช่นนี้หยินหยางในทางการเมือง . ในจิตใจก็มีสองขั้วนี้อยู่ด้วย บางทีเราใจอ่อนเกินไป… Continue reading ยิ่งเรายึดถือตัวตนของตัวเองไว้เพียงใด เราก็เป็นเผด็จการต่อร่างกาย หัวใจ และผู้อื่นมากเท่านั้น