6 สิ่งที่ควรพัก เพื่อให้กายใจได้พักอย่างแท้จริง

 

การพักคือการหลีกเลี่ยงเหตุแห่งความดิ้นรน

(6 สิ่งที่ควรพัก เพื่อให้กายใจได้พักอย่างแท้จริง)
 
เราต้องเข้าใจเหตุ (สมุทัย) แห่งความทุกข์หรือในที่นี้คือความเหนื่อยล้า ก่อนที่จะเข้าใจว่าการพักให้หายจากความเหนื่อยล้า (นิโรธ) และทางออก (มรรค) นั้นเป็นอย่างไร ความเหนื่อยล้าที่ทำให้เราต้องพักมีสองส่วน ความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ และความเหนื่อยล้าจากอิทธิพลในจิตใจ
.
อาจมีบ้างที่เราเคยทำกิจกรรมบางอย่างที่รู้สึกสนใจหรือชื่นชม ลงมือทำติดต่อกันยาวนานแทบไม่ได้หยุดพัก แต่เรากลับรู้สึกมีพลังและไม่เหน็ดเหนื่อยในการกระทำเหล่านั้นเลย ลงมือทำแล้วเหมือนได้พักไปในตัว เพราะสิ่งที่อยู่ในจิตใจ ณ เวลานั้นเอื้อให้เกิดพลังกายใจที่ดีให้มีมากขึ้น หรือช่วยให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าต่างๆ ออกไป
.
บางครั้งภายนอกได้หยุดพัก แต่ภายในไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุที่ทำให้ยิ่งเหนื่อย หรือไม่ได้ฟื้นฟูสภาพกายใจให้พร้อมสำหรับการทำงานต่อเท่าที่ควร บางครั้งเราอาจเห็นว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ก็ไม่ทำให้เราเหนื่อยมากนักเลย แต่เหตุใดข้างในกลับรู้สึกโรยล้า ขาดพลัง และอยากพักอยู่เรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าในจิตใจเรายังไม่ได้พักอย่างแท้จริง และบางสิ่งในจิตใจทำให้เราอ่อนล้ามากกว่าปัจจัยภายนอก
.
บางสิ่งข้างในที่ทำให้เราเหนื่อยล้านั้น ก็คือความดิ้นรนทั้งหลายของจิตอันไม่อาจหาความนิ่งสงบลงได้ เหมือนวิ่งวุ่นอยู่ข้างในไม่สิ้นสุด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมีเวลาพักมากเท่าใดก็ไม่เพียงพอ เราจึงต้องพักหรือหลีกเลี่ยงจากเหตุที่ทำให้จิตดิ้นรนจนบั่นทอนพลังกายใจลง อาทิเช่น
.
1. พักจากความอยาก หากเราไม่ได้พักตนเองจากความอยากแล้ว เมื่อถึงเวลาว่างมันก็จะลากพาเราไปเรื่อยๆ จนไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง มันอาจชวนเราไปทำอย่างโน้น ไปทำอย่างนี้ ตามความอยาก ความน่าสนใจ ความเร้าแก่อารมณ์ ฯ ทำให้เราไม่ได้หยุดนิ่งเพื่อดูแลตนเองอย่างแท้จริง แต่ได้ไปดูแลความอยากแทน ซึ่งมักลงเอยด้วยความเหนื่อย ความป่วย หรือความเมามายขาดสติ
.
2. พักจากการกังวลถึงอนาคต สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันหน้ายังไม่มีอยู่จริง แต่ความกลัว ความวิตก และความสงสัยก็จะทำให้กายจิตเราไม่ได้ผ่อนพัก เพราะต้องคอยคิดคำนึงวางแผนต่างๆ นานา และคาดเดาคาดคะเน จนความคิดวุ่นวายไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน เราก็ไม่สามารถพักผ่อนอย่างเต็มที่ได้
.
3. พักจากการอาลัยสิ่งที่ล่วงเลย ไม่มีใครที่ฝืนกระแสความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งได้ ยิ่งหวนหาอยากให้กลับคืน ยิ่งทำให้ชีวิตและสิ่งที่มีอยู่สูญเสียไปทีละน้อย ความคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วอย่างขาดสติทำให้จิตเหนื่อยล้า การคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วอย่างไม่ก่อประโยชน์ มีแต่ทำให้จิตเศร้าโศกและหม่นหมองลง เราจึงลืมดูแลสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
.
4. พักจากการสอดส่องและแบกรับ เราไม่อาจแบกทุกอย่างไว้ที่ตนเองได้ การพยายามรับผิดชอบสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป ทำให้เราบีบคั้นตนเองทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ บางครั้งเราก็เอาเวลาในการดูแลตนเองไปสอดส่องกับเรื่องราวของคนอื่น ไปยุ่งเกี่ยวอย่างไม่เกิดประโยชน์ ไปวิจารณ์ เปรียบเทียบ หรืออิจฉาต่างๆ นานา จิตใจก็ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว วิ่งแล่นออกไปให้เหนื่อยโดยไม่จำเป็น
.
5. พักจากการแข่งดีและโอ้อวดตน เราไม่จำเป็นต้องอยากมีคุณค่าและตัวตนในทุกเรื่องและทุกสถานการณ์ การอยากมีคุณค่าและอยากแสดงตัวตนให้ได้รับการยอมรับบ่อยครั้งทำให้เราไม่ได้พักผ่อนเสียเอง กิเลสข้อนี้เรียกว่า “มานะ” ทำให้ต้องคอยประกาศเรื่องราวและตัวตนต่างๆ ของเราลงบนสังคมสมมติบนโลกอินเตอร์เน็ต ต้องพยายามเอาชนะในเรื่องต่างๆ จนไม่ได้ทำให้ใจให้สงบวาง
 
6. กล่าวโดยง่ายว่าทุกข้อข้างต้นต่างเป็นการหาเรื่องให้จิตไม่ได้พักผ่อน กระตุ้นให้เกิดการปรุงแต่ง ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย เศร้าหมอง โกรธขึ้ง และวิตกกังวล ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเรารู้จักการพักอย่างหนึ่ง นั่นคือการพักจากการปรุงแต่งตามผัสสะหรือสิ่งที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
.
เราจะพักจากมูลเหตุของความเหนื่อยล้าที่มาจากใจตนเองได้เหล่านี้ เราต้องรู้สำรวมระวังการรับรู้ การคิด ด้วยสติและการหักห้ามใจ หากเรารู้ตัวว่าเราต้องการการพักผ่อนให้พอดีมากกว่านี้ เมื่อรู้ตัวแล้วว่ามีความอยากมาชักนำ มีความวิตกถึงอดีตและอนาคต มีความมั่นหมายที่จะแบกรับสิ่งใดจนเกินไป หรือมีความพยายามเอาชนะและโอ้อวดตนเกิดขึ้นก็ดี ให้เรารู้ตัวและกลับมามีสติที่ร่างกายหรือลมหายใจ เพียงเท่านั้นเราก็ได้พักแล้ว
.
การพักจากความอยาก พักจากความกังวลถึงอนาคต พักจากความอาลัยในอดีต พักจากการสอดส่องและแบกรับ พักการแข่งดีและโอ้อวด และพักปรุงแต่งจากผัสสะ การพักเหล่านี้แม้เพียงข้อเดียวก็ทำให้เราได้พักกายและใจอย่างแท้จริงแล้ว
.
การพักที่แท้จริงเช่นนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาและความสมบูรณ์แบบ แม้เราพักได้เพียงข้อเดียวจากข้างต้น การพักผ่อนของเราในตอนนั้นก็มีคุณภาพขึ้นมหาศาล แม้ว่าเราพักสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เพียงชั่วครู่เดียว ชั่วครู่นั้นกายจิตเราก็ได้พักมากแล้ว มากกว่านอนฟุ้งซ่านเป็นชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ เมื่อเราฝึกพักแบบนี้บ่อยๆ กายจิตก็จะสามารถพักให้อยู่ในความสงบได้นานขึ้น

 

ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
จากคอลัมน์ “ไกด์โลกจิต” ตอนที่ 50

 

ตารางกิจกรรม