เมื่อเราพยายามต่อสู้กับสิ่งเลวทราม ด้วยการทำสิ่งเลวทราม

 

“อย่าสร้างใบหน้าที่น่ารังเกียจ
เพียงเพื่อเกลียดชังสิ่งที่เลวทราม
อย่าเป็นจิตใจที่หยาบกระด้าง
เพียงเพื่อแตกหักกับสิ่งไม่น่าคบหา”

หากสิ่งใดหรือใครก็ตามมาเบียดเบียนเธอ และบั่นทอนคุณค่าและเกียรติแห่งชีวิตหรือศักดิ์ศรี
เธอต้องการปกป้อง หรือกลายเป็นฝ่ายที่ร่วมทำร้ายคุณค่าและเกียรตินั้นของตนเอง
ในเมื่อเธอไม่ชอบใบหน้าของพวกเขา ซึ่งอาจกระทำสิ่งที่ต่ำทราม
ไยเธอจึงทำใบหน้าแบบเดียวกันนั้นเหมือนพวกเขา
ตอนนั้น…เธอและเขาได้เป็นพวกเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว
ด้วยการด้อยค่าตัวเอง ลงไปเล่นเกมสกปรกของกิเลสนั้นด้วยกัน

เธอไม่จำเป็น… ที่จะต้องมีจิตใจที่หยาบกระด้างขึ้น เพียงเพื่อสู้หรือหนีจากความทุกข์ที่เกิด
เธอไม่จำเป็น… ที่จะต้องเฝ้าด่าทอหรือทำร้ายคนอื่น เพียงเพื่อดับความทุกข์ในใจ
เธอไม่จำเป็น… ที่จะต้องกลายเป็นปีศาจร้าย เพียงเพื่อขับไล่ปีศาจออกไปจากหัวใจหรือบ้านเกิด
เธอไม่จำเป็น… ที่จะต้องบั่นทอนตนเองด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง และความเครียด เพียงเพราะมีใครเบียดเบียนและทำสิ่งที่มิควร

เราต้องไม่ลืมว่าเราคือใคร และเราเป็นมากกว่าสิ่งเลวทรามทั้งหลายอย่างไร

“ไม่มีทางที่ความดีงามจะเอาชนะ
หากพยายามด้อยค่าความเป็นมนุษย์
ทำเช่นนั้นก็เพียงสร้างมารร้ายขึ้นมา
ด้วยใจหวังดีที่แสนมัวหม่น”

เมื่อเราพยายามต่อสู้กับสิ่งเลวทราม ด้วยการทำสิ่งที่เลวทราม
เมื่อนั้นสิ่งที่เราเกลียดชังมันก็ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่คือตัวเราเองด้วย

ความชั่วมักจะดึงดูดความเลวทราม เป็นงูกินหางที่พัวพันไม่จบสิ้น
กิเลสเรียกหากิเลส โลภดึงดูดความโลภมาก
ความคดโกงพาเข้าหาการคดโกง
สัตว์โลกประเภทเดียวกันอยู่ร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกัน
หากปรารถนาห่างไกลจากสิ่งใด เธอต้องทำตัวให้ไกลห่างจากสิ่งนั้น

เมื่อความเลวทรามชนะความเลวทราม
สิ่งที่เหลือก็คือความเลวทราม

เธอต้องไม่ลืมที่จะเป็น ‘มนุษย์’ เธอจึงจะเอาชนะสงครามที่ยากจะต่อสู้
สิ่งนี้แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานอย่างไร
ต่างจากสุนัขและแมวที่ไล่ตีกันเพราะแย่งชิงพื้นที่ที่ปล่อยกลิ่นไว้อย่างไร

หากเธอเป็นมนุษย์ การด้อยค่ามนุษย์ด้วยกัน ก็มิต่างจากการด้อยค่าตนเอง
และลดตัวลงไปจากความเป็นสัตว์ประเสริฐ
กลายเป็นสัตว์ที่ทำตามสัญชาตญาณ มิใช่สติปัญญา

“จงเคารพตัวเองและมนุษย์
เพื่อฉุดพวกเขาจากการไม่เคารพตน
จงเป็นแสงสว่างที่แตกต่าง
ใช่กลมกลืนกับความมืดมนตรงนั้น”

แม้เอาชนะอีกฝ่ายได้ เธอก็รู้ดีว่า… เธอยังไม่พ้นทุกข์อยู่ดี
แพ้หรือชนะก็ไม่ใช่ทางที่จะพ้นจากความทุกข์

หากเธอต้องการให้บ้านเกิดเป็นถิ่นที่ประเสริฐ
เป็นแหล่งรวมแห่งความสุขและความเจริญก้าวหน้า
สิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยการพัฒนาบ้านเกิดที่แท้จริงของเราแต่ละคน
บ้านเกิดที่แท้จริงของมนุษย์ คือจิตใจตนเอง

หากเธอปล่อยความหม่นหมองที่เรียกว่ากิเลสปกคลุมบ้านหลังนี้
ปล่อยให้แสงสว่างเลือนหายไปและรกร้าง เพราะมัวแต่ไปสนใจในสิ่งนอกตัวไกลจากบ้านภายใน
แผ่นดินเราก็จะเต็มไปด้วยบ้านที่ทรุดโทรม เต็มไปด้วยจิตใจที่ผุพัง

แม้ไล่ผู้คนหรือสิ่งที่เราเกลียดชังออกไปได้ ที่แห่งนี้ก็ไม่เหลือความสุขและความสงบ
เพราะเราไล่สิ่งที่ดีงามเหล่านั้นออกไปก่อนแล้ว ด้วยการต้อนรับความโกรธและความเกลียดชัง เข้ามาเผาบ้านเกิดในใจของเราเอง

“ไม่มีทางที่จะเอาชนะความเลวร้าย
ด้วยความเลวร้าย
หนทางเดียวที่จะกำราบความชั่วช้า
คือความไม่ชั่วช้า”

ยกตัวเองให้สูงขึ้น หาใช่ตกต่ำลง
เราจึงจะเห็นหนทางในการเอาชนะที่แท้จริง

เธอมีคุณค่ามากเกินกว่าที่จะทำสิ่งที่เลวทราม
ต่อคนบริสุทธิ์ เด็กๆ รวมถึงเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกใบนี้
และต่อเพื่อนร่วมการเวียนว่ายตายเกิดบนความทุกข์ทั้งปวง

อย่าผูกมัดตัวเองไว้ ด้วยสิ่งเดียวกันกับที่มัดพวกเขาทั้งหลายนั่นเลย
ขอให้เราจงเป็นอิสระ
จากสิ่งที่ทำร้ายและสิ่งที่ผลักดันให้พวกเขาต้องทำร้ายเรา

.
.
ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
เขียนจากบทความ คอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่ 44
19 กรกฎาคม 2566