ความไม่มี…มิได้ลดทอนสิ่งที่มี

 

“ลองฟังเสียงแห่งความโดดเดี่ยวด้วยหูของเธอ
มองความอ้างว้างด้วยสายตาคู่นั้น
นิ่งงันแต่แน่วแน่ในที
รู้สึกถึงกายที่เดียวดายตอนนี้
เพื่อเราจะอยู่ด้วยกัน”

.

เมื่อเธอรู้สึกอ้างว้างหรือเดียวดาย อย่าเพิ่งรีบหนีหรือสู้กับความเหงานั้น เธอจะยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้น และความเหงานั้นก็จะกลายเป็นทะเลที่กว้างใหญ่ที่โอบล้อมเธอไว้อย่างมืดมน

สบตากับความอ้างว้างก่อน เพื่อให้เห็นตัวเธอเองที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในเงาอันมัวหม่นตรงนั้น ความเหงาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่การรีบหนีหรือสู้กับความเหงานั้นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ลองฟังเสียงรอบๆ ตัวเธออย่างที่เป็นจริง มันเลวร้ายและกัดกินใจจริงๆ หรือไม่ ลองมองไปรอบๆ กาย มองดูความอ้างว้างให้เห็นกับตา มันมืดมนจริงๆ หรือเธอเลือกอยู่ในมุมที่แสงสลัวเกินไป

ช้าลงและกลับมาหาคนที่เธอกำลังจะทอดทิ้งเขาไปอีกครั้ง ร่างกายที่อยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างหัวใจอยู่เสมอ เขาอยู่ตรงนี้ไม่คิดทิ้งไปไหน แค่กลับมารู้สึกถึงเขา รู้สึกถึงร่างกายที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อเธออยู่กับเขาอย่างแท้จริง เธอก็ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

ในห้วงเวลาที่ใจของเธอได้กลับมาอยู่กับตนเอง นิ่งงันแต่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว การเผชิญกับความเหงาทำให้เธอเห็นความกล้าหาญของตนเอง ไม่มีสิ่งใดที่เธอต้องหนีหรือสู้อีกต่อไปแล้ว

ในห้วงเวลานี้เองที่เธอกำลังเป็นหนึ่งเดียวทั้งกายและใจ และเธอก็กำลังเป็นหนึ่งเดียวกับเรา-ผู้คนอีกมากมายที่กำลังพาใจกลับมาอยู่กับความว่างเปล่าอย่างสงบและกล้าหาญ

ความเงียบสงบที่เหมือนเดียวดายนี้ จริงๆ แล้วคือชุมชนที่กว้างใหญ่ ชุมชนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญที่เราแต่ละคนได้กลับมามอบให้กับตนเอง และเธอก็กำลังเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนี้ ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยวมากขึ้น

เมื่อเธอไม่พยายามหนีหรือสู้กับความเหงา สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว แต่สิ่งนี้กำลังถักทอสายใยที่เชื่อมโยงเธอกับสิ่งที่เธอเป็นจริงๆ ข้างใน และผู้คนอีกมากมายที่กำลังทำสิ่งเดียวกันนี้เป็นเพื่อนเธอ

.

“ลองยินเสียงอย่างแยบยลจากที่ใกล้และไกล
พริ้วผ่านเข้ามาไหวน้อยๆ ข้างในตัว
ดื่มด่ำดมดอมกลิ่นที่สายลมฝากให้
ขณะที่เธออยู่กับตน
ด้วยใจที่เต็มตื่นและตื้นตัน

“ลองทักทายอารมณ์ที่แวะเวียนด้วยความเงียบ
แขกนานาผู้จรมาแล้วลาจาก
กับบทสนทนาคุ้นเคยอันเรียบง่าย
ดีบ้าง ร้ายบ้าง ไม่มีอะไรมาก
ต่างอยู่ในคำว่า อนิจจัง
.
“เธอลอง…อยู่กับความเหงาอย่างเต็มใจ
ยอมให้ตนโดดเดี่ยวบ้าง
ปิดโทรทัศน์ โทรศัพท์ สังคม และใครๆ
พักการกระทำหรืออยากทำ และปล่อยวาง
ปรีดากับความอ้างว้าง”

.

ไม่ว่าสิ่งใดจะเข้ามาหาเธอ ไม่ว่าจากภายนอกหรือภายใน ภาพ เสียง กลิ่น หรือสัมผัส ที่เดินทางมาจากที่ใกล้และไกล มาทักทายประสาทสัมผัสในตอนนี้ พวกเขาคือแขกของเธอ

อารมณ์ หรือความคิด ที่แวะเวียนเข้ามานั่งบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นของหัวใจเธอ พวกเขาก็คือแขกของเธอ

ปล่อยให้พวกเขาได้เข้ามาสนทนาและทักทายกัน ปล่อยให้พวกเขาได้ลุกและจากลา ต้อนรับแขกของเธออย่างปรีดาและอำลาพวกเขาอย่างขอบคุณ

กายใจนี้มิได้เดียวดายเลยอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นพื้นที่ว่างที่กว้างใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะแขกทั้งหลายเหล่านี้ พวกเขาก็เพียงมาเพื่อจากไป

อาจมีทั้งแขกที่เธอชอบและไม่ชอบ ดีบ้าง ร้ายบ้าง ปะปนกันไป แต่ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในกลุ่มจำพวกเดียว เราเรียกว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ “อนิจจัง” – ไม่เที่ยงแท้ ไม่คงที่ และไม่แน่นอน

พวกเขาเป็นเหมือนสายลมและดนตรีของธรรมชาติ ซึ่งเข้ามาบรรเลงและกล่อมเกลากายใจ เป็นจังหวะที่ดังบ้าง เบาบ้าง เกิดขึ้นและหายไป สลับไปมา

ลองฟังเสียงและสบตากับความเหงาให้ดี เธอจะได้ยินดนตรีแห่งชีวิต ท่วงทำนองของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นข้างในตัวเธอ และรอบๆ ตัวเธออยู่ แม้ในเวลานี้ก็ตาม

เมื่อเธอพยายามสู้หรือหนีจากความเหงา เธออาจรู้สึกว่าชีวิตช่างเต็มไปด้วยความไม่มี ฉันไม่มีสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ ไม่มีอะไรมากมาย เธออาจอยากให้ความได้มีหรือได้เป็น มันช่วยถมรูโหว่ในใจหรือช่องว่างที่มีอยู่ในชีวิตของเธอ

เมื่อเธอปล่อยให้ตัวเองดิ้นรนเช่นนั้น เธอกำลังคว้าความว่างเปล่ามาถมความว่างเปล่าโดยไม่รู้ตัว เธอจะเอาชนะความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ด้วยการไขว่คว้าสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนได้อย่างไร

ความมี-ความเป็น บางครั้งก็เหมือนกำแพงที่ขวางกั้นตัวเราไว้จากสิ่งที่เราเป็นอย่างแท้จริง และขวางกั้นเราไว้จากความสงบสุขที่แท้จริงในชีวิต เหมือนกับเธอเอาข้าวของมากมายมาจุไว้ในห้องๆ เดียว หรือพยายามเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในบ้านโดยไม่ทิ้งอะไรออกไป เธอจะรู้สึกถึงความโล่งใจได้อย่างไร เธอจะหาสิ่งที่มีค่ากับเธอจริงๆ ในห้องหรือบ้านที่รกท่วมหัวได้อย่างไร

การยอมให้ตนเองได้โดดเดี่ยวบ้าง คือหนทางที่ดีที่จะพาให้เธอได้เจอสิ่งที่มีค่ากับเธออย่างแท้จริง และได้พบกับความสงบสุข ที่ไม่อาจหาได้จากความพยายามมีและความพยายามที่จะเป็น

ลองพักบ้าง ลองปิด และลองเลี่ยงบ้าง กับสิ่งที่รบกวนเธอจากการอยู่กับร่างกายและจิตใจตนเองอย่างเต็มเปี่ยม สิ่งที่รบกวนไม่ให้เธอได้สบตามองกับสิ่งรอบตัวและเงี่ยหูฟังสรรพเสียงในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้เธอหลงลืมไปว่า ขณะนี้กำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่

.

“ความไม่มี…มิได้ลดทอนสิ่งที่มี
เธอจะเห็นความมีได้ชัดเจน…เมื่อไม่มี
เดียวดายก็หาใช่ลำพังอย่างมั่นหมาย
ว่างเปล่าก็หาใช่มืดหม่น
แค่เราละเลยอะไรไปมากมาย
.
“โลกที่หนีเหงาอย่างฉาบฉวย
ติดกับดัก…อยากยึด…จนย่อยยับ
ไม่มีอะไรน่าคลุกคลีหรือฉกฉวย
เดียวดายยังดีนักไม่ยับเยิน”

.

เมื่อเธอยอมอยู่กับความอ้างว้างอย่างเต็มใจ เธอจะรู้ได้ด้วยหัวใจของเธอว่า ตนเองที่ผ่านมาและใครอีกหลายคนนั้น ช่างหลงลืมและละเลยสิ่งที่มีค่าในชีวิตจริงๆ ไปมากมายเพียงใด

เมื่อเธอใช้โอกาสในยามที่ความไม่มีนั้นชัดเจน เป็นโอกาสในการสำรวจสิ่งที่มีอย่างแท้จริงในตอนนี้ เธอจะพบว่าความเดียวดายและความว่างเปล่า ไม่ใช่สิ่งที่แย่เลย แต่เป็นพรจากธรรมชาติที่ทำให้เราได้ออกมาจากการเดินวิ่งตามกระแสสังคม และกระแสของความอยากความยึดมั่น ซึ่งไหลบ่าพัดพาให้เราทั้งหลายหลงอยู่ในวงจรที่วกวน กับความทุกข์ที่ไม่จบไม่สิ้น

เพราะกระแสนี้ทำให้เราพยายามไขว่คว้าความมี-ความเป็น และพยายามเก็บสะสมสิ่งทั้งหลายจนอัดแน่นอยู่ในหัวใจ เป็นความหนักและความเครียด ในความคาดหวังและความอยากที่ไม่จบสิ้น

การเดินวิ่งตามกระแสนี้ ทำให้เธอไม่อาจรักตัวเองอย่างที่เป็นจริง เพราะมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่า เธอยังมีไม่พอ เธอยังดีไม่พอ

ความเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวลึกๆ ในใจมนุษย์ที่ไม่อาจเห็นคุณค่าในตัวเอง พาให้เกิดการทำลายโลกอย่างยับเยินทั้งทางธรรมชาติและการเมืองมานักต่อนักแล้ว รวมทั้งชีวิตของพวกเขาเองในท้ายที่สุด

การล้างผลาญทรัพยากรทางธรรมชาติ การฉ้อโกงและการแก่งแย่งอำนาจ จนถึงการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ล้วนมาจากการที่พวกเขาไม่อาจทนอยู่กับความเหงาและความเดียวดาย ไม่อาจสบตากับความไม่มีได้อย่างเต็มใจ พวกเขาจึงวิ่งวุ่นที่จะมีและเป็นอย่างบ้าคลั่ง ในทุกวิถีทางแม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม

…เธออย่าเป็นแบบนั้นเลย อย่าปล่อยให้หัวใจของเธอต้องเป็นเช่นนั้น

เราเกิดมามีคุณค่ามากกว่านั้นมากมาย เธอจะเห็นเมื่อสบตากับความเหงาและความว่างเปล่าได้จริงๆ

ตอนนี้ เธอลองหายใจอย่างที่ร่างกายต้องการหายใจ อยู่กับร่างกายในปัจจุบันเป็นเพื่อนเขา ต้อนรับแขกทุกคนที่มาเยือนทางประสาทสัมผัสและห้องหัวใจ ก่อนปล่อยให้พวกเขาได้เดินทางต่อไปตามเส้นทางของตนเอง โดยไม่ต้องยื้อสิ่งใดไว้

ในความว่างเปล่านั้นเอง เธอกำลังเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าตัวเธอที่ผ่านมา

.

“อยู่ด้วยกันตรงนี้ในความโดดเดี่ยว
เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับใครๆ ที่คอยเธออยู่
เรารอตรงนี้อย่างนิ่งงัน แต่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว
เจอกันในความว่างที่กว้างใหญ่”

.

โอบกอดความเหงาและทุกแขกที่เข้ามามาหาเธอนั้น ไม่มีสิ่งใดที่ต้องหนีหรือสู้อีกแล้ว
มีของขวัญที่พวกเขาต้องการมอบให้แก่เธอ และมีเพื่อนมากมายที่อยู่ตรงนี้

พวกเรากำลังรอคอยอย่างนิ่งงัน และแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
เพื่อให้เธอมาเจอกันในความว่างที่กว้างใหญ่
ในความเดียวดาย ไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง

.

ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
เขียนเล่าเพิ่มเติมจากคอลัมน์ “บทภาวนา อนัตตา” ตอนที่ 38
.
.
ติดตามกิจกรรมโครงการได้ที่เพจ สถาบันธรรมวรรณศิลป์
ไลน์ @khianpianchiwit