แผ่เมตตาและขอขมา ล้างพลังลบรับขวัญปีใหม่

 

[ แผ่เมตตาและขอขมา ล้างพลังลบรับขวัญปีใหม่ ]

“การแผ่เมตตา” คือการให้ของขวัญให้แก่ตนเองและผู้อื่น คือการเผื่อแผ่พลังของจิตที่เป็นกุศล ขยายแผ่กว้างออกมาจากภายในจิตใจของตนเอง การแผ่เมตตามิใช่เพียงความตั้งใจดีในการให้แก่ผู้อื่น แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ความเมตตาในตนเองได้เติบโตงอกเงยออกมา พ้นจากกองอารมณ์และความคิดลบต่างๆ ที่สะสมมาตลอดปีเก่าและก่อนหน้านั้น เพื่อทำให้จิตใจของเรานั้นมีความสุขและพร้อมเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

การแผ่เมตตาจะทำได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเราได้เมตตาตนเองก่อน ด้วยการทำสิ่งที่ดีให้กับตนเอง เช่นการทำสมาธิภาวนา การเรียนรู้พัฒนาจิตใจ หรือกิจกรรมที่ทำแล้วได้รักตนเองมากขึ้น แล้วเราจึงแผ่เมตตานั้นออกมาจากจิตใจของตนเองได้อย่างแท้จริง หากไม่ได้เมตตาตนเองก่อนแล้ว ก็จะเหมือนกับการเทน้ำชาแบ่งคนอื่นจากกาตนเอง โดยที่ในกานั้นมีน้ำเพียงน้อยนิดหรือไม่มีอยู่เลย

การเติมเต็มพลังงานที่ดีและทำสิ่งที่เป็นกุศลต่อตนเอง ก่อนจะแบ่งปันสิ่งที่ดีออกไปจึงเป็นเรื่องสำคัญและหลีกหนีไม่ได้สำหรับคนที่ต้องการช่วยเหลือคนอื่น หรือแม้ว่าต้องการทำบุญเพื่อสะเดาะห์เคราะห์รับโชคลาภหรือเปิดทางให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เพื่อให้จักรวาลเมตตา ก็มิอาจเลี่ยงที่จะต้องเมตตาตัวเองก่อน

การแผ่เมตตาให้กับตนเองและผู้อื่น จึงจะเป็นพลังงานดึงดูดความเมตตาให้เข้ามาในชีวิต หากเราไม่ได้เมตตาตนเองและคนอื่นแล้ว เราจะหวังให้จักรวาลเมตตาเราได้อย่างไร ความดีจะดึงดูดความดีให้เกาะกลุ่มกันเข้ามาอยู่ร่วมกัน ความเมตตาก็เช่นเดียวกัน

เราทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ ธูปเทียน วัตถุมงคล คาถา หรือสถานที่ใดโดยเฉพาะ เพียงใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่นาทีในการมอบความรักให้แก่ตนเองและเผื่อแผ่ความรักให้กว้างใหญ่ หลังจากเราได้ทำสิ่งใดๆ ที่ดีต่อใจของเรา ทำด้วยการเห็นคุณค่าในตน ทำแล้วรักตนเองมากขึ้น แม้ไม่ใช่การสวดมนต์หรือนั่งสมาธิก็ตาม อาจเป็นเพียงการตื่นเช้า การได้อ่านหนังสือที่ดี การได้ทำบุญทำทาน การเข้าอบรม การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การบอกรักตนเอง

ขอเพียงทำแล้วเป็นกุศลหรือประโยชน์ต่อกายใจ ทำด้วยการมีสมาธิจดจ่อ ทำแล้วมีจิตใจที่สงบ อิ่มเอม และรู้สึกรักตนเอง พลังงานที่ดีเหล่านี้เราสามารถแผ่ขยายให้เต็มเปี่ยมกายใจแล้วแผ่กว้างออกไปให้กับผู้อื่น ดวงวิญญาณทั้งหลาย และสังคม

นอกจากการแผ่เมตตาแล้ว “การขอขมา” ก็เป็นอีกวิธีการในการบ่มเพาะพลังงานเชิงบวกในจิตใจตนเอง การขอขมาคือการขอโทษขออภัย หากเปรียบการแผ่เมตตาคือการเติมเต็มสิ่งที่ดี การขอขอขมาก็คือการล้างสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต เป็นการส่งเสริมความกรุณา หรือความเห็นใจ ให้งอกงามอยู่ในจิตใจของตนเอง เพราะการขอโทษขออภัยนั้น แท้จริงคือการแผ่ความกรุณาออกไป เช่น เห็นใจว่าเขาเป็นทุกข์เพราะความผิดพลาดที่เราทำ หรือเป็นเพราะสิ่งไม่ดีที่เรามีส่วนร่วม เห็นใจที่เขาต้องโกรธเกลียดจนบั่นทอนจิตใจของเขาเอง และเห็นใจที่เขายังต้องเวียนว่ายตายเกิดเช่นเดียวกับเรา

ความกรุณาที่งอกงามในใจจากการขอขมา จะส่งต่อออกไปเป็นพลังบวกให้กับสังคม ดึงดูดให้เราได้อยู่ร่วมกับความเห็นอกเห็นใจ มิใช่การเอาชนะหรือการเบียดเบียนต่อกัน

จริงๆ แล้วการขอขมาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ สิ่งที่ต้องใช้คือจิตใจที่รู้จักการขอโทษ การขออภัย และการลดความคิดที่จะถือดี ยกตน หรือมุ่งเอาชนะคนอื่น การขอโทษแม้ในกรณีที่เราไม่ได้ฝ่ายหลักที่ผิด เท่ากับเราก็ได้ชนะทิฐิในใจ ซึ่งทำให้ชำระล้างจิตให้สะอาด พร้อมต้อนรับสิ่งที่ดีให้เข้ามาในชีวิตแล้ว จิตใจที่มุ่งถือดี ยกตน หรือเบียดเบียนเอาชนะ ชีวิตก็จะดึงดูดแต่ความวุ่นวายและการแก่งแย่งแข่งดีเข้ามา

ในบทความนี้จะแนะนำเป็นบทกล่าวหรือระลึกในใจ โดยใช้การแผ่เมตตาร่วมกับการขมา เริ่มจากตนเองและแผ่ขยายออกไปรอบข้าง

ดำรงอยู่กับลมหายใจตนเองอย่างมีสมาธิ หลับตาหรือไม่ก็ได้ อยู่ในท่าทางกิริยาที่สงบ สำรวม ไม่จำเป็นต้องอยู่ในท่าทางการทำสมาธิหรือสวดมนต์ หายใจเข้าลึก หายใจออกยาว อย่างน้อย 3 รอบ

กำหนดจิตระลึกในใจของตนเอง หรือกล่าวเปล่งเสียงตามว่า… “ขอให้กุศลทั้งหลาย พลังงานและความรู้สึกที่ดี คุณค่าและประโยชน์ต่างๆ จากกิจกรรมที่ฉันได้กระทำนี้ ขอให้เป็นดั่งแสงสว่างแผ่กว้างออกมาจากหัวใจ สว่างปกคลุมไปทั่วร่างกาย ให้ทุกส่วนของร่างกายและทุกลมหายใจ เต็มเปี่ยมด้วยกุศล ความเมตตา พลังงานและสิ่งที่ดี จากกิจกรรมที่ฉันทำอย่างเห็นคุณค่าในตนเอง

“ฉันขอขอบคุณร่างกาย ขอบคุณลมหายใจ ขอบคุณจิตใจดวงนี้ สำหรับการทำหน้าที่และความดีงามตลอดปีที่ผ่านมา ฉันขอโทษสำหรับการทำร้าย ความพลาดพลั้ง การบั่นทอน โดยความรู้ตัวและไม่รู้ตัว โปรดให้อภัยแก่ฉันด้วย ขอให้ร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจนี้ มีความสุข ความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์

“ขอให้แสงสว่างภายในจากกุศลทั้งหลายเหล่านี้ แผ่กว้างไกลออกไป ให้แก่ผู้คนในชีวิต สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดวงวิญญาณทั้งหลาย ผู้ซึ่งอยู่รอบตัวและเข้ามาในชีวิตตลอดปีที่ผ่านมา แสงสว่างเหล่านี้แผ่ออกไปให้แก่พวกท่านทั้งหลาย ไม่เลือกที่ชอบ ชัง หรือรังเกียจผู้ใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับกุศล ความเมตตา พลังงานและสิ่งที่ดี เป็นแสงสว่างแก่ชีวิตของท่านต่อไป

“ฉันขอขอบคุณ ทุกผู้คนที่เข้ามา สรรพชีวิตทั้งหลายที่ได้เจอ ดวงวิญญาณทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ในตลอดปีที่ผ่านมาหรือก่อนหน้านั้น ฉันขอโทษสำหรับการทำร้าย ความพลาดพลั้ง การบั่นทอน โดยความรู้ตัวและไม่รู้ตัว โปรดให้อภัยแก่ฉันด้วย ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์

“ขอให้แสงสว่างภายในจากกุศลทั้งหลายเหล่านี้ แผ่กว้างไกลออกไป ให้แก่ผู้คน สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดวงวิญญาณทั้งหลาย ในสังคมและโลกใบนี้ แสงสว่างเหล่านี้แผ่ออกไปให้แก่พวกท่านทั้งหลาย ไม่เลือกที่ชอบ ชัง หรือรังเกียจผู้ใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับกุศล ประโยชน์ ความเมตตา พลังงานและสิ่งที่ดี เป็นแสงสว่างแก่ชีวิตของท่านต่อไป

“ฉันขอขอบคุณและขอโทษ ทุกผู้คน สรรพชีวิต และดวงวิญญาณทั้งหลายที่แม้ไม่ได้เกี่ยวข้อง หากมีการบั่นทอน การทำร้าย การส่งผลลบใดๆ ต่อกัน โดยทางตรงและทางอ้อม โดยความรู้ตัวและไม่รู้ตัว โปรดให้อภัยแก่ฉันด้วย ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์

“ฉันขอเป็นหนึ่งเดียวกับแสงสว่างแห่งความเมตตากรุณา เผื่อแผ่แสงสว่างนี้เพื่อชำระล้างความโกรธเกลียด ความหม่นหมอง พลังงานและสิ่งลบทั้งหลาย ในกายจิตและชีวิตตนเอง สร้างกุศล สร้างคุณค่า สร้างสิ่งที่ดีงาม เป็นหนึ่งเดียวกับแสงสว่างแห่งความสุข ความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์ เป็นแสงสว่างให้แก่ตนเองและผู้อื่นต่อไป

“ขอเผื่อแผ่แสงสว่างนี้ออกไปทั่วทั้งสังคม โลก และจักรวาล ทั่วทั้งทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ด้านบน ด้านล่าง และทุกทิศทาง ขอให้ทุกชีวิตและสิ่งทั้งหลายที่กล่าวถึง และไม่ได้กล่าวถึง ขอให้ได้รับในแสงสว่าง อันได้แก่กุศล ความเมตตา พลังงานและสิ่งที่ดีทั้งหลายเหล่านี้ ส่งเสริมให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์ ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น…”

ใช้เวลาหลังการแผ่เมตตาและการขอขมา สำรวมจิตอยู่ในความสงบ ซึมซับความเมตตากรุณาและพลังงานที่ดีที่ได้บ่มเพาะในจิตและกายตนเอง หากเรามีบุคคลใดหรือสิ่งใดที่ต้องการแผ่เมตตาหรือขอขมาโดยเฉพาะ เราสามารถกำหนดจิตในช่วงส่งท้ายนี้ หรือเพิ่มเติมข้อความลงไปในย่อหน้าใดย่อหน้าหนึ่งข้างต้น

สิ่งสำคัญคือการรักษาใจและความคิด ให้ดำรงอยู่กับความเมตตากรุณาต่อไป เพื่อดึงดูดความเมตตากรุณาของจักรวาล และรักษาการใช้ชีวิตให้ดำเนินไปบนหนทางนี้ เราไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะหลังปีใหม่ หรือโอกาสพิเศษตามเทศกาล เมื่อใดรู้สึกว่าจิตมัวหมอง โกรธง่าย เครียดบ่อย ห่อเหี่ยวมาก ล้วนเป็นโอกาสพิเศษที่เราควรบ่มเพาะและเติมพลังงานที่ดีให้กับกายใจตนเองเช่นนี้

ผู้ที่ทำสิ่งที่เติมเต็มความเมตตากรุณา ย่อมช่วยส่งเสริมให้เป็นผู้ที่รักตนเองมากขึ้น ความรักตนเองนั้นก็จะส่งเสริมให้โชคลาภเคราะห์ดีทั้งหลายเข้ามาในชีวิต

วิธีการแผ่เมตตาและขมาข้างต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการโปรแกรมจิตในวิถีพุทธ ซึ่งโครงการภายใต้สถาบันธรรมวรรณศิลป์ได้เปิดสอนอยู่แล้วทั้งในคอร์สออนไลน์ฟรี “พลังจินตภาพ” ในเว็บไซต์ punnspace.com/learning/ และหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” กับ “Self Hypnosis การโปรแกรมจิตตัวเอง” เปิดรับสมัครในเว็บไซต์ dhammaliterary.org/open-course/ ซึ่งเป็นกิจกรรมแสวงรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงโครงการ ที่ดำเนินไปร่วมกันระหว่างกิจกรรมการกุศลคู่กับการอบรมที่มีอัตราค่าใช้จ่าย เพื่อเน้นหลักการพึ่งพาตนเอง ไม่พึ่งพิงสปอนเซอร์

สำหรับผู้ที่ต้องการคลิปเสียงเพื่อโปรแกรมจิตสร้างพลังใจและปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ของกุศลในจิตใจของตนเอง สามารถขอรับฟรีได้ที่อินบ็อกเพจเฟสบุ๊ค “สถาบันธรรมวรรณศิลป์” เพียงบริจาคให้กับองค์กรการกุศลใดก็ได้ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เยาวชน คนยากไร้ และการศึกษา จำนวน 500 บาทขึ้นไปในช่วงระหว่าง 1 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 เพียงแจ้งชื่อ อีเมล และหลักฐานการบริจาคให้แก่เรา เพื่อเข้าร่วมโครงการ “คุณให้เขา เราให้คุณ” ครั้งที่ 5 ฟรี

รายละเอียดและความตั้งใจของโครงการนี้
อ่านได่ที่ www.dhammaliterary.org/hypnosis-charity2567/

 

สวัสดีปีใหม่
ขอให้ธรรมะและความดีงามรักษาใจกับการเดินทางของชีวิตท่านต่อไป

ครูโอเล่ สถาบันธรรมวรรณศิลป์

คอลัมน์ #ไกด์โลกจิต