บางส่วนจากข้อสอบการสะท้อนตนเอง กลุ่มเรียนเดือน ก.ค. ชุดที่ ๒

“ทั้งหมดนั้นเปรียบเหมือนคนวัยชราที่เวลาเราคุยกับเขา เขาก็จะเล่าความหลังให้เราฟัง ถือว่าเป็นความสุขจากประสบการณ์เราจริง ที่ทำให้เราจดจำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมชอบมากเลยเวลาคุยกับปู่ของผมถึงอาจจะเล่าเรื่องเดิมๆแต่มันคือความประทับใจในอดีต แต่ประโยชน์ของการทบทวนก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ ยิ่งทบทวนมากเราก็ยิ่งจดจำ มีประสบการณ์และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างมีสติ รู้จักตัวตนของตนเอง รู้ข้อดี ข้อเสีย ข้อผิดพลาดต่างๆ ดังเช่นสุภาษิตที่ว่า “รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ดังนั้นเราควรทบทวนชีวิตตัวเอง เพียงแค่เสียสละเวลาเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีต่อจากนี้ไปผมหวังว่าคงนำสิ่งที่ได้ทบทวนเรื่องดังกล่าวที่ผ่านมานั้นมาปรับปรุง แก้ไขให้ดีกว่าแต่ก่อนถึงจะได้ไม่มากก็ตาม แต่พยายามทำให้มันดี เพื่อวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป กับการใช้ชีวิตที่ดีที่มีอยู่
ให้รู้คุณค่าของการทบทวนเรื่องราวต่างๆ อีกอย่างคงฝังใจไปอีกนานกับเรื่องราวที่น่าวุ่นวายหรือที่เรียกว่า “วีรกรรม” ที่ทำไปในแต่ละสถานการณ์ที่ทำให้คนเขาจดจำเราได้ดี สิ่งนี้ผมคงตั้งชื่อให้ว่า.. ประสบการณ์เดิม ที่เพิ่มเติมประสบการณ์ใหม่ ให้ตัวเองเรียนรู้ได้มากขึ้น จากสิ่งเดิมๆคงไม่มีอะไรมากเกี่ยวกับสิ่งๆหนึ่งที่ คิดถึงและจดจำมันตลอดไป ( ประสบการณ์ที่เรียกว่า “เพื่อน”)
ขอบคุณอาจารย์และวิทยากรที่ทำให้ผมได้ประสบการณ์ใหม่ๆเพิ่มจากประสบการณ์เดิมที่มีอยู่แล้วและทำให้ผมได้ใช้เวลาว่างอยู่กับตัวเองในการทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้งและมีเหตุผล”

_นายพงศกร ศุภกิจจานุสรณ์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษา

“จากการบันทึกแล้วก็การทำกิจกรรมร่วมกันในห้อง หนูยังคิดว่าความคิดของหนูเหมือนคนยังไม่โต ยังมีการกระทำ ความคิดที่เป็นเด็ก ยังคิดมาก คิดอะไรไม่เข้าเรื่องอยู่เสมอ แต่มันก็ทำให้หนูได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ว่าตัวเองเป็นคนยังไง พอได้คิดทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา มีหลายเรื่องราวที่เราสามารถผ่านมันมาได้ ทั้งเรื่องที่เป็นทุกข์ เรื่องที่มีความสุข เรื่องตลกขบขัน เราก็ผ่านมันมาได้ อย่างวันนี้พอหมดคืนนี้ไป วันนี้ก็กลายเป็นแค่อดีตของเรา ในทุกวันเราควรหาอะไรทำ อย่าปล่อยชีวิตให้ว่างไปวันๆ เราไม่รู้ว่าเราจะกลายเป็นแค่อดีตเมื่อไหร่ การที่อยากทำอะไร แล้วได้ทำ มันคุ้มที่สุดในชีวิตนี้ มีคนหลายคนที่อยากทำอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะไม่กล้า อาย กลัว หนูชอบเรียนวิชาแนวแบบนี้นะ มันเหมือนทำให้หนูได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และทุกๆครั้งที่หนูตอบมันจะมีเรื่อง ใจร้อน ขี้หงุดหงิด เครียดมันเป็นสิ่งที่หนูรักษาไม่หาย แต่หนูพยายามลด หนูละทิ้งสิ่งที่หนูคิดว่ามันทำให้หนูเกิดผลเสีย อย่างเช่นเรื่องเพื่อน พอหนูเลือกคบเพื่อนใหม่ที่มันเข้ากับพวกหนูได้ ไม่ใช่ว่าเขาต้องตามใจหนูนะ คือแบบว่า เราสามารถเข้ากันได้ ขัดใจกันแล้วไม่โกรธ จริงใจต่อกัน หนูคิดว่าเรื่องจริงใจต่อเพื่อนมันสำคัญมาก หนูเจอเพื่อนมาหลายแบบมากค่ะ เพราะหนูเป็นคนที่ย้ายโรงเรียนตามพ่อบ่อยมาก ตั้งแต่เข้าโณงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัยตอนนี้ หนูย้ายมา 6 ที่แล้วค่ะ หนูเลยคิดว่าหนูมีเซ้นส์ในการเลือกคบคน วิชานี้ก็เป็นเหมือนให้เราได้รู้จักเพื่อนๆในห้องมากขึ้น ว่าเพื่อนคนนี้เป็นแบบนี้นะ เราไม่ควรไปทำแบบนั้นกับเพื่อนคนนี้นะ เดี๋ยวfeedback มันจะกลับมาเป็นแบบนี้นะ แล้ววิชานี้ก็ยังทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ส่วนในเรื่องของการเข้าใจชีวิต หนูว่า คนเรามันเข้าใจชีวิตได้ไม่เหมือนกันหรอก เราก็ยังยึดตนเองเป็นตัวตั้งอยู่ดี ตัวเองต้องเป็นใหญ่ ก็คงเข้าใจชีวิตเราที่เป็นเรา เรื่องไม่ดีก็ปรับปรุงส่วนเรื่องดีดีก็เก็บไว้และพัฒนาให้มันดีขึ้นดีกว่า เราอาจไม่เข้าใจชีวิตของคนอื่นได้อย่างถี่ถ้วน แต่เราก็เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ลองคิดดูว่าคนอื่นทำแบบนี้กับเราแล้วเราไม่ชอบ เราไปทำแบบนั้นกับคนอื่นแล้วเขาจะชอบไหม ดังนั้นหนูก็คงจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อตัวเองและคนในครอบครัว…

 
“ถ้าหากให้ดึงด้านใดด้านหนึ่งของตัวเราออกมา ก็ขอหยิบยกด้านอารมณ์ออกมา และขอเปรียบอารมณ์ของตัวเองเข้ากับทะเล อารมณ์ของฉันเปรียบเสมือนทะเล แต่ไม่ใช่เพียงแค่เหมือนทะเลอย่างเดียวจบ ทะเลของฉันในที่นี้คือ ทะเลที่เงียบสงบ ทะเลที่มีคลื่นเล็กน้อยพอซัดเข้าหาฝั่งก็สลายไป และทะเลที่ก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่มีพลังรุนแรง อารมณ์ของฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่บ้านฉันชอบเรียกฉันว่าคนเจ้าอารมณ์อยู่บ่อยๆ เพราะบางทีอารมณ์ของฉันก็คงที่ บางที่ก็อยากระบายกับเรื่องปัญหาต่างๆบ้างๆ หรือบางที่มีเรื่องหงุดหงิดขัดหูขัดตาก็โวยวายออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ ฉันเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ชอบรำคาญตัวเองบ่อยๆ มันเลยทำให้ฉันอารมณ์เสียอยู่บ่อยครั้ง สภาพแวดล้อมรอบข้างก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งทางอารมณ์เหมือนกัน ถ้าสิ่งรอบข้างดี อารมณ์ของเราก็ต้องดี หรือบางทีมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นกับตัวฉันมากมาย อารมณ์ฉันก็จะดี เงียบสงบมั่นคงราวกับทะเลที่เงียบสงบ มันก็คืออารมณ์ปกติของมนุษย์ ที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรให้ได้หม่นหมองในจิตใจ อารมณ์ก็เลยแสดงออกมาดี ราวกับทะเลที่เงียบสงบ อารมณ์ในขั้นคลื่นทะเลที่เงียบสงบ เป็นเรื่องปกติของทุกคน ในจิตใจอารมณ์ของทุกคนต้องมีบางครั้งที่เราอยากรู้สึกปล่อยวาง ปล่อยให้ตัวเองเล่นบทไปตามที่ใครก็ไม่รู้กำหนดชีวิตเราไว้ เมื่อเราได้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ ไม่ได้เอาอะไรมาใส่ในจิตใจเรา เราจะรู้สึกตัวเองได้ว่า นั่นทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นมาง่าย ไม่ต้องแคร์อะไร ใช้ชีวิตสบายมาก คลื่นลมก็พัดมาชีวิตเราไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะดี มันอาจดีเกินไปหรือเปล่า ที่เราจะไม่คิดอะไรเลย ไม่สนอะไรเลย มันดูจะเรียบไปไหม คนเราจึงเริ่มนำปัญหามาใส่ในจิตใจ ฉันเองก็เช่นกัน มักจะนำเรื่องราวต่างๆมาเก็บคิดจนอารมณ์เสียอยู่เป็นประจำ”

_นางสาวณัฏฐพิชชา ศรีวริสาร สาขาเทคโนโลยีการศึกษา