วันเวลาให้โอกาส

 

หายใจเข้า ในแต่ละนาที เราหายใจเข้าและออกมากเพียงใด ลมหายใจเราเดินทางสู่ภายในสั้นยาวเพียงไหน

หายใจออก ปลดปล่อยลมหายใจตามวันเวลา มิใช่ปล่อยปละลมหายใจล่วงผ่านวันเวลา ชีวิตเรามีคุณค่า ลมหายใจเราจึงมีคุณค่าเกินกว่าจะทอดทิ้ง

บางเหตุการณ์ ยากเหลือจะรับมือ เราต่างต้องการความเข้มแข็ง แต่บางทีหัวใจข้างในก็มิอาจฝืนยืนหยัด ล้มลงยอมอ่อนแอ เราหวังว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยา

บางเหตุการณ์ มิอาจคิดหาหนทางแก้ บางคนบางใครยากเหลือจะสื่อสารกันให้เข้าใจกว่านี้ เราหวังว่าวันเวลาจะช่วยประสาน หวังว่าท้องฟ้าแห่งกาลเวลาวันหน้าจะเปิดโล่งแจ่มใส มีแสงส่องกระจ่างให้เห็นหนทางไป จากวันนี้ที่มืดมน

หายใจเข้า วันเวลาช่วยแก้ไขได้จริงหรือไม่ หรือบางสิ่งที่ในใจเราเองที่จะเปลี่ยนแปลงผ่านวันเวลา

หากชีวิตเราคือการก้าวเดิน วันเวลาที่มิใช่สายลมที่พัดพาเราก้าวไปข้างหน้า หากแต่วันเวลาคือระยะทางที่สองเท้าของชีวิตย่างก้าว ระยะทางนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจและการลงมือทำของเรา

หายใจออก ในโลกของหน้ากระดาษ ทุกบรรทัดคือโอกาสของการสร้างสรรค์ พื้นที่ว่างหยิบยื่นทางเลือกให้เราตัดสินใจ ลากเส้นขีดสีเติมคำ ดำเนินเรื่องราวและเนื้อหา ลมหายใจจับปากกาเชื่อมโยงชีวิตสู่ทุกการกระทำ

เหตุการณ์ในตอนนี้เรารู้สึกอับจนหนทาง เรารอคอยและฝากฝังกาลเวลาดูแล สิ่งนี้บอกว่าเรากำลังมีความหวัง เราหวังว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นตามโอกาสและจังหวะของมันเอง การคิดเช่นนี้ ในแง่ดีคือการไม่ยึดติด ไม่บีบคั้น และผ่อนคลายตน ปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามธรรมชาติจัดสรรบ้างก็ดี มิจำเป็นต้องบังคับการเขียนให้เป็นไปตามแผนทุกวรรคตอน ยอมให้ปากกานำทางบ้าง เราอาจได้แตกแถวของความคิดแบบเดิมหรือมุมมองแบบเดิม ได้เห็นเรื่องราวใหม่ เปิดโอกาสให้สิ่งที่ไม่คาดฝันได้ผลิเผย

แต่ทว่า หากเราปล่อยให้วันเวลาจัดการ โดยมิยอมลงมือทำ หรือเห็นไม่เห็นคุณค่าของพลังสร้างสรรค์ที่เรามี ปล่อยเลยตามเลย เท่ากับเราปล่อยให้เข็มนาฬิกาเดินทาง แต่สองเท้าหยุดนิ่ง

หายใจเข้า วันและเดือนย่อมล่วงไปตามวิถีของกาล บางสิ่งมาและจากลา สิ่งต่างๆ แปรเปลี่ยนไปตามวิถี แต่วันหน้าสิ่งที่เคยเป็นปัญหาอยู่นี้จะดีขึ้นหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาที่ส่วนหนึ่งที่อยู่ภายในตัวเรา และอยู่ในระหว่างกัน ได้เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขดูแลมากน้อยเพียงใด ปัญหาในวันนี้อาจจบสิ้นลงแล้วในปีต่อมา แต่ปัญหาใหม่อาจเกิดขึ้นอีก เนื่องด้วยสาเหตุภายในเรานั้นมิได้เปลี่ยนแปลงด้วยกาลเวลา แต่ขึ้นอยู่กับการเลือกและการทำของเราในวันเวลาที่มี

หายใจออก วันเวลาที่มีให้เราได้หายใจ ได้บอกใบ้ถึงโอกาสของเลือกแล้ว ชีวิตเราอยู่ที่เราตัดสินใจ งานเขียนอยู่ที่เราเลือกจรดปลายปากกาลงอย่างไร วันเวลาอาจเปิดประตูให้ อาจชวนเราเจอะเจอสมุดเล่มใหม่ แต่วันเวลามิใช่ผู้ก้าวเท้า วันเวลามิใช่ผู้จับปากกา

การรอคอยจังหวะจักรวาลที่เหมาะสม หรือผ่อนคลายไม่บีบคั้นชีวิต ย่อมพาให้ชีวิตเราเดินทางอย่างไม่ว้าวุ่นใจ หรือแบกถือสัมภาระยึดติดหนักอึ้ง ทำให้เราเดินทางได้สบายใจ ผิวปากยกย่างเท้าราวจังหวะเพลง ลงมือทำตามโอกาสที่มี ไม่ลืมที่จะทบทวนตนเพื่อปรับปรุงแก้ไข คนเช่นนี้จะเลือกสร้างวันเวลาอนาคตข้างหน้าด้วยตนเอง แต่ผ่อนคลายไม่ด่วนไขว่คว้า หรือบีบคั้นเกร็งเครียด หายใจเข้า รับรู้ดูแล หายใจออก ยอมรับความจริงที่เป็น และปล่อยให้ธรรมชาติจัดสรรสิ่งที่มิอาจทำด้วยตนเอง

หลายเหตุการณ์ของชีวิตเรา เราได้ปล่อยให้โอกาสของการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงได้ผ่านไป ปัญหาอาจจบสิ้นลงชั่วคราว แต่ย่อมเกิดใหม่หากเราไม่เรียนรู้ที่จะป้องกัน บ่อยครั้งที่เรามีโอกาสจะเลือกทำสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่เราถูกจำกัดด้วยสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราที่เดินทางผ่านกาลเวลามาด้วยกัน มิว่าจะเป็นร่องความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก ความกลัว หรือหตุการณ์ฝังใจ วันเวลาได้ให้โอกาสเราดูแลสิ่งเหล่านี้แล้วแต่มิได้ทำ ย่อมทำให้เราเสียโอกาสที่วิเศษเช่นนี้

ก่อนวันเวลาจะเดินทางจากไปอีกครั้ง เราลองให้พื้นที่แก่ตนเองได้ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน จนถึงหนึ่งปี ให้การเขียนได้ทบทวนตัวผู้เขียน ให้ชีวิตได้ทบทวนชีวิต ลมหายใจตรึกตรองลมหายใจ เพื่อที่เราจะใช้ทุกบรรทัดของกาลเวลามิเปล่าดาย ฉวยวันเวลาและชีวิตก่อนเลยผ่าน

หายใจเข้า หากตอนนี้เส้นทางของชีวิต มิว่าด้านการงาน การเงิน ความรัก การเรียน หรือกระทั่งครอบครัว ราวทอดไปในความมืดมนหม่นหมอง เราหวังว่าเช้าวันพรุ่งของชีวิตตะวันจะถักทอแสงกระจ่าง เราคงเชื่อมั่นหรือเป็นสุขกับสิ่งเหล่านั้นกว่านี้ แต่ตอนนี้เราทำสิ่งใดได้บ้าง ตะวันย่อมขึ้นตามวิถีของตะวัน ตัวเราจะกอดเข่ารออยู่ที่เดิม หรือจุดไฟด้วยตนเองและก้าวไปข้างหน้า หรือหลบเข้าบ้านเพื่อพักกายใจและทบทวนตน ทางเลือกใดใดใจเราเป็นผู้ตัดสิน

หายใจออก สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้อาจมีข้อจำกัดมิให้เราทำสิ่งใดได้มากนัก รายได้ของอาชีพถึงเวลาขาลงตามเศรษฐกิจ เราแก้ไขตลาดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะอดออมอย่างไร จะหารายได้เสริมจากทักษะความสามารถของเราและครอบครับอย่างไร  เราอาจต้องการพบเพื่อพูดคุยกับใครสักคนมากเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรก็มิอาจได้พบเจอ เราอาจต้องการเวลาดูตนเองทั้งสองฝ่าย หรือพบเจอแล้วต่างก็มิอาจสื่อสารได้เข้าใจกัน เพราะความรู้สึกข้างในต่างไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าตัว สิ่งที่มิอาจแก้ไขหรือจัดการในตอนนี้ย่อมมีเหตุผลและวิถีของสิ่งนั้น ธรรมชาติย่อมจัดสรรไปตามโอกาสและวิถีของสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เราไม่อาจจัดการทุกสิ่ง แต่เราจัดการสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเราได้

เราไม่อาจพบหรือเจอกับใครสักคนเวลานี้ เพราะวันเวลาให้โอกาสที่เราจะพัฒนาการสื่อสารของตัวเราให้ดีก่อน เปิดพื้นที่ให้ต่างฝ่ายแยกห่างเพื่อย้อนมองเรื่องราวด้วยใจที่เป็นกลางและเปิดรับกันและกันมากขึ้น เมื่อเราเข้าใจโอกาสที่วันเวลาให้ เราย่อมมีโอกาสให้เจอกับใครคนนั้นอีกครั้งและร่วมสร้างสถานการณ์และความสัมพันธ์ที่เหมาะสมและเป็นสุขแก่ทั้งสองยิ่งกว่า หรือแม้เรามิมีโอกาสพบเจอกันอีก เราย่อมสามารถถักสายใยความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและเอื้ออารี ลดทอนท่าทีตัวเราที่ร่วมก่อปัญหาระหว่างเรากับใครอื่นลง เราย่อมเติมเต็มชีวิตด้วยความสัมพันธ์ใหม่ที่งดงาม

เรื่องราวที่ดีไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้าที่เขียนจบ ชีวิตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนวันเวลาที่ผ่านมา แต่เนื้อหาหรือความหมายอยู่ที่เราลงมือเขียนและทำอย่างไรในแต่ละขณะจังหวะวรรคตอนชีวิต

หายใจเข้า สำหรับผู้สนใจการเขียนเพื่อการพัฒนาชีวิต ลองเปิดสมุดของเรา เปิดพื้นที่และน้อมรับโอกาสที่วันเวลาหยิบยื่นให้ ลองลงมือบันทึกทบทวนว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา วันเวลาได้มอบโอกาสให้เราลงมือทำสิ่งใดบ้าง ทั้งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ การแก้ไขบางอย่าง มีสิ่งใดที่เราลงมือทำและสิ่งใดเราไม่ได้ลงมือทำ แล้วหนึ่งปีที่ผ่านมาสิ่งใดบ้างที่เราเห็นว่าควรทำให้ดีหรือมากขึ้นกว่านี้

หายใจออก อยู่กับลมหายใจแห่งกาลเวลา รอฟังเสียงชีวิตบอกว่า ธรรมชาติจัดสรรสิ่งต่างๆ มาสู่วันนี้ด้วยการลงมือทำใดใดของเราเกื้อหนุน และ ณ ตอนนี้ วันเวลากำลังหยิบยื่นโอกาสให้เราทำสิ่งใด ใส่ใจอะไร

หากชีวิตคือการเดินทาง สองเท้าหรือการเลือกและการลงมือทำจะพาเราให้ย่างก้าว วันเวลาคือระยะทางที่เกิดขึ้นจากเท้าเรา และจังหวะของธรรมชาติ เป้าหมายมิใช่การสมหวังหรือปลายทาง แต่เป้าหมายอยู่ทุกลมหายใจและระหว่างทางที่เราเลือกก้าวเดิน สิ่งเหล่านั้นย่อมเป็นรางวัลแก่ทุกหัวใจที่รู้ค่าของชีวิตที่มีอยู่

 

 

ภาพประกอบ เป็นของขวัญปีใหม่จากผู้เรียนหลักสูตรเขียนเปลี่ยนชีวิต ส่งมาให้ครูโอเล่

คอลัมน์ ลมหายใจจับปากกา #17