การเดินทางของดอกหญ้าขาว #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง

การเดินทางของดอกหญ้าขาว โดย ศุภรัตน์ ศรีเมือง ม.บูรพา มส.พัฒนาชุมชน การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน   “ ดอกหญ้าขาว ” ฉันได้เรียนรู้ที่จะบอกกับตัวเองถึงเรื่องราวการเติบโตของทุกช่วงเวลา ทุกการกระทำที่ได้รับจากประสบการณ์ต่างๆจากสิ่งรอบข้างและเส้นทางชีวิตที่รอคอยสำเร็จตามสิ่งที่เราเลือกเดินชีวิตเกือบ 20 ปี ที่ผ่านมานี้ ด้วยชีวิตของของดอกหญ้าขาว ดอกหญ้าขาว พรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกเป็นสีม่วงหรือสีชมพู พอดอกแก่จะเปลี่ยนเป็นสีขาว ผลแห้งเมล็ดอ่อน มีเมล็ดเดียวลักษณะเป็นทรงกระบอกแคบมีสีน้ำตาลเข้ม ด้านบนมีสีขาวปกคลุม ผลเป็นพู่แตกบาน ช่วยทำให้เมล็ดลอยไปตามลมได้ แต่สายลมที่พัดผ่านมานำความกล้าและประสบการณ์ใหม่จากทั่วฟ้าดิน วันหนึ่งดอกหญ้าขาว เธอกำลังจะออกไปเผชิญโลกกว้างในสถานที่ใหม่ แล้วกลับมามองตัวเองพร้อมตั้งคำถามว่าที่ผ่านมา เธอเลือกเส้นทางที่ถูกต้องใช่แล้วหรือไม่ ? เธอเติบโตบนพื้นหญ้าแห่งหนึ่งโดยมีการดูแลเอาใจใส่จากต้นไม้ใหญ่ เธอได้รับสารอาหารและร่มเงาของต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้เลี้ยงลำต้นเล็กๆของดอกหญ้า จนเติบใหญ่ ที่อยู่รายล้อมด้วยดอกหญ้าและดอกไม้นานาชนิดด้วยกัน เธอมักได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ เธอจึงไม่กล้าตัดสินใจจากที่ที่เธออยู่ ไปเจอโลกภายนอกนัก เธอกังวลว่าที่ใหม่ที่เธอกำลังจะดินทางไปจะน่าอยู่เหมือนที่เธออยู่ทุกวันหรือเปล่า ? “ ทำไมต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ? ” นั้นเป็นความคิดของดอกหญ้าน้อยช่างสงสัย…. กระทั่งวันหนึ่งขณะที่เธอนั่งมองท้องฟ้าและต้นไม้ใหญ่ของเธอทันใดนั้น สายลมก็พัดพาเธอล่องลอยไปในอากาศ โดยไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจ ที่ได้เห็นภาพที่เคยอยู่เป็นแค่ภาพความทรงจำ… “ ทำไมต้องหัดอยู่คนเดียว… Continue reading การเดินทางของดอกหญ้าขาว #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง

Rooms in The room #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง

งานเขียนจาก ณภัทร กำจัดภัย ม.บูรพา การจัดการทรัพยากรมนุษย์ การอบรมการเขียนเพื่อรู้จักตนเองและการสะท้อน   ด้วยว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก มีคนมากมายเดินกันเต็มเมืองใหญ่ และพวกเราเป็นเพียงสสารที่เหมือนลอยอยู่ในเมืองนั้น ขณะนี้พวกเรามองเห็นประตูบานหนึ่งที่เปิดกว้างเหมือนกับว่ามันเป็นประตูเดียวที่พวกเราจะไปได้ ฉันต้องการที่จะผ่านประตูนั้นเข้าไป และเดินไปไม่สิ้นสุด พวกเราหวังอย่างนั้น แต่ความฝันเฟื่องเริ่มกัดกินและทำร้ายพวกเรา พวกเรามีเพิ่มขึ้นตลอดทางที่พวกเราเดินผ่าน ต่างพวกต่างคนรู้จักกลับมาเป็นมิตรกัน พวกเรามีมากพอที่จะฝ่าฟันปัญหาต่างๆ พวกเราเริ่มที่จะค้นหาประตูบานใหม่ๆ มันทำให้เส้นทางมีสีสันมากขึ้น มีเหตุการณ์มากมาย ทั้งดีและร้าย พวกเราเปิดประตูบานแล้วบานเล่า ซึ่งประตูแต่ละบานมีความแตกต่างกัน จึงทำให้ต่างคนต่างแยกกันไปในแต่ละประตู รอเพียงเวลาที่จะมีโอกาสเปิดประตูมาอยู่ในห้องเดียวกัน และพวกเราไม่สามารถรวมกันได้ครบซักที มันเหมือนว่าพวกเราทั้งหมดนั้นติดอยู่ในเขาวงกรด ที่ไม่สามารถออกมาได้ เดินวนอยู่ในที่เดิมๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพวกเรามีความคิดมากขึ้น พวกเราต้องการที่จะไปในห้องใหม่ๆ หาประตูใหม่ๆ พวกเราเพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้พวกเราผ่านห้องต่างๆมามากมาย พวกเราคิดว่าพวกเราผ่านห้องต่างมามากมาย พวกเราคิดว่าพวกเรารู้ทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วพวกเรารู้เพียงน้อยนิดมากถ้าเทียบกับคนอื่นที่ผ่านห้องมาหลายห้อง เพราะเราเป็นเพียงสสารหนึ่งบนโลกใหญ่ ที่มีประตูมากมายให้เราเปิดซึ่งเราไม่มีทางที่จะเปิดมันได้หมด พวกเราเริ่มยอมรับว่าพวกเรายังเด็กต่อโลก และประตูที่พวกเราเลือกมันพาให้เราติดและวกวนอยู่ในห้องเดิมๆ เพราะในห้องทุกห้องมีสภาพแวดล้อม สังคมที่แตกต่างกันมาก ขนาดของห้องทำให้เราใช้เวลาในการหาประตูบานถัดไปนานยิ่งขึ้น เราต้องค้นหาประตูแข่งกับเวลาชีวิต พวกเรามีเวลาไม่มากเท่าไหร่ พวกเราต้องบริหารเวลา พวกเราพยายามที่จะค้นหาประตูถัดไปในตอนนี้ เพราะพวกเราคิดว่าพวกเราอยู่ในห้องที่กว้างใหญ่นี้มานานเกินไปแล้ว และคนในห้องถัดไปก็ไม่ชอบสภาพแวดล้อมของห้องเรา แต่ต่างคนต่างมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาก็มีเหตุผลของเขาที่เลือกประตูนั้นๆ พวกเราไม่สามารถที่จะลากหรือฉุดใครให้เข้ามาในห้องที่เราต้องการได้ เขาคนนั้นเท่านั้นที่จะเป็นคนเลือก บางคนเมื่อเลือกแล้วก็อาจไม่ต้องการที่จะหาประตูใหม่ๆเพราะเขานั้นพอใจในสภาพแวดล้อมในห้องนั้นๆ เขาจะอยู่กับมันจนเขากลายหนึ่งเดียวกับห้องนั้น… Continue reading Rooms in The room #งานเขียนต่อยอดการรู้จักตัวเอง

น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา

น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา นายธนสิทธิ์ เหมือนกุล คณะดนตรีและการแสดง “ตอนที่ได้บันทึกเรื่องเล่าทั้งสองเรื่องทุกวินาทีที่ได้ลงมือคิดและเขียนลงไปมันทำให้ผมได้คิดถึงเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิตที่ได้พัดผ่านเข้ามา ทำให้ได้กลับมาทบทวนเรื่องราวต่างๆอีกครั้ง ในระหว่างบันทึกนั้นความรู้สึกหลากหลายนั้นได้เข้ามาเยอะมาก ทั้งความกลัว กลัวที่จะกลับไปนึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นที่เป็นเรื่องราวฝังใจของผม กลัวที่จะนำมันมาเล่าใหม่และทำให้จิตใจของเราแย่ลง แต่พอเราได้เริ่มเขียนลงไป สิ่งเหล่านั้นกลับไม่เกิดขึ้น มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ความสบายใจที่พร้อมจะเล่า มันเหมือนได้กลับมาเปิดใจนึกถึงมันอีกครั้ง ในระหว่างที่เขียนสำหรับผมมันไม่ได้มีเพียงภาพที่เข้ามาในหัว แต่มันมีทั้งเสียง และความรู้สึกต่างๆเข้ามาด้วย ผมพยายามรับและถ่ายทอดมันออกมาให้ดีที่สุด รับมันอย่างจริงจังและเปิดใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระหว่างการบันทึกมันทำให้ผมได้คิดถึงมันและนึกถึงปัญหาที่มันแย่มากๆ แต่มันก็ผ่านมาจนได้ หลังจากการบันทึกเสร็จแล้ว มันมีทั้งความเข้าใจความสบายใจและความเสียใจปะปนกันมาก แต่สิ่งที่ได้สำหรับตัวผมมากที่สุดคือได้มองเห็นเรื่องราวเก่าๆและเอามาเทียบกับเรื่องราว ณ ปัจจุบันว่าเราจะก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนั้น และนำแรงกำลังใจที่เราเคยมีกลับมาใช้อีกครั้งให้เราได้มีกำลังเหล่านั้นและยิ้มรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากบันทึกแล้วผมรู้สึกสบายใจมากที่ได้เล่า มันเป็นความสบายใจที่โล่งมากๆ จากที่ตอนเขียนมันมีทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม  พอผมเขียนเสร็จผมโทรหาแม่และคุยหลายๆเรื่องมันยิ่งทำให้รู้สึกดีและกล้าเปิดตัวเองมากยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับการบันทึกครั้งนี้อีกครั้ง ทุกเหตุการณ์เหล่านั้นมันไม่ได้สวยหรูมากมายแต่มันมีคำสอนที่คอยแทรกเพื่อเป็นบทเรียนให้ผมได้รู้จักกับคำว่า อดทน ที่จะใช้มันตลอดไปเลยทีเดียว ผมนั้นได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่าแท้จริงแล้วเรานั้นเป็นคนอย่างไร อยากทำอะไร และที่อยู่ทุกวันอยู่เพื่อใคร ผมตอบได้เลยว่าที่ยอมเหนื่อยยอมทำทุกวันเพื่อพ่อแม่จริงๆ พ่อแม่ของผมท่านเหนื่อยมาก ผมอยากจบไวๆ อยากมีงานดีๆ มีเงินเดือนที่เลี้ยงท่านได้ หลายคนอาจจะมองว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่สำหรับผมเงินและคุณค่าทางชีวิต มันไม่ต่างกันมากเลย เรามีความรักความเข้าใจจากครอบครัวมันดีมากแล้ว แต่ถ้าเรามีเงินที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราได้มีกิน มีใช้ จะทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์มากขึ้น แต่อย่างไรถ้าความฝันที่มันอาจจะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้… Continue reading น้ำคำชีวิต บทเรียนล้ำค่าจากข้อสอบชีวิต นักศึกษา ม.บูรพา

ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา

อาจารย์ของโครงการฯ ได้รับเชิญให้จัดกระบวนการและร่วมออกแบบข้อสอบกลางภาคนักศึกษา ม.บูรพา จำนวน ๓ ห้องเรียน ในวิชาการออกแบบและการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ บันทึกเชิงกระบวนการส่วนตัวพากลับมาทบทวนตนเอง จับประเด็นวิเคราะห์ และเรียบเรียงถ่ายทอด  ดังนี้เป็นส่วนหนึ่งจากงานเขียนข้อสอบ   “ความรู้สึกหลังบันทึก หลังบันทึกนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะเราได้ระบายความผิดพลาดในอดีตลงไปในกระดาษให้กระดาษแผ่นนั้นนำความรู้สึกแย่ๆของเราออกไป รู้สึกว่าตัวเองก็เก่งนะที่สามารถเก็บความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบ1ปี ทำให้รู้ว่าความสุขจริงๆแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาที่เกิดเรื่องดีดีเท่านั้นแต่ความสุขมันเกิดได้ทุกทีขอแค่เรายอมรับในสิ่งที่เราผิดพลาดและก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้ หลังจากได้ระบายความรู้สึกแย่ๆลงไปในกระดาษ มันเหมือนเป็นบทเรียนชิ้นนึงของเรามันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เราสามารถนำมันมาเป็นบทเรียนและนำมันมาเป็นแนวทางและแก้ไข้ปัญหานั้นหากปัญหานั้นกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง” (นายธนบดี พรกระจ่างสกุล)   “ข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวตนเรา ฉันสังเกตได้ว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์แบบว่าใจเย็นแต่บางสถานการณ์ก็ใจร้อนพร้อมหาเรื่องได้ตลอดถ้ามาทำให้โกรธ ไม่ชอบเข้าสังคม รักความสันโดษ สงบนิ่ง ไม่ชอบความวุ่นวาย หัวเราะง่าย เก็บกดไม่ค่อยได้แสดงออก ขี้สงสารใจอ่อนกับคนแก่ ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเป็นคนที่หัวโบราณมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ เวลาทำงานหรือทำอะไรก็ตามจะต้องแผนมีหลักการวางขั้นตอนไว้เสร็จ เป็นคนที่อยู่ในขอบเขตเรื่องกฎระเบียบ เป็นคนตรงต่อเวลาไม่ชอบผิดสัญญา เป็นคนที่รักความอิสระเสรี ทุกคนมีสิทธิทางความคิดการกระทำเท่าๆกัน จริงจังกับงานไม่ชอบการเล่นจนเสียการเสียงาน จริงจังกับการใช้ชีวิตโดยจะท่องไว้เสมอว่าชีวิตคนเราไม่มีวันย้อนกลับได้จึงทำทุกอย่างเต็มที่และไม่ประมาทจนคนอื่นมองว่าเราเครียดเกินไป ที่จริงฉันเองก็มีมุมที่เฮฮาผ่อนคลายแต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นถ้าไม่ใช่ครอบครัวและเพื่อนสนิทจริงๆ ชีวิตของฉันก็เป็นไปแบบเรียบง่ายอยู่ในกฎระเบียบที่ครอบครัววางไว้ ซึ่งตัวตนของฉันจะมีปรากฏอยู่ในบันทึกบางส่วนฉันไม่ได้เลือกที่จะบันทึกตัวตนทั้งหมดของฉันลงไปในบันทึกเพราะเกรงว่าจะดูแย่ไปกว่าเดิมเพราะเท่าที่ได้อ่านบันทึกของฉันทั้ง 2 ก็พอเดาได้ว่าฉันเป็นคนยังไงอาจจะไม่ตรงกับทัศนคติของคนอ่านก็เป็นได้เดี๋ยวจะพาลทำให้คนอ่านหมั่นไส้และไม่ชอบฉันขึ้นมากันพอดี ข้อสังเกตจากบันทึกอีกอย่างคือไม่มีใครรู้จักเราเท่าตัวเราเอง คงยากที่จะให้เราเป็นอย่างที่คนอื่นบอกว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่คนอื่นบอกมันคือตัวตนเราบางทีสิ่งที่คนอื่นบอกอาจจะเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็น ดังนั้นเราจึงต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองแต่ก็อย่าเชื่อมั่นจนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น” (นางสาวอลิษา แก้วบัวดี)     “คนเรามักจะใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบที่ต้องการ ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงแค่ความทรงจำ จนลืมที่จะนึกย้อนกลับไปเพื่อหาบางสิ่งบางอย่างและฉันเองก็เป็นเหมือนกับคนเหล่านั้น แต่เมื่อถึงยามจำเป็นที่ต้องใช้เรื่องราวในอดีตเป็นเครื่องมือในการศึกษาเล่าเรียน… Continue reading ข้อสอบกลางภาคเขียนทบทวนชีวิตและสะท้อนบทเรียน นักศึกษา ม.บูรพา