“พรหมโวหาร” คอลัมน์ ปัญญามีความรัก #๔

พรหมโวหาร

 

 

เล็ก

ฉันรู้ว่าเราต่างยากปรับเข้าหาและเข้าใจกันในหลายจังหวะของการพบเจอและการสื่อสารที่ผ่านมา ฉันขอโทษเธอนะหากวาจาใดได้เคยพาใจเธอหม่นมัวหรือเจ็บปวด เพราะความหม่นมัวที่ฉันมีหรือความเจ็บปวดที่หวังเธอดูแล ฉันดีใจที่เธอให้อภัยและวางใจให้ถ้อยคำของฉันยังแนบเนาอยู่ใกล้ๆ ดวงใจ

คนดี หลายครั้งเชียวนะที่ถ้อยคำของบุคคลที่เรารักหรือผูกพันกลายเป็นแส้ที่เฆี่ยนตี การทำร้ายกันเกิดขึ้นตั้งแต่ในโลกใบเล็กคือครอบครัวจนโลกใบใหญ่ในสังคม หัวใจเธอเจ็บปวดเพราะสิ่งใดนะ ฉันฟังน้ำตาของเธอ ดวงตาเธอคล้ำหมอง เส้นผมเธอหลุดร่วงลง ความมืดดำของหัวใจที่รักเธอและเธอรัก กลืนกินร่างกายและจิตใจเธอเนิ่นนาน ไยคนที่รักเธอจึงมิเห็นว่าความมืดดำของตนได้ทำร้ายกันมามากเพียงใด

เขาหวังให้เธอเปลี่ยนแปลง แต่มิได้ย้อนมองสิ่งที่ตนต้องแปรเปลี่ยน ความรักควรจักกร่อนอัตตา ให้เหมือนน้ำอันอ่อนโยนกัดเซาะผาหินมิใช่หรือ เมื่อเรารักใครอย่างแท้จริง เราอาจยอมแม้แต่ลดความเป็นตนเอง เพื่อเปิดรับความเป็นคู่ หรือหัวใจอีกดวงอยู่ในรั้วรอบขอบใจ

เล็ก เราจะเอ่ยคำหรือสื่อสารอย่างไร เราควรกล่าวความจริง หรือเก็บงำอำพลาง เราลองเรียนรู้จากท่านผู้เป็นเช่นนั้นนะ ท่านกล่าวคำสัตย์เสมอ แต่หัตถ์อันเมตตาก็เลือกเฟ้นใบไม้หรือดอกไม้มอบให้แก่เราเพียงบางส่วน

สิ่งใดแล้วพูดแล้วถูกใจแต่ไม่จริง ท่านก็เลือกไม่เอ่ยคำวาจา สิ่งใดแล้วเป็นจริงแต่เอ่ยไปเกิดโทษมิเห็นค่าในครานั้น ท่านก็เลือกเงียบคำมิกล่าวถึง สิ่งใดแล้วเป็นเท็จลวงกล่าวแล้วก็ไร้คุณ ท่านก็มิเลือกหยิบยื่นแก่การสนทนา

ต้องเป็นความจริงและมีคุณค่า มีคุณประโยชน์เหมาะแก่กาละ เทศะ บุคคล และสิ่งต่างๆ แล้วเท่านั้น ท่านพระสัมมาสัมพุทธจึงตรัสกล่าวแก่เราทั้งหลาย

ฉันเคยเตือนเธอเล็กเอย บางสิ่งเราเพียงรู้จริงต่อกัน ทำดีต่อกัน แต่อาจมิเหมาะสมที่จะกล่าวถึงในตอนนี้ หากกล่าวเฉลยแล้วก็จะมีภัยจนถึงวันหน้า ฉันให้อภัยเธอที่หลงลืมนะ และเล็กเอย สิ่งใดที่เธอควรกล่าว เป็นความจริง มีคุณประโยชน์ในกาลนั้น เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แก่ใจเธอ นั้นควรกล่าวออกมา แม้ความรู้สึกที่เจ็บปวดภายใน ความต้องการที่แท้จริงของเธอ เสียงหลายเสียงคนที่รักเธอมิมีโอกาสฟังเธอเลย เพราะเธอมิได้เอ่ยออกวาจา เพราะเธอกลัวความไม่เข้าใจ แต่เธอได้สร้างความไม่เข้าใจให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วอีกหน ฉันให้อภัยที่เธอละเลย และยินดีที่เธอได้ยืนยันเสียงของเธอเอง แม้อีกฝ่ายมิอาจพร้อมยอมรับความจริงนี้ก็ตาม

เล็ก เมื่อเราค้นใจเราจนเข้าใจ เราย่อมเห็นว่ามีสิ่งงดงามอยู่ข้างในนี้มากมาย โดยเฉพาะความรักที่แนบเนาดั่งเมล็ดภายใน หากวาจาเป็นดั่งผลที่งอกงามจากสวนหัวใจแล้ว เราย่อมเลือกได้ที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดมอบแก่คนอื่นๆ จะนำผลจากต้นไม้ใดแบ่งปันเป็นอาหารหล่อเลี้ยงใจกัน โดยมิได้เบียดเบียนแขกและเจ้าของสวน

หลายทีปากก็ไม่ตรงกับใจเอาเสียนะคนดี ฉันเองก็เช่นกันเมื่อต้องกล่าวสิ่งที่น่าหวั่นไหวแก่เธอ เหตุใดหนอ สิ่งใดนะปิดกั้นหรือเบี่ยงเบนการสื่อสารกับหัวใจแปลกแยก

ลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธท่านเคยสงสัยเหลือเกินว่าพระองค์ท่านกล่าวเช่นใดจึงไม่วิวาททะเลาะกัน แม้แต่คนที่หมายปลุกปั่นก็ต้องล่าถอยไป ท่านกล่าวไล่เรียงปัจจัยอันเป็นเหตุของการทำสิ่งไม่ดีต่างๆ แล้วลูกศิษย์คนสำคัญของท่านก็ช่วยอธิบายเสริมว่า สิ่งที่เป็นเหตุแห่งการวิวาทนั้นก็คือเมล็ดพันธุ์แห่งกิเลศนั่นเอง

ในสวนของเรามีต้นไม้ที่งอกงามมากมาย หลายครั้งที่เราเลือกผิด เลือกหยิบผลจากต้นอันเปี่ยมพิษร้าย ซึ่งงอกงามจากเมล็ดพันธุ์แห่งกิเลศทั้ง ๗ นำมามอบความรุนแรงและการทำร้ายกัน ด้วยผลจากเมล็ดแห่งความอยากใคร่  เมล็ดแห่งความไม่พอใจ  เมล็ดแห่งการหลงผิด  เมล็ดแห่งการหวาดระแวงสงสัย เมล็ดแห่งการยึดติดคุณค่า  เมล็ดแห่งการยึดติดภาวะ และเมล็ดแห่งการยึดติดความคิดเห็น

ต้นไม้ที่น่ากลัวเหล่านี้แหละที่รัก งอกเงยและแผ่กิ่งก้านกั้นขวางหัวใจของพวกเราทั้งหลาย ซ้ำยังผลิผลอันงามยั่วหลอกให้เราทำร้ายตนเองและคนรอบข้าง  บางทีฉันมิอาจบอกความนัยสำคัญต่อเธอเพราะฉันถูกพันธนการด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น ด้วยความกลัวระแวงแคลงใจต่อกัน ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจและรอรับฟัง แต่เธอก็มิอาจสื่อสารให้ฉันรู้ เพราะต้นไม้แห่งความระแวงสงสัยและการยึดติดความเห็นก็ได้บดบังเธอจากฉันเช่นกัน

ฉันยื่นมือมาหาเธอแล้ว จับมือฉันไว้อย่าได้รังเกียจเลยนะ ฉันรู้ว่าบางทีใจฉันก็ขาดความกล้าหาญ แต่จะจับมือเธอและบีบนวดเบาๆ ให้เธอรู้ว่า แม้มีกิ่งก้านมืดหมองปิดบังกันอยู่ ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้มิได้ไปที่ใด

ถ้อยคำเหล่านี้พาหัวใจฉันมาสู่อ้อมแขนแห่งการรับฟังของเธอแล้ว ดูแลเขาด้วยนะปัญญา เล็กเอย เขาต้องการความรักและความอ่อนโยนที่มีอยู่ในสวนของเธอ เขาต้องการความเข้มแข็งจากลำต้นของแมกไม้เพื่อพักพิง หากถ้อยคำของเขากล่าวดีแล้วเธอก็บอกแก่เขานะ คำชื่นชมนั้นคือสายธาราที่จะหล่อเลี้ยงสวนของเรา หากเขาก็กล่าวผิดไปเธอก็เตือนกัน เฉกเช่นการตัดเล็มยอดใบที่รกเรื้อ เพราะเราต่างเป็นคนสวนรั้วเคียงใกล้ หรือเราทำสวนแห่งเดียวกันอยู่นะ

ดูสิ ฉันเห็นเธอแล้ว น้ำตาของเธอพึ่งไหลรินจากดวงตาของฉันยามภาวนาให้แก่กัน

 

 

รุณา

วันที่ ๑๕ พ.ย. ๒๕๕๘  ๒๓:๕๑ น.