Self-Hypnosis การโปรแกรมจิตตัวเอง

รายละเอียดเพิ่มเติม

หลักสูตร “Self-Hypnosis การโปรแกรมจิตตัวเอง”

 

รุ่นที่ 3 : จัดอบรมวันที่ 20 – 21 และ 27 – 28 กรกฎาคม 2567

ในเวลา 9.00 – 17.00 น. เรียนออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom

 

รับจำนวนจำกัดเท่านั้น

รายได้เพื่อสนับสนุนโครงการในสถาบันธรรมวรรณศิลป์

หลักสูตรพิเศษในโครงการอบรม “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” ปีที่ 9 ซึ่งได้จัดมา 19 รุ่น สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นการฝึกโปรแกรมจิตตนเองโดยเฉพาะ

 

โดยเป็นการรวบรวมหลากหลายเครื่องมือทางด้าน Self-Hypnosis หรือศาสตร์ในการกำหนดความคิดและความรู้สึกด้วยตนเอง พร้อมทั้งคู่มือที่เป็นเหมือนกล่องยาสามัญประจำบ้านไว้ใช้รักษาใจและกำหนดความคิดของตนเองยามที่จำเป็น

 

กิจกรรมต่างๆ จะเป็นการฝึกผ่าตัดจิตใจ เปลี่ยนวิธีคิด ปรับนิสัย เปลี่ยนตัวเอง  สร้างความเชื่อมั่นสู่ความสำเร็จ และพัฒนาศักยภาพของจิต โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสะกดจิตให้ ด้วยเทคนิคหลายอย่างที่ครูผู้สอนประยุกต์จากหลากหลายวิธีการ ซึ่งใช้สอดแทรกตลอดการอบรมในหลักสูตรต่างๆ อาทิ เขียนเปลี่ยนชีวิต เขียนภาวนา รู้จักตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์ ฯ

 

Self-Hypnosis หรือศาสตร์การโปรแกรมจิต มีจุดมุ่งหมายให้เราได้เป็นนายเหนือความคิดและจิตใจของตนเอง ด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ติดตัว บนพื้นฐานของหลักธรรมและการสะกดจิตบำบัด ในการอบรมที่เน้นการลงมือทำทั้งในคาบเรียนผ่าน Zoom และหลังการเรียนแต่ละคาบ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิต แก้ไขพฤติกรรมเชิงลบ บ่มเพาะความเชื่อมั่นในตนเอง การสร้างแรงจูงใจไปสู่เป้าหมาย และประโยชน์อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจต่อชีวิต และการเติบโตทางจิตวิญญาณ

เป้าหมายของการอบรม

 

  • ฝึกฝนการโปรแกรมจิตตนเอง ด้วยเทคนิคต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ อาทิ การสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงลบ การสร้างแรงจูงใจไปสู่เป้าหมาย การจินตภาพ การบ่มเพาะพลังบวกให้แก่ตนเอง และเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์
  • ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกทางจิตใจ ผ่านมุมมองการสะกดจิตบำบัด เชื่อมโยงกับหลักธรรมในพุทธศาสนา เพื่อรู้เท่าทันและรู้ใช้กลไกเหล่านี้ให้เกิดคุณค่าต่อชีวิต
  • พัฒนาความเป็นนายเหนือกายจิตของตนเอง ด้วยปัญญาความเข้าใจ และความสามารถในการกำกับควบคุมความคิดได้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อความเป็นอิสระของใจไม่เป็นทาสต่อสิ่งที่โปรแกรมจิตในชีวิต
  • สามารถสะกดจิตตนเองในชีวิตประจำวัน ด้วยการประยุกต์จากแบบฝึกหัดและหลักการที่ได้เรียนรู้ในหลักสูตรนี้

กระบวนการเรียนรู้

 

  • การอบรมแต่ละวันจะแบ่งออกเป็น 3 คาบ ได้แก่เวลา 9.00 – 10.30 น. , 12.30 – 14.00 น. และ 15.30 – 17.00 น.
  • ผู้เรียนควรเข้าได้ครบทุกคาบและห้ามขาดวันแรก โดยมีแบบฝึกหัดที่ต้องฝึกปฏิบัติเป็นการบ้านระหว่างการอบรม
  • มีคาบพิเศษเวลา 19.30 – 21.00 น. เป็นกิจกรรมการฝึกจิตและปัญญาญาณ เป็นการฝึกร่วมกันทั้งศิษย์เก่าและใหม่ ไม่บังคับเข้าทุกคน
  • การเรียนรู้จะเน้นที่การลงมือทำเป็นสำคัญ โดยเน้นย้ำที่การฝึกปฏิบัติซ้ำด้วยตนเอง ควบคู่กับการฟังบรรยาย และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน

เนื้อหาหลักสูตร

 

หมวด ความเข้าใจ

  1. เรียนรู้หลักการเบื้องหลังการสะกดจิต NLP และการโปรแกรมจิต
  2. เรียนรู้การโปรแกรมจิตในชีวิตประจำวัน
  3. เรียนรู้เกี่ยวกับจิตใจ จิตใต้สำนึก การเกิดขึ้นของเสียงในหัว
  4. เรียนรู้ความเชื่อมโยงกับฝึกจิตในหลักพุทธศาสนา
  5. เรียนรู้การมองความจริงในมุมมองของ Quantum Psychology

 

หมวด เทคนิควิธีการ
ฝึกฝนเทคนิคต่างๆ ตามความพร้อมของกลุ่ม หากเทคนิคใดไม่ได้ฝึกจะมีอยู่ในคู่มือให้ศึกษาด้วยตนเอง ประกอบด้วยเทคนิค เช่น Autosuggestion, Autogenic, Progressive Muscle Relaxation + Autosuggestion, The Light Switch Technique, Body Test, นิยามที่ทรงพลัง, Be the Background, Focus Changing, Steam of Mind Image, การรับมือเสียงในหัว, การโฟกัสอย่างสมบูรณ์, Wallet of memory, ทลายกรอบความเชื่อ, Inner Music, Heart In Palm Hand, เข้าถึงตัวตนสงบ, Space Focus, Active Imagination, Quantum Consciousness Programing, ดำรงกับความว่าง ฯ

 

หมวด การพัฒนาจิตใจ

  1. ฝึกพัฒนาสมาธิและการจดจ่อ
  2. ฝึกพัฒนาการควบคุมการรับรู้
  3. ฝึกพัฒนาความสงบและการปล่อยวาง
  4. ฝึกพัฒนาความหนักแน่นมั่นคง
  5. ฝึกพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเอง
  6. ฝึกพัฒนาการจัดการความคิด
  7. ฝึกพัฒนาการเข้าถึงจิตใต้สำนึก
  8. ฝึกพัฒนาการดูแลอารมณ์ของตนเอง
  9. ฝึกการตอกย้ำและโน้มน้าวจิตในทางที่เป็นคุณ
  10. ฝึกการเป็นนายเหนือกายและจิต

ค่าลงทะเบียน

 

สมทบค่าใช้จ่าย 3,200 บาท สำหรับผู้มีกำลังทรัพย์
หรือ ตามบริจาคเป็นจำนวนน้อยกว่า สำหรับผู้มีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ (ส่งใบสมัครเพื่อพิจารณาก่อน)

 

* ค่าลงทะเบียนในการอบรมสนับสนุนโครงการเพื่อการกุศลต่างๆ โดย สถาบันธรรมวรรณศิลป์ อาทิ การมอบทุนการศึกษาเยาวชน, โครงการปัญญ์ สเปซ เป็นต้น

* กิจกรรมของโครงการใน สถาบันธรรมวรรณศิลป์ ไม่รับทุนจากสปอนเซอร์ใดๆ โดยใช้รายรับจากการอบรมเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ และเป็นค่าตอบแทนแก่ทีมงาน

 

อ่านรายละเอียดโครงการเพื่อการกุศล ได้ที่

www.dhammaliterary.org/โครงการเพื่อการกุศล/

สิ่งที่จะได้รับหลังจบการอบรม

  • คู่มือฝึกโปรแกรมจิตตัวเอง จำนวน 80+ หัวข้อ
  • เนื้อหาเสริมจากคู่มือ เทคนิคและคำแนะนำเพิ่มเติม จำนวน 20+ หน้า เมื่อฝึกจากคู่มือครบ 21 หัวข้อ
  • ใบประกาศ เมื่อฝึกจากคู่มือครบ 21 หัวข้อ
  • สิทธิ์ในการเข้าเรียนซ้ำ โดยมีค่าเรียนตามบริจาค

วิทยากร

 

ครูโอเล่ อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม C.Ht

 

ผู้อำนวยการ สถาบันธรรมวรรณศิลป์ วิทยากร นักเขียน นักสะกดจิตบำบัด ผู้สอนการเขียนบำบัดในชื่อชุดหลักสูตร “เขียนเปลี่ยนชีวิต” (จำนวน 55 รุ่น) สอนการสะกดจิตบำบัดและการโปรแกรมจิตตัวเองในชุดหลักสูตร “ห้องเรียน พลังแห่งจิต” (30 รุ่น) นอกจากนี้ก็ยังเปิดอบรมในเนื้อหาต่างๆ อาทิ การรู้จักตนเอง การเจริญสติภาวนา การพัฒนาครู และภาวะผู้นำ แก่บุคคลหลากหลายอาชีพ ทั้งในการอบรมแบบเปิดและการอบรมในกลุ่มเฉพาะตามรับเชิญ

 

มีความถนัดด้านการให้คำปรึกษา การพัฒนากระบวนการคิด และการบำบัดเยียวยา และการสอนภาวนากับธรรมะประยุกต์ โดยได้รับ Certified Hypnotherapist เป็นผู้เขียนคอลัมน์ออนไลน์ “ไกด์โลกจิต” ผู้ร่วมศึกษาการเขียนบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ HIV (เสนอผลการศึกษาสองครั้ง) และผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการเขียนภาวนา (เปิดสอน 14 รุ่น และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยการเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านการเขียนภาวนา)

สมัครเข้าร่วมการอบรม

 

กรอกใบสมัครด้วยการคลิกปุ่มด้านล่างนี้ โดยจะต้องชำระค่าลงทะเบียนเพื่อยืนยันการสมัครล่วงหน้าเท่านั้น

เงื่อนไขและข้อตกลง

 

  • ผู้สมัครมีความตั้งใจร่วมกิจกรรมการอบรมอย่างเต็มที่ โดยได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดและสมัครด้วยตนเอง พร้อมมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ กับการทำกิจกรรมในการอบรมโดยทางโครงการไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • เนื่องจากการอบรมจะต้องมีการปฏิบัติเกือบทุกช่วง ดังนั้นจึงขอให้งดเว้นการเรียนคอร์สนี้พร้อมกับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การขับรถ การทำงาน หรือการเรียนซ้ำซ้อน
  • เมื่อชำระค่าลงทะเบียนแล้วไม่มีการยกเลิก ขอเลื่อน หรือคืนเงินมิว่ากรณีใดๆ เพื่อรักษาสิทธิ์ในการเข้าร่วมการอบรมของผู้สมัครคนอื่นๆ มิให้ถูกกันที่ไว้ ยกเว้น กรณีที่ชำระค่าลงทะเบียนแล้วทางโครงการมีการยกเลิกหรือเต็มจำนวนรับสมัครจะมีการคืนค่าลงทะเบียนเต็มจำนวน
  • หากมีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือส่งผลเสียต่อผู้เข้าเรียนคนอื่นๆ และอาจารย์ผู้สอน ทางโครงการจะเชิญออกจากการอบรมโดยไม่มีการชดเชยใดๆ เพื่อความเรียบร้อยและความสำรวมระวังในการฝึกฝน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องทานยา หรือต้องพึ่งพาการดูแลเป็นกรณีพิเศษ โปรดแจ้งปรึกษาโครงการก่อนสมัครเข้าร่วมเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมร่วมกัน

ติดต่อสอบถาม

dhammaliterary@gmail.com

facebook.com/khianpianchiwit

ถ้อยคำจากผู้เรียนรุ่นก่อน

“รู้สึกจิตใจเบา สบายใจได้ง่าย เพราะคิดได้ไปในทางบวกได้มากขึ้นค่ะ คล้ายๆ กับว่า มีพื้นที่ดีต่อใจมากเดิม และสามาถเห็นความสุขได้เร็วขึ้น การมีมันตราว่า “ฉันมีทางเลือกเสมอ” ยิ่งทำให้ตัวเอง ปล่อยของร้อนได้เร็วกว่าเดิม เหมือนคล้ายๆว่า จิตสั่ง ให้เราเป็นผู้เลือก และเราก็อนุญาตให้ตัวเองเลือกที่เราสบายใจด้วยค่ะ

 

“จากที่กล่าวมาข้างต้น มันคือ ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ จากกระบวนท่าที่ครูสอนให้ในห้องเรียน เช่น ผูกคำพูด มันตรา ติดไว้กับ กิจวัตรที่ตัวเองทำทุกๆวัน เพื่อกล่อมตัวเองให้เป้นคนที่เราอยากเป็น การเดิน หรือการวางตัวต่อสถานการณ์ที่กำลังเจอ ด้วยท่าทีที่มั่นใจมเราทำได้มากกว่าที่เชื่อ เหมือนที่ครุพูดบอกไว้ ส่วนตัว “คำพูด“ มันทรงพลังต่อความคิดและความรู้สึกมากค่ะ ดังนั้น การได้โปรแกรมจิตด้วย คำพูดและจิตนาการร่วม ผ่านอายตนะ ทั้ง 6 นี้ ทำให้มีโอกาสเข้าไปข้างในตัวเองลึกลงไปได้บ้าง ซึ่งได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า เราเปลี่ยนไปจริงๆ เพราะการได้เผชิญกับ ความเสียใจ นั่นเปลี่ยนท่าทีต่อมันจริงๆ ค่ะ”

 

/ คุณบุศร์ รุ่นสอง

 

“สัปดาห์แรก ก็รู้สึกถึงพลังของการสั่งจิตตั้งแต่การเดินให้มันโอเวอร์เลยค่ะ หรือการเดินให้มันสนุกโดยไม่คิดอะไรแบบสัตว์ ทำให้ตระหนักว่า เราจะสุขหรือจะทุกข์เกิดจากความคิด แล้วมันก็ส่งผลไปที่ร่างกาย พอร่างกายห่อ ใจก็ห่อเหี่ยวตามไปด้วย ทุกอย่างส่งผลถึงกันแม้ในเรื่องเรียบๆง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ตระหนักว่าการใช้ชีวิตทุกวันที่ผ่านมาเราทำอย่างไม่มีสติกำกับแทบตลอดเวลา ดังนั้นไม่แปลกเลยที่เราจะรู้สึกเหนื่อย และวุ่นวายไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบความคิดและความรู้สึก การที่ได้มาเรียน ทำให้เราได้กลับมาอยู่กับตัวเองและลมหายใจ และตั้งสติในการทบทวนตัวเองเพื่อโปรแกรมจิตให้เราได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ และมองเห็นศักยภาพของตัวเอง ในหลายๆ คาบที่เราได้เรียน ก็ยิ่งรู้ลึกไปถึงจุดที่ดี และจุดที่ต้องแก้ไขของตัวเอง

 

“สัปดาห์ที่สอง ดูว่าจะเป็นการมองที่ไกลออกจากตัวเราเพิ่มขึ้น โดยเข้าไปแตะเรื่องพลังงาน ซึ่งครูได้พูดความเชื่อมโยงพลังงานทั้งแนวพุทธและแนววิทยาศาสตร์ที่มันสอดคล้องกัน จนทำให้เราอยากศึกษาค้นคว้าต่อเลยค่ะ ทำให้เห็นว่าสรรพสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้เป็นพลังงานที่ส่งถึงกันได้ คนที่เข้ามาในชีวิตเรา หรือการที่เราได้เกี่ยวข้องกับขีวิตใคร มันคือแรงดึงดูดของพลังงาน และเมื่อพลังงานมันปรับเปลี่ยนมันก็มีเหตุให้ต้องแยกย้าย เห็นการเกิดและดับ ของความคิดตัวเอง จนโยงไปถึงความว่างและอนัตตาได้ด้วย หลังจากทำโปรแกรมจิตแล้ว มีความรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ชาร์จพลัง ถามเพื่อนๆในห้องย่อย เพื่อนๆก็รู้สึกเหมือนๆ กัน”

 

/ คุณป้อม รุ่นสอง

 

“ค้นหาว่ามีอะไรที่จะช่วยเยียวยาเราทางอื่นไหม จนมาเจอคอร์สนี้ เป็นคอร์สที่เราร้องไห้หนักมาก ตอนอาจารย์ให้บันทึกเสียงว่าอยากพูดอะไรกับใครคนนั้น เราได้บันทึกเสียงที่เราคุยกับแม่กับพี่ชาย เรากรีดร้อง เราคร่ำครวญ เราขอโทษ พอเอากลับมาฟัง เราเหมือนคนบ้าเลย
ในคอร์สนี้ทำให้เราได้เห็นภาพแม่กับพี่ เราได้กราบเท้าทั้งคู่ ทั้งสองคนกอดเรา และบอกรักเรา
เราได้โทร.หาพ่อ เล่าความรู้สึกในใจของเราทั้งหมดให้เขาฟัง และพ่อได้ตอบเราด้วยสิ่งที่ทำให้เราปลดปล่อยความหนักอึ้งในใจออกไป และตอนนี้เราได้ตัดสินใจบินกลับมาที่ไทย เพื่อจะกลับไปใช้เวลาอยู่ที่บ้าน ที่แม่และพี่เคยอยู่ เพื่อเผชิญกับความกลัวที่มีในใจ และเพื่อต่อจิ๊กซอว์ที่หายไป

 

“ขอบคุณคอร์สนี้ที่ทำให้เรามีความคิดที่จะกลับไปนอนที่บ้าน และบางที นั่นอาจจะเป็นบ้านที่เราตามหามาชั่วชีวิต”

 

/ คุณแอนนี่ รุ่นสอง

“ได้เรียนรู้วิธีปรับเปลี่ยนปัญหาด้วยอายตนะ ช่วยทำให้ปัญหาจางลง ขจัดปมลึกๆที่ฝังออก สามารถทำให้ปัญหาจางลงเล็กลง เอาไปแปะไวัพร้อมกับเพิ่มความคิดใหม่ๆและดีๆให้ชัดเจนขึ้น หลังจบคอส ไปไหนก็รู้สึกสบายใจกว่าเดิมมาก”

 

/ คุณแมว รุ่นแรก

 

ได้รับความรู้ และได้ฝึกปฏิบัติตามเทคนิคที่ครูสอนได้ฝึกกำลังจิต และวิธีการปลดปล่อยความเครียดที่สะสมรู้สึกสงบขึ้น อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้นค่ะ

 “ได้นำความรู้ที่ครูสอนมาใช้ในกิจวัตร หรือการทำงานทำให้มีสมาธิ และสามารถเก็บพลังงานบวกเอาไว้กับตัวได้นานขึ้นไม่ถูกทำลายไปง่าย ๆ เหมือนช่วงก่อนที่มาเรียน

 

/ คุณเอ รุ่นแรก

“ประเด็นที่มีอิทธิพลกับตัวเองมากๆ คือคำสอนคุณครูที่ว่า “เราถูกโปรแกรมจิตอยู่แล้วทุกๆวัน” ไม่ว่า จะถูกปัจจัยภายนอกโปรแกรม หรือตัวเราโปรแกรมตัวเอง คำพูดนี้กระตุ้นให้ได้คิด จริงๆแล้ว การสะกดจิตไม่ใช่เรื่องไกลตัว เราถูกสะกดจิตอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ เมื่อไม่รู้เท่าทัน จิตของเราจะถูกโปรแกรมแบบไม่มีระบบ ไม่มีสติ เป็นชีวิตที่ปล่อยไหลไปตามยถากรรม ตามกิเลสที่ยั่วยวนเรา ส่งผลให้เราสุข ทุกข์ไปตามกรรม

 

“แต่การเรียนรู้จากคอร์สนี้ ทำให้เข้าใจและเห็นจริงผ่านประสบการณ์ของกิจกรรม ว่า การโปรแกรมจิตให้เป็นระบบ ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเราเอง เพียงรู้เท่าทัน และ ใช้สติกำหนด ความรู้สึก นึก คิดเราเอง ก่อนจะส่งผลไปสู่การกระทำทางกาย วาจา ใจ ช่วยให้เราทำในสิ่งที่ควรทำ และพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจได้”

 

/ คุณปลื้ม รุ่นแรก

อ่านสิ่งที่ผู้เรียนรุ่นก่อนได้รับเพิ่มเติม