ไม่จำเป็นต้องมีค่าทุกที่ ทุกสถาน หรือตลอดเวลา

  “การเห็นความทุกข์จากมาตรฐานที่ตนสร้างขึ้น เป็นก้าวแรกๆ ที่สำคัญในการผ่อนปรนเงื่อนไขของชีวิต มิว่าจะเป็นเงื่อนไขการรักตัวเอง หรือเงื่อนไขอื่นๆ ก็ตามที่ผูกมัดตนไว้ “สำหรับผม การจดบันทึกเป็นเครื่องมือสำคัญ เพราะเรื่องเงื่อนไขหรือมาตรฐานรักตัวเอง เป็นนามธรรมซึ่งซ่อนเร้นอย่างแนบเนียนในชีวิต เราต้องย้อนทบทวนรูปธรรมของชีวิต – ความสุขกับความทุกข์ในชีวิตที่ผ่านมาหลายเรื่อง จึงจะเห็นแบบแผนของความทุกข์และคุกที่คุมขังใจ “ความตระหนักในเงื่อนไขการรักตัวเอง คือความเข้าใจว่านี่เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่จิตสร้างขึ้นเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้ตลอดก็ได้ “แม้จะมีเหตุการณ์และสิ่งนอกตัวเป็นเหตุปัจจัยทำให้เชื่อว่า ฉันจะมีคุณค่าได้ ฉันต้องเป็นอย่างไร แต่กระนั้นสิ่งที่กำหนดเงื่อนไขจริงๆ ก็คือการตีความของจิตนั่นเอง การเขียนบันทึกย้อนกลับไปในอดีตทำให้ได้ทบทวนการตีความนี้และเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ “ในเมื่อจิตสร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมาเอง จิตก็สร้างเงื่อนไขใหม่ได้ หรือเลือกทำให้สมดุลมากขึ้น ด้วยการแลเห็นว่า “ฉันไม่จำเป็นต้อง…” เพื่อมีค่าเพียงอย่างเดียว “แต่ฉัน…” บ้างก็เป็นคนมีค่าเช่นกัน “ผมไม่จำเป็นต้องมีค่า เมื่อผู้อื่นเห็นค่าหรือเป็นที่รักอย่างเดียว เพราะแม้หนังสือที่ใครๆ ก็ทิ้งร้างไม่หยิบอ่าน หนังสือเล่มนั้นก็ยังบรรจุเนื้อหาอันมีค่าอยู่ แม้ถูกเกลียด ถูกวิจารณ์ ถูกหมางเมิน มันไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกคุณค่าในตัวเสมอไป “อีกทั้งเรายังไม่จำเป็นต้องมีค่าทุกที่ ทุกสถาน หรือตลอดเวลา เราไม่มีค่ากับบางคน บางสถานการณ์ หรือบางเรื่องก็ได้ มันเป็นธรรมดา หนังสือที่ดีอาจไม่ได้มีค่าในมือทุกคนและทุกเวลา และมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลย “ความทุกข์ในอดีตทำให้เห็นความเป็นจริงสุดโต่งไปในทางหนึ่งทางใด เมื่อย้อนพิจารณาด้วยใจเป็นกลางแล้ว ความเห็นที่เคยตีกรอบสร้างเงื่อนไขอย่างคับแคบไปก็จะกว้างขวางมากขึ้น เรียกว่าเข้าใจชีวิตตามที่เป็นจริงมากขึ้น จึงรักตัวเองตามที่เป็นจริงโดยลำดับ … Continue reading ไม่จำเป็นต้องมีค่าทุกที่ ทุกสถาน หรือตลอดเวลา