หนังสือ เขียนดั่งเป็นกระจก

 ปก๑

หนังสือ เขียนดั่งเป็นกระจก

โดย อนุรักษ์ เม่นหรุ่ม C.Ht
สถาบันธรรมวรรณศิลป์  สงวนลิขสิทธิ์

บรรณาธิการ
ณัชชาพร มีสัจ

ผู้อ่านและวิจารณ์
พระอดิศร วรธัมโม
วิรตี ทะพิงค์แก
วันทนา ยืนยงวิวัฒน์
สินจัย ใยแก้ว

 


 

ฟังสองบทแรก ฟรี

โดยสามารถอ่านได้ในการอบรม “เขียนค้นตน” กึ่งออนไลน์

หลักสูตร เขียนเปลี่ยนชีวิต

 


 

สารจาก บก.

 

หนังสือเล่มนี้ผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียนนับแรมปีของผู้เขียน  เป็นเรื่องราวที่หาอ่านไม่ได้ตามท้องตลาดแต่ปรากฏอยู่ในหัวใจ สมอง และร่างกายของเราทุกคนอยู่เสมอ  แม้ว่าเราจะหลงลืมหรือไม่ได้สังเกตก็ตามที

หลังจากที่อ่านต้นฉบับจนจบเล่มแล้วก็ชวนให้กลับมาระลึกย้อนทบทวนตนเอง สมกับชื่อ “เขียนดั่งเป็นกระจก” ทุกสีสันรสชาติของชีวิตสะท้อนในการเขียนของผู้สร้างสรรค์งาน ทุกถ้อยคำตัวอักษรส่องลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตไร้สำนึกของผู้รจนา ทุกการเดินทางของชีวิตถูกโอบอุ้มห้อมล้อมไปด้วยไมตรีจิตของเพื่อนร่วมทางที่น่ารัก

ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้คงอยู่ที่การลงมือทำ การก้าวข้ามขอบจุดหวั่นไหวของไข่แดง การปฏิบัติของผู้บันทึกตามแบบชวนบันทึก ซึ่งย่อมสะท้อนคุณค่าภายในตัวของผู้เขียนบันทึกให้เฉิดฉายออกมาเป็นแน่แท้

ชวนให้ใช้ลมหายใจจับปากกากันนะคะ

 

บรรณาธิการ

 

 


 

คำวิจารณ์

 

“สำหรับผม(อาตมา)อ่านงานชุดนี้แล้วได้กลิ่นบางอย่างในงานและความเป็นตัวตนของผู้เขียน

“หนึ่งคือผมได้กลิ่นของถ้อยคำที่เป็นดั่งบทกวีอบอวลอยู่ในเนื้อหา

“หนังสือและตัวอักษรในแต่ละเล่มมันมีพลังของมันนะ บางเล่มที่ดีๆอ่านแล้วมีพลังของปัญญาญาณที่ล้ำหน้าไปกว่ายุคสมัยของตน บางเล่มแหลมคมไปถึงหัวใจของเรา สำหรับเล่มนี้จัดเป็นหนังสือดีเป็นหนังสือที่ให้พลังที่อบอวลไปด้วยภาพของความรู้สึก ความงาม ความรัก และ ความสุข ผมว่าในงานมีความจริงใจที่จะนำพาผู้คนไปสู่ทางที่ทำให้รู้จักตัวเอง

“ ผมว่าในงานเล่มนี้มีความจริงใจที่จะนำพาผู้คนไปสู่ทางที่ทำให้รู้จักตัวเอง  การปลดปล่อยและอิสระจากพันธนาการในใจ

“ผมว่าในงานเล่มนี้มีความจริงใจที่จะนำพาผู้คนไปสู่ทางที่ทำให้รู้จักตัวเอง  การปลดปล่อยและอิสระจากพันธนาการในใจ*

“สองคือผม(อาตมา)เห็นต้นไม้ที่กำลังเติบโตในงานชิ้นนี้ ผมเห็นว่านี้คือจุดเริ่มต้นของการเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ของผู้เขียนในอนาคตที่จะทิ้งร่องรอยไว้ในใจของผู้คนจำนวนมากและเติบโตเคียงคู่กับยุคสมัยต่อไป

“ในเนื้องานชิ้นนี้เป็นการนำผู้คนเข้าสู่มรรควิธีของพุทธด้วยวิธีการที่ร่วมสมัย แบบฝึกหัดที่ช่วยให้เราเห็นอุปาทานหรือความยึดติดของตัวเอง เป็นการเริ่มต้นที่ดีในการดูจิตเพื่อปล่อยวางความยึดติด อีกอย่างที่เล่มนี้ทำได้ดีคือเยียวยาความยึดติดที่มากกว่าปกติให้กลับเข้ามาสู่ระดับที่ปกติ

“ธรรมดาธรรมชาติของมนุษย์นั้นคือความยึดติด การเข้าใจในความยึดติดและการปล่อยวางจากความยึดติดนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และเป็นเรื่องสำคัญ

“ในการไปสู่จุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์

“แม้ว่าหนังสือจะไม่ได้พาเราเข้าสู่อสังขตธรรมแต่ก็สอนการเริ่มต้นเดินเข้าสู่เส้นทางอริยมรรค ที่ผู้เดินไปจะต้องเข้าใจความยึดติดและรู้วิธีการปล่อยวางเพื่อข้ามพ้นจากความทุกข์ระทมในชีวิตในปัจจุบันขณะ

“ขอขอบคุณในความปรารถนาดีของหนังสือเล่มนี้ที่มอบให้กับโลกใบนี้”

/ พระอดิศร วรธัมโม วัดเขาประตูชุมพล

 

 

“อ่านแล้วรู้สึกเห็นตัวเองซ้อนอยู่ในเรื่องราวของครูในบางขณะ  และเห็นเรื่องของลูกในบางขณะด้วยเช่นกัน เช่น เรื่องปมเด็กเก่ง ที่ต้องการได้รับการชื่นชมหรือยอมรับตลอดเวลา ชอบแข่งขัน ติดดี ธรรมดาไม่ได้ จะรู้สึกด้อยทันที ทำให้ผูกติดกับภาพลักษณ์ (เสพติดคำชม) แทนที่จะเห็นความดีภายใน      อ่านแล้วรู้สึกได้เข้าใจตัวเองและคนอื่นๆอย่างลึกซึ้งไปพร้อมๆกัน  ขอบคุณที่ให้เกียรติช่วยอ่านนะคะครู”

/  วิรตี ทะพิงค์แก  นักเขียนและบรรณาธิการอิสระ

 

 

“เขียนดั่งเป็นกระจก” ตัวอักษร ที่สะท้อนตัวตนความนึกคิดของเราที่ผู้เขียนซื่อสัตย์และเคารพต่อความรู้สึกที่แท้จริงจากภายในร้อยเสียงออกมาเป็นเงาสะท้อนให้เกิดการใคร่ครวญพิจารณา ยอมรับและเข้าใจความเป็นจริงตามธรรมชาติพร้อมที่จะเปิด หัวใจเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาภายในของเราให้เติบโตและเบ่งบานขึ้น”

/ สินจัย ใยแก้ว  ธุรกิจยาสมุนไพร

 

 

“สิ่งที่น่าสนใจคือเอาประสบการณ์เปิดเผยตัวเองให้เห็น การนำเอากลอนหรือบทความของคนมีชื่อเสียงหรือประโยคที่เชื่อมโยงกับเรื่องมานำเสนอประกอบ การนำตัวอย่างของผู้เข้าร่วมอบรมมาประกอบการเขียนที่ทำให้เห็นว่าการเขียนสามารถสะท้อนตัวตนของผู้บันทึกไม่ใช่เพียงการเขียนบันทึกเท่านั้น ชอบที่มีการยกตัวอย่างหรือการให้ลงมือทำในการเขียนบันทึกให้ผู้อ่านได้ลองทำ ทำให้คิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาลองลงมือทำตามที่ต้นฉบับให้ลองทำ

ในบางส่วนของต้นฉบับสำหรับผู้ที่ผ่านประสบการณ์หรือความรู้จากการอ่านมาบ้างก็จะเห็นการนำสิ่งที่เคยทราบแล้วมารวมกันเป็นบทความหรือต้นฉบับ

“การนำเสนอทฤษฎีและหลักการมาบอกต่อ เล่าเรื่องราวที่ประสบการณ์ แต่รู้สึกไม่ได้คุยกับคนอ่าน มีความรู้สึกเชิญชวนให้เข้าไปค้นหาด้วยตัวเองและเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น  การยกตัวอย่างเรื่องการ์ตูนโดเรมอน ทำให้เห็นภาพสิ่งที่เป็นตัวเราและสิ่งที่สะท้อนจากตัวละครตัวอื่นๆที่ก็มีอยู่ในตัวเราด้วย น่าสนใจในการเชื่อมโยงกับสิ่งที่เห็นกับตัวเรา อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว คิดได้ไงเนี่ย ส่วนช่วงที่นำเอาตัวอย่างของผู้เข้าร่วมอบรมมาประกอบ บางครั้งรู้สึกแสดงถึงผลงานที่ตัวผู้เขียนอยากจะบอกว่ามันแสดงถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ รู้สึกอยากอ่านบ้างไม่อยากอ่านบ้าง คำ บทความ กลอน ที่นำมาให้มุมมองของคนอ่านในการเชื่อมประสบการณ์ส่วนตัว ที่โดนใจและสละสลวย”

/  วันทนา ยืนยงวิวัฒน์   พนักงานหน่วยงานรัฐ