สร้าง “วันว่าง” ด้วยการ “วาง”

 

 

สร้าง “วันว่าง” ด้วยการ “วาง”

[ คอลัมน์ ไกด์โลกจิต ตอนที่ ๓๙ ]

 

บ่อยครั้งที่เรารอทำสิ่งที่ดีให้แก่ตนเอง หรือสิ่งที่มีคุณค่าแก่คนอื่นๆ เมื่อมี “วันว่าง” รอให้มีวันแบบนี้ก่อน บอกแก่ตนเองและคนอื่น แต่บ่อยครั้งที่ “วันว่าง” ได้มาถึง เรากลับ “ไม่ว่าง” พอที่จะทำในสิ่งที่ดีเหล่านั้นอย่างที่พูดไว้
.
บทความนี้เป็นการแนะนำข้อคิด ๕ ประการ เพื่อสร้างวันว่างด้วยตนเอง ไม่ต้องรอ และเพื่อความเข้าใจต่อวันว่างที่ถูกต้องอีกด้วย
.
.
๑ วางใจ : การมีเวลาว่างพอที่จะทำในสิ่งต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับว่าเราวางใจไว้อย่างไร
.
นึกถึงตอนที่สิ่งสำคัญของตนจู่ๆ ก็หายไปหาไม่เจอ แม้ตอนนั้นเราอาจกำลังยุ่งหรือมีธุระ ใจเราอาจคิดค้นหาเสียก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น หรือเมื่อตอนคนที่เราห่วงใยกำลังป่วยหรือเป็นทุกข์กะทันหัน ต่อให้ตอนนั้นเรากำลังมีงานหรือ ไม่ว่าง เราก็สามารถหาหนทางดูแลอีกฝ่ายได้
.
ต่อให้แม้ไม่ใช่วันว่างหรือเวลาว่าง แต่หากเราวางใจไว้ว่า สิ่งใดสำคัญต่อเรามากๆ แล้ว เราย่อมสามารถแบ่งเวลาและหาหนทางจัดการมันได้ สิ่งใดที่ดีที่อยากทำแต่แม้มีเวลาว่างแล้วก็ไม่ทำ เพราะเรายังวางใจในคุณค่าของสิ่งนั้นๆ ไม่พอ
.
เราต้องคิดถึงคุณค่าของสิ่งที่เราตั้งใจที่จะลงมือทำ ไม่คิดว่าหากไม่ได้ทำวันหน้าก็อาจทำได้ ลองคิดในทางแย่ที่สุดว่าหากไม่ได้ทำแล้วจะเป็นอย่างไร และอาจไม่มีโอกาสหน้าให้ทำอีกก็ได้
.
เราจะมีเวลาว่างได้ เรายังต้องวางใจในตนเองด้วยว่า เราสามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้ และหาทางจัดการให้ได้ทำสิ่งดังกล่าวให้สำเร็จ เพราะตราบใดที่เราเอาแต่บอกว่า ไม่นำทำได้ ไม่น่ามีเวลาพอ หรือเรามีข้อจำกัดอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ไม่มีทางทำได้เลย เพราะสะกดจิตตนเองไว้แล้ว สะกดกลั้นไฟแรงมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จไว้แล้ว
.
วางใจยังมีความหมายว่า ศรัทธา หรือ ความเชื่อ เราต้องศรัทธาในคุณค่าของสิ่งนั้นๆ ที่ตั้งใจทำ และเชื่อใจตนเองว่าเรามีคุณค่าเพียงพอที่จะพากเพียรทำสิ่งดังกล่าวที่ควรให้ได้ ลองนึกถึงสิ่งอื่นๆ ที่แม้ยาก มีเวลาน้อย และมีข้อจำกัดต่างๆ เรากลับสามารถทำจนบรรลุผล สิ่งนี้เองก็เช่นกัน เราวางใจในตนเองว่าทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน
.
.
๒ วางแผน : บ่อยครั้งที่ความวางใจผิดหรือความเชื่อที่ผิดปิดกั้นไม่ให้เราทำสิ่งที่ดี เพราะเชื่อว่าตนเองมีเวลาไม่พอ มีเวลาน้อยเกินไป คิดเช่นนี้เราก็หมดโอกาสแล้ว ทั้งที่ความจริงเราทุกคนมีเวลาเท่ากัน ต่างกันเพียงการใช้เวลาที่ได้มาไม่เหมือนกัน
.
คนที่ประสบความสำเร็จมิว่าทางใด ต่างมีวิธีการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ มิได้ย้ำคิดว่าตนเองมีเวลาไม่พอ ไม่มีเวลาทำสิ่งนั้นๆ เลย แต่คิดอีกแบบหนึ่งว่า เราจะใช้เวลาที่มีแบ่งสรรอย่างไรให้กับสิ่งสำคัญในชีวิตและสิ่งที่ต้องทำ
.
การวางแผนช่วยให้เรามี “วันว่าง” การขาดการวางแผนที่ดีทำให้เรามีแต่ “วันวุ่น” เพราะมีการจัดสรรให้เรียบร้อยจึงมีที่ว่างเกิดขึ้น หากเราทำสิ่งต่างๆ ไปอย่างไร้ระบบการจัดการ ย่อมเหมือนบ้านที่วางของกระจัดกระจายไปทั่ว ย่อมไม่มีที่ว่างให้ทำสิ่งต่างๆ ในบ้านได้
.
การวางแผนไม่ใช่เรื่องยาก การทำตามแผนก็มิใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเช่นกัน หากสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะทำ ดูยาก หรือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ให้ลองวางแผนแบบขั้นบันได เริ่มจากเล็กและง่าย เพิ่มขยายสิ่งที่ต้องทำให้ค่อยๆ มากและยากขึ้น
.
หั่นซอยสิ่งที่ยากให้เล็กและง่ายที่สุดก่อน หากเราตั้งใจออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง ลองเริ่มจากออกกำลังกายวันละห้านาทีก่อน ทำให้สำเร็จเป็นกำลังใจจากเวลาน้อยๆ ก่อน และเพิ่มเวลามากขึ้นไปแบบขั้นบันไดแบบวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
.
เห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆ และความสำเร็จน้อยๆ ที่เราได้เริ่มต้น ตอนนั้นเราก็ได้สร้างคุณค่าให้กับเวลาว่างแล้ว บ่อยครั้งที่เรารอวันว่างที่อาจมีเวลาว่างๆ ให้เราได้ใช้ถึง ๒๔ ชั่วโมง แต่มันก็ดูเป็นโอกาสที่ต้องรออีกนานแสนนาน ทั้งที่เราสามารถสร้างวันว่างให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการวางแผนให้เราได้มีและได้ใช้เวลาว่างทีละน้อยละน้อย
.
วันว่างไม่จำเป็นต้องมีเวลาว่างมาก เวลาว่างสั้นๆ ก็เปลี่ยนชีวิตเราได้ การทำสิ่งที่ดีต่อกายและใจวันละเล็กวันละน้อย ให้ผลดีกว่าการเฝ้ารอคอยวันว่างที่มีเวลาว่างยาวๆ เพราะบ่อยครั้งกว่าที่เราจะได้วันเช่นนั้นมา เราก็ไม่ได้ฝึกวินัยมามากพอที่จะใช้เวลาที่มีอย่างเกิดผลประโยชน์ที่สุด
.
ลองสร้างวันว่างให้กับชีวิต ด้วยการฝึกวางแผนให้เกิดเวลาว่างสั้นๆ ในแต่ละวัน ว่างเพื่อให้เกิดการพักผ่อนแก่จิตใจ ว่างเพื่อให้เราได้ทำสิ่งที่ดีให้แก่ตนเองและคนใกล้ตัวอย่างแท้จริงบ้าง
.
.
๓ วางหู : แม้โทรศัทพ์ที่คนยุคนี้ใช้กันบ่อยจะไม่ได้แบ่งออกส่วนออกเป็นหูโทรศัทพ์กับตัวเครื่องอย่างโทรศัพท์บ้านแล้ว แต่สำนวนไทยคำว่า วางหู ก็ยังหมายถึงการวางจากสายโทรศัพท์ และขอนำมาใช้ในความหมายถึงการ “วางมือ” จากโทรศัพท์ รวมทั้งสิ่งเกินจำเป็นของชีวิตที่เบียดบังเวลาเรา ในบทความนี้
.
การใช้ชีวิตในสังคมร่วมสมัย อาจปฏิเสธสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เครื่องมือเทคโนโลยีอื่นๆ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ได้ว่า มีความจำเป็นราวปัจจัยที่ห้าหรือที่หกต่อการทำงานและการใช้ชีวิตมาก แต่การใช้งานสิ่งใดด้วยความเพลิดเพลินต่อเนื่องกันและซ้ำหลายหนมากเข้า เราอาจแยกแยะยากว่าฝ่ายใดกันแน่กำลังเป็นฝ่ายใช้งาน
.
ด้วยจิตที่หลงติดกับดักของความเพลิดเพลินแล้ว ก็ย่อมเหนี่ยวเอาสิ่งดังกล่าวมาเป็นตัวตนของตนด้วยความพอใจ ติดในวงจรของความอยากและการยึดติด แม้เมื่อเวลาว่างมี เรากลับไม่ว่าง เพราะรู้สึกว่าต้องคอยเปิด ต้องคอยเช็ค ต้องหยิบนำขึ้นมาสัมผัสให้รู้สึกมีอยู่ของตัวตน มิว่าจะเป็นโทรศัทพ์มือถือ แอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดีย หรือของรักของหวงใดๆ
.
เวลาว่างมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่ใจเรากลับไม่ว่างพอ ไม่วางมือจากสิ่งที่อยากและยึดเหนี่ยวไว้ทำให้ใจวุ่น ต้องคอยสนองตอบเป็นทาสแก่ความอยากและความเพลิดเพลิน จนมิได้คิด พูด และทำในสิ่งที่ควรในเวลาว่างที่มี
.
จึงเป็นคำแนะนำที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมร่วมสมัยว่า หากเราปรารถนาที่จะมีวันว่างพอที่จะทำสิ่งที่ดีต่อกายและใจตนเองหรือคนรอบข้าง เราต้องหยุดแบ่งเวลาไปกับโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เทคโนโลยี และแอพลิเคชั่นต่างๆ กลับมาให้เวลากับปัจจุบันขณะและสิ่งรอบตัวเราบ้าง
.
ขณะที่เราก้มหน้าดูจอกระจกอยู่นั้น เราไม่เห็นเลยว่าโลกกำลังหมุนไปอย่างไร คนรอบข้างกำลังเป็นอย่างไร เราไม่เห็นกระทั่งตัวเราเองและจิตใจเราเองเลยว่ากำลังต้องการอะไร เราเห็นแต่ความอยากและความเพลิดเพลินเท่านั้น
.
เมื่อก่อนจะมีแคมเปญในสังคมนอกกระแสหลักว่า “ปิดทีวี เปิดชีวิต” แต่เดี๋ยวนี้คงต้องเปลี่ยนใหม่เป็น “ปิดมือถือ เปิดชีวิต” กลับมาถามตนเองว่า สิ่งใดคือคุณค่าแท้จริงของตัวเราและการเกิดขึ้นมา
.
.
๔ วางตา : สำนวนไทย คำนี้แปลว่า ละสายตา ไม่มองหรือไม่ใส่ใจ วันว่างมีแทรกอยู่ในแต่ละวันของเราอยู่แล้ว แต่เราไม่ว่างพอที่จะเห็นเวลาว่างเหล่านั้น และถึงแม้เห็นก็ไม่รู้ค่า เพราะจิตวุ่นวายเกินไป ไม่ว่างพอ เพราะเราเอาตาของใจไปใส่ใจสิ่งต่างๆ เกินควรจนทำให้ใจเรานั้นไม่ว่าง
.
เมื่อใจไม่ว่างแล้ว ย่อมทำและคิดในทางที่วุ่นวาย ปรุงแต่ง และไม่รู้สงบ เราไม่มีทางมีวันว่างอย่างแท้จริงได้ หากเรายังเอาสายตาของใจกาย ยุ่งกับสิ่งเร้าต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก
.
ยิ่งเดี๋ยวนี้แล้วเรามีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมายพยายามนำเสนอตัวเราอยู่ตลอด ยิ่งเราไม่รู้วางตาตนเอง เอาแต่ตาไปจดจ้องไล่เลื่อนหน้าแล้วหน้าเล่า โพสต์แล้วโพสต์เล่า คลิปวิดีโอนี้ทีเรื่องนั้นที เวลาว่างในชีวิตก็หมดไปอย่างไร้คุณค่าแล้ว
.
การวางสายตาลงจากสิ่งเร้าใดๆ ทั้งปวง ฝึกสมาธิ เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเรามีสมาธิมากขึ้น เลือกจดจ่อการทำสิ่งใดอย่างไม่วางตาแล้ว เราจะรู้สึกเองว่าเวลานั้นไม่ได้มีน้อยเลย ยิ่งมีสติในปัจจุบันขณะด้วยมากเพียงใด ยิ่งเห็นว่าเวลาว่างมีมากเพียงใด
.
ขอให้ลองระลึกถึงตอนเริ่มฝึกทำสมาธิหรือการต้องทำสิ่งที่ยากๆ และเราไม่ชอบ เราจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก คนที่ไม่ชอบนั่งสมาธิแล้วได้นั่งสมาธิเพียงห้านาทีอาจรู้สึกว่ามันยาวนานราวหลายสิบนาที เพราะเมื่อเราต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคย เราต้องใช้สติมากกว่าเดิม รู้ตัวมากกว่าปกติ หากเป็นเรื่องที่ชอบแล้วความเพลิดเพลินก็จะทำให้เราไม่มีสติไม่รู้ตัว จึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไว
.
ในระหว่างวัน หลับตาเราลงบ้าง วางตาลงในความสงบ วางมือจากสิ่งยั่วเร้าทั้งหลาย ต่อให้แม้สิ่งนั้นๆ จะเป็นงานหรือคนที่เรารัก เราก็ต้องมีเวลาว่างให้ใจว่างเว้นจากความวุ่นวายทั้งหลาย เพื่อรักตัวเราอย่างแท้จริง
.
เราจะมีเวลาว่างมากขึ้นเมื่อเราฝึก “ว่างเว้น” วางมือและวางตาจากการกระทำและสิ่งเร้าทั้งหลาย กลับมาหาตนเองและความสงบว่างในปัจจุบัน แม้เพียงห้านาทีของเวลาว่างก็ล้ำค่ากว่าห้านาทีของการเสพสื่อต่างๆ ทั้งหลาย
.
.
๕ วางตน : ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม แม้รู้ค่าและรู้วางแผนสิ่งสำคัญมากเพียงใด หากไม่กระทำสอดคล้องกับแนวคิดแล้ว วันคืนที่ล่วงไปก็ไม่สมคุณค่าอย่างเต็มที่ เป้าหมายก็สำเร็จแต่ในหัวเท่านั้น
.
วันเวลาชีวิตนั้นแท้จริงแล้วมีจำกัด น้อยลงเรื่อยๆ ไปตามอายุ หากถือตนเองก็จะรู้สึกไปเองว่าเวลาชีวิตมีอีกยาวไกล มีมากตามใจปรารถนา การใช้ชีวิตก็จะวางตัวไปตามใจต้องการ ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมว่า ณ ตอนนี้ควรทำอะไร ควรเป็นอย่างไร นี่คือความประมาท เมื่อเราประมาทในเรื่องใดแล้วก็เท่ากับประมาทในเวลาชีวิตด้วย เพราะย่อมเป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาชีวิตอันมีค่าไปอย่างไม่มีค่า
.
วางตนยังหมายถึงการละวางจากตัวตน สิ่งที่เราทำจนเคยชิน มิได้เป็นตัวตนอันแท้จริงให้ยึดติด หากเรายังถือว่า เพราะฉันเป็นแบบนี้ เพราะฉันเป็นเช่นนี้ เราก็ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงตนเองและการใช้ชีวิตในทางที่ดีขึ้นได้เลย เพราะจิตก็คิดปรุงต่อว่าฉันทำได้เท่านี้ เพราะนี่คือฉัน
.
เวลาในชีวิตมักหมดไปกับการพยายามตอบสนองตัวตนและรักษาความเป็นตัวตนไว้ ทำให้เราไม่รู้จักว่างเว้นและวางมือจากการกระทำต่างๆ อันเคยตัว บางคนถือในความเป็นคนทำสิ่งต่างๆ ให้ถึงที่สุด ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายไม่มีเวลาพักเพราะทำสิ่งต่างๆ เต็มที่จนเกินไป บางคนถือความเป็นคนเห็นใจผู้อื่น หมดแรงและเวลากับการดูแลภาระของคนอื่นจนลืมภาระของตนเอง
.
เราจะมีวันว่างอย่างสมบูรณ์เมื่อวางตนจากความเป็นฉันลงไป ไม่นำความเคยชินมาเป็นข้ออ้าง วางมือจากการกระทำแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา ฝึกฝืนใจมิให้ทำอย่างเก่า แต่ก็วางใจหรือเชื่อใจว่า เราเป็นได้มากกว่าที่ยึดติด เรามีศักยภาพและคุณค่ามากกว่าที่เคยเห็น สิ่งที่คิดว่าเป็นตัวเราเป็นแค่ด้านหนึ่งเท่านั้น
.
เพียงรู้ที่จะวางตนอย่างเหมาะสมแก่กาลและงาน เท่านี้เราก็เริ่มละวางจากการถือตนลงแล้ว เพราะรู้ปรับเปลี่ยนไปตามเหตุอันควรอันเหมาะสม เริ่มต้นจากการรู้วางมือและว่างเว้น เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจและทำสิ่งๆ นั้นแบบนี้เสมอไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถือเป็นภาระไว้ตลอดก็ได้
.
วางตนยังเป็นการรู้ผ่อนปรนตนเองอีกด้วย หากเราเป็นผู้ถือมั่นอะไรมากเกินไป บีบคั้นหรือตั้งใจจนเป็นผลทุกข์แก่ตนและคนอื่น เราก็ต้องวางลงเช่นกัน อย่างน้อยเพื่อมิให้ความมุ่งมั่นเกินไปของตนเองนั้นส่งผลให้ต้องหมดเวลาไปกับการรักษาร่างกายในวันหน้า
.
เวลาว่างๆ มีอยู่รอบๆ ตัวเราเสมอ เรามีวันว่างได้ทุกวันที่มีลมหายใจ ขอเพียงเรากลับมามีสติและรู้จักการละวาง ด้วยการวางสิ่งต่างๆ เวลาว่างที่ดีไม่จำเป็นต้องมีมาก เวลาว่างมากๆ ก็ใช้ไปอย่างสูญเปล่าได้
.
เวลาว่างเพียงเล็กน้อยที่ใจว่างเพราะวางอย่างแท้จริง มีสุขมากกว่าการขวยขวายให้ได้มาให้ได้เต็ม วางตนจากความมุ่งมาดปรารถนาเติมเต็มตนเอง เท่านี้ก็ว่างลงมากแล้ว
.
.
อนุรักษ์ ครูโอเล่
คอลัมน์ ไกด์โลกจิต ตอนที่ ๓๙

 

 

> > > อ่านบทความคอลัมน์ไกด์โลกจิต :
www.dhammaliterary.org/คอลัมน์-ไกด์โลกจิต/

> > > สามารถสนับสนุนกิจกรรมและบทความ ผ่านการเข้าร่วมคอร์สของเรา
www.dhammaliterary.org/คอร์สการอบรม/